Go to full page →

คำอธิษฐานที่พระเข้าทรงตอบ CChTh 433

แต่เราสามารถจะยึดมั่นในคำสัญญาของพระองค์ได้ ก็ต่อเมื่อเราดำเนินชีวิตตามทางของพระองค์และยอมเชื่อ ฟังคำสั่งสอนของพระองค์เท่านั้น ผู้แต่งบทเพลงสรรเสริญ ได้กล่าวว่า “ถ้าข้าพเจ้าคิดนึกตรึกตรองความชั่วในใจ พระเจ้าจะไม่ทรงฟังข้าพเจ้าเลย” (บทเพลงสรรเสริญบท 16:18) ถ้าเรายอมเชื่อฟังพระองค์เพียงครึ่ง ๆ กลาง ๆ คำสัญญาของพระองค์จะไม่สำเร็จบริบูรณ์สำหรับเรา CChTh 433.1

ในพระคำของพระเจ้าเรามีคำสอนเกี่ยวกับคำอธิษ ฐานพิเศษเพื่อให้คนป่วยหายจากโรค แต่การอธิษฐาน เช่นนี้เป็นการกระทำที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด และก่อนที่จะอธิษ- ฐานเราจะต้องคิดดูให้รอบคอบ มีหลายคนที่ไม่มีความเชื่อ เมื่อเขาอธิษฐานขอพระเจ้าให้ทรงรักษาคนป่วยให้หาย การกระทำเช่นนี้เป็นการหมิ่นประมาทต่อพระเจ้า CChTh 433.2

หลายคนนำโรคร้ายมาสู่ตัวเองโดยการที่เขาตามใจตัว เองให้ทำอะไร ๆ ตามที่เขาพอใจ เขาไม่ได้ดำเนินชีวิตตาม กฎของธรรมชาติหรือดำเนินชีวิตตามทางชอบธรรมหลาย คนไม่ยอมปฏิบัติตามกฎอนามัยเกี่ยวกับการรับประทาน อาหารการดื่ม การแต่งกายและการทำงาน ความผิดบาง อย่างมักจะเป็นสาเหตุแห่งความเสื่อมทรามของจิตใจและ ร่างกาย ถ้าหากว่าคนเหล่านี้ได้มีร่างกายสมบูรณ์อีกหลาย คนก็จะทำผิดและล่วงละเมิดกฎธรรมชาติของพระเจ้าและ ล่วงละเมิดพระบัญญัติของพระองค์ต่อไป เขาคิดเสียว่าเมื่อ พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของเขาโดยโปรดให้เขาหาย ป่วยเขาก็มีอิสระที่จะทำสิ่งที่ผิดอนามัยต่อไปและตามใจตัว เองในการกินอยู่ในทางที่ผิดเหมือนที่เคยทำมาแล้ว ถ้าหาก พระเจ้าจะทรงช่วยให้คนเหล่านี้หายป่วยก็เท่ากับพระองค์ ทรงช่วยให้เขาทำความผิดบาปมากยิ่งขึ้น CChTh 434.1

กิจการที่เราทำย่อมไร้ประโยชน์ถ้าเราจะสอนให้คน ทั้งหลายพึ่งในพระเจ้าในฐานะที่พระองค์เป็นผู้ทรงสามารถ จะรักษาเขาให้หายจากโรคร้าย เราจะต้องสอนคนเหล่านั้น ให้ปฏิบัติตามกฎอนามัยอีกด้วย ในการที่พระเจ้าจะทรง ตอบคำอธิษฐานของเรานั้น เราจะต้องเลิกทำความชั่วร้าย และทำสิ่งที่ดี สิ่งแวดล้อมของเขาจะต้องอยู่ในลักษณะที่ถูก อนามัย ชีวิตและอุปนิสัยของเขาต้องเป็นไปในทางที่ถูก ต้อง เขาต้องดำเนินชีวิตตามพระบัญญัติของพระเจ้าทั้งใน ทางธรรมชาติและทางวิญญาณจิต CChTh 434.2

คนทั้งหลายที่ปรารถนาจะอธิษฐานขอพระเจ้าทรง ช่วยรักษาเขาให้หายจากโรค ควรจะได้รับคำสอนว่าการ ล่วงละเมิดพระบัญญัติของพระเจ้าเป็นคนผิดบาป และ เขาต้องสารภาพความผิดบาปของเขาเพื่อเขาจะได้รับพระ พรจากพระองค์ CChTh 435.1

พระคัมภีร์สอนเราว่า “เหตุฉนั้นท่านจงสารภาพรับ ผิดต่อกันและกัน และจงอธิษฐานเพื่อกันและกัน เพื่อ ท่านจะได้หายจากโรค” (ยาโกโบบท 5:16) สำหรับคน ทั้งหลายที่อธิษฐานขอพระเจ้าทรงรักษาเขาให้หายจากโรค เขาควรจะคิดว่า “เราไม่สามารถจะอ่านจิตใจหรือทราบ ความลับในชีวิตของท่าน.... สิ่งที่ตัวท่านและพระเจ้าเท่า นั้นที่ทราบ ถ้าท่านรู้สำนึกผิดและยอมกลับใจเสียใหม่ก็ เป็นหน้าที่ของท่านที่จะสารภาพผิดต่อพระองค์” เราจะ ต้องสารภาพความผิดบาปส่วนตัวของเราต่อพระคริศต์....ผู้ ติดต่อเสนอความระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ เพราะ “ถ้าผู้ ใดหลงกระทำผิดเราก็มีพระองค์ผู้ช่วยเหลือสถิตอยู่กับพระ บิดา คือพระเยซูคริศต์ผู้เที่ยงธรรมนั้น” (1 โยฮันบท 2:1) ความผิดบาปทุกอย่างเป็นสิ่งที่พระเจ้าไม่พอพระทัย และเราต้องสารภาพความผิดบาปต่อพระองค์โดยทางพระ- คริศต์ ความผิดบาปที่เปิดเผยทุกอย่างก็ต้องสารภาพอย่าง เปิดเผย เมื่อเราทำผิดบาปต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเราก็ควร จะพูดกับเขาและสารภาพผิดต่อเขาแล้วกลับคืนดีกัน ถ้า คนหนึ่งคนใดได้กล่าวคำชั่วร้าย ถ้าคนเราได้พูดยุยงให้คน ที่อยู่ในครอบครัวเกิดแก่งแย่งชิงดีกัน หรือทำให้เกิดการ วิวาทบาดหมางกันในครอบครัว ถ้าเราได้ทำสิ่งชั่วร้ายที่จะ ชักจูงให้คนอื่น ๆ ทำผิดบาป เราควรสารภาพสิ่งเหล่านี้ ต่อหน้าพระเจ้าและต่อหน้าคนทั้งหลายที่เราได้ทำผิดต่อ เขา “ถ้าเราสารภาพความผิดของเราพระองค์ทรงสัตย์ซื่อ และเที่ยงธรรมก็จะทรงโปรดยกบาปโทษของเรา และจะ ทรงชำระเราให้พ้นจากอธรรมทั้งสิ้น” (1 โยฮันบท 1:9) CChTh 435.2

เมื่อเราได้สารภาพความผิดบาปของเราแล้ว เราก็ สามารถจะอธิษฐานขอพระเจ้าทรงช่วยรักษาคนป่วยให้หาย ด้วยความเชื่ออันมั่นคง พระเจ้าทรงรู้จักชื่อของเราแต่ ละคน ๆ และทรงพิทักษ์รักษาทุก ๆ คนที่อยู่ในแผ่นดินโลก เพราะเหตุที่พระเจ้าทรงประกอบด้วยความรักอย่างมาก มายเราจึงควรจะช่วยพูดสนับสนุนให้ผู้ป่วยไว้วางใจใน พระองค์และมีใจร่าเริง การที่คนป่วยมีความวิตกกังวลถึง ตัวเองทำให้ร่างกายอ่อนแอและเกิดโรค ถ้าคนเหล่านั้น จะไม่ทำจิตใจให้เศร้าหมอง เขาก็จะหายเร็วยิ่งขึ้นเพราะ “พระเนตรของพระยะโฮวาทอดดูอยู่บนคนทั้งปวงที่เกรง- กลัวพระองค์และผู้ที่คอยท่าในพระกรุณาของพระองค์” (บทเพลงสรรเสริญ บท 33:18) CChTh 437.1

ในการอธิษฐานเพื่อคนป่วยเราควรจะระลึกว่า “เรา ทั้งหลายไม่รู้ว่าเราควรจะอธิษฐานขอสิ่งใดอย่างไร” (โรม บท 8:26) เราไม่ทราบว่าสิ่งที่เราทูลขอพระเจ้านั้นจะเป็นสิ่ง ที่ดีที่สุดสำหรับเราหรือไม่ เพราะเหตุฉนั้นเมื่อเราอธิษฐาน เราควรคิดว่า “ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงทราบความลับ ทุก ๆ อย่างในจิตวิญญาณ พระองค์ทรงรู้จักคนเหล่านี้ พระเยซูผู้เสนอความแทนเขาทั้งหลายได้ทรงปลงพระชนม์ เพื่อเขาทั้งหลาย ความรักที่พระองค์ทรงมีต่อคนเหล่านี้เป็น ความรักอันยิ่งใหญ่ ถ้าหากพระองค์จะทรงรักษาคนที่ป่วย ให้หายเพื่อสง่าราศรีของพระองค์และเพื่อประโยชน์ของ เขาเราก็ทูลขอในนามพระเยซูขอพระองค์โปรดให้เขา หายป่วย ถ้าไม่เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ที่จะให้ เขาหายจากโรคเราก็ขอให้พระคุณของพระองค์ช่วยเล้าโลม ใจเขาและขอพระองค์ทรงสถิตอยู่กับเขาในเวลาที่เขาได้รับ ความทุกข์ทรมาน CChTh 437.2

พระเจ้าทรงทราบทุก ๆ สิ่งตั้งแต่ต้นจนถึงที่สุดปลาย พระองค์ทรงทราบจิตใจของมนุษย์ทุกคน พระองค์ทรง ทราบความลับของจิตวิญญาณทุก ๆ ดวง พระองค์ทรงทราบ ว่าถ้าหากคนป่วยนั้นได้รอดชีวิต เขาจะสามารถทนความ ยากลำบากที่เขาได้รับหรือไม่ พระองค์ทรงทราบว่าชีวิต ของเขาจะนำความสุขหรือคำสาปแช่งมาให้สู่ตัวเขาเองและ คนทั้งหลายในโลก เพราะเหตุนี้เมื่อเราอธิษฐานขอต่อ พระเจ้าเราจึงควรจะทูลพระองค์ว่า “ขออย่าให้เป็นไปตาม ใจข้าพเจ้า แต่ให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์” (ลูกาบท 22:42) เมื่อพระเยซูทรงอธิษฐานในสวนเก็ธเซ- มาเนก่อนที่พระองค์จะถูกตรึงที่กางเขนพระองค์ได้ทูลพระ บิดาว่า “ถ้าพระองค์ทรงพอพระทัยแล้วขอให้จอกนี้เลื่อน พ้นไปจากข้าพเจ้า” (มัดธายบท 26:39) ถ้าพระเยซู พระบุตรของพระเจ้าทรงอธิษฐานขอต่อพระบิดาเช่นนี้แล้ว เราทั้งหลายซึ่งเป็นมนุษย์ผู้มีความผิดบาปก็ควรจะทำตาม แบบอย่างของพระองค์ด้วย CChTh 438.1

สิ่งที่เราควรปฏิบัติอยู่เสมอคือเราจะต้องทำตามน้ำ พระทัยของพระเจ้าและมีความไว้วางใจในพระองค์ เรา ทราบว่าพระเจ้าทรงสดับฟังเราถ้าเราทูลขอตามน้ำพระทัย ของพระองค์ แต่การที่เราจะทูลขอพระเจ้าโดยไม่มีใจถ่อม ลงนั้นเป็นวิ่งที่ผิด คำอธิษฐานของเราต้องเป็นคำวิงวอน ขอร้องไม่ใช่บังคับให้พระเจ้าทรงทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ให้เรา CChTh 439.1

มีคนป่วยบางรายที่พระเจ้าโปรดรักษาให้หายเองด้วย ฤทธานุภาพของพระองค์ แต่พระเจ้าไม่โปรดให้คนป่วย ทุกคนหายจากโรค หลายคนได้ล่วงลับไปในนามของพระ เยซู โยฮันผู้ถูกเนรเทศไปอยู่ที่เกาะปัตโมได้เขียนไว้ว่า “คนทั้งหลายที่ตายในองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วจะเป็นสุข และ พระวิญญาณตรัสว่าจริงอย่างนั้น เพื่อเขาจะได้หยุดพัก จากการเหน็ดเหนื่อยของเขา และผลแห่งกิจการที่เขาได้ กระทำนั้นก็ติดตามเขาไป” (วิวรณ์บท 14:13) จากข้อ พระคัมภีร์ข้อนี้ เราจะได้เห็นว่าถ้าหากคนป่วยไม่หายจาก โรคและต้องสิ้นชีวิตไป เราไม่ควรจะคิดว่าคนป่วยนั้นไม่ มีความเชื่อเขาจึงไม่หายจากโรค CChTh 439.2

เราทุกคนปรารถนาที่จะให้พระเจ้าตอบคำอธิษฐาน ของเราโดยเร็ว และเราจะรู้สึกท้อถอยเมื่อพระเจ้าตอบคำ อธิษฐานของเราช้าหรือตอบเราในวิธีที่เราไม่ได้หวังว่าจะ เป็นเช่นนั้น แต่พระเจ้าทรงมีสติปัญญารอบคอบพระองค จึงได้ทรงตอบคำอธิษฐานของเราตามเวลาและตามวิธีที่เรา ปรารถนา พระองค์จะทรงกระทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราแม้ ว่าเราจะไม่ได้ทูลขอสิ่งนั้นจากพระองค์ เมื่อเรามีความไว้ วางใจในสติปัญญาและความรักของพระองค์ เราก็ไม่ควร จะทูลขอพระองค์ทรงทำตามที่เราพอใจ แต่ควรจะทูลขอ ทุกสิ่งตามน้ำพระทัยของพระองค์ และเราควรจะปฏิบัติ ตามที่พระองค์ทรงมุ่งหมายไว้ ความปรารถนาและความ สนใจของเราควรเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ การที่m พระเจ้าทรงทดลองความเชื่อของเราเช่นนี้ก็เพื่อประโยชน์ ของตัวเราเอง โดยการทดลองเช่นนี้ พระเจ้าจะทรงทราบ ว่าเรามีความเชื่อที่แท้จริงหรือไม่ เราไว้วางใจในพระคำ ของพระเจ้าอย่างเดียวหรือว่าเราไว้วางใจในเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนและอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าเราอธิษฐานขอพระเจ้าด้วยความเชื่อเราก็จะมีความเชื่อ มั่นคงยิ่งขึ้น เราต้องมีความอดทนและระลึกอยู่เสมอว่ามีคำ สัญญาอันประเสริฐในพระคัมภีร์สำหรับคนทั้งหลายที่ปรน- นิบัติรับใช้พระเยซู CChTh 440.1

มีพวกเราบางคนที่ไม่เข้าใจถึงสิ่งเหล่านี้ หลายคนที่ อธิษฐานขอพระเจ้าทรงรักษาเขาให้หายจากโรค คิดว่าเขา จะต้องได้รับคำตอบจากพระเจ้าทันที มิฉนั้นแล้วเขาก็คิด ว่าเขาไม่มีความเชื่อพอ เพราะเหตุนี้คนป่วยที่อ่อนกำลัง เพราะโรคร้ายจะต้องได้รับคำตักเตือนแนะนำอย่างฉลาด รอบคอบ เพื่อเขาจะทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง มีหลายคนที่เข้าใจผิดว่าเมื่อเขาเชื่อว่าพระเจ้าจะโปรดให้ เขาหายจากโรคตามที่อธิษฐาน บางคนก็ไม่กล้าจะทำ อะไร ๆ ที่แสดงว่าเขาขาดความเชื่อ แต่คนป่วยควรจะจัด การทรัพย์สินสมบัติของเขาให้เรียบร้อยตามที่เขาปรารถนาจะ ทำถ้าหากว่าเขาต้องสิ้นชีวิตลงจริง ๆ และเขาไม่ควรกลัว ที่จะกล่าวถ้อยคำที่ช่วยปลุกปลอบใจผู้ซึ่งเป็นที่รักของเขา ในเวลาที่เขาจะต้องจากคนเหล่านั้นไป CChTh 441.1

คนทั้งหลายที่หวังจะให้พระเจ้าทรงรักษาเขาให้หาย ป่วยด้วยการอธิษฐาน ไม่ควรจะเพิกเฉยละเลยในการที่ จะใช้ยาบำบัดรักษาโรคที่เขาสามารถจะหาได้ การที่ผู้ป่วย ใช้ยาบรรเทาความเจ็บปวดหรือปฏิบัติตัวตามกฎของธรรม ชาติเพื่อจะได้หายจากโรค ไม่ได้แสดงว่าเขาขาดความเชื่อ การที่เขาร่วมมือกับพระเจ้าในการที่พระองค์ทรงช่วยรักษา เขาให้หายป่วยนั้นมิได้แสดงว่าเขาขาดความเชื่อในพระองค์ พระเจ้าโปรดให้เราเรียนรู้ถึงกฎแห่งชีวิต และเราสามารถ จะนำความรู้นี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ เมื่อเราอธิษฐาน ขอพระเจ้าทรงรักษาคนป่วยเราก็สามารถจะทำงานอย่างเข้ม แข็งมากขึ้น และขอบคุณพระเจ้าที่เรามีสิทธิจะร่วมมือ กับพระองค์และเราทูลขอพระองค์ทรงรักษาคนป่วยให้หาย จากโรค CChTh 442.1

พระเจ้าทรงพอพระทัยที่จะให้เราใช้ยาบำบัดรักษาคน ป่วย กษัตริย์ฮิศคียาประชวรและพระเจ้าได้ใช้ศาสดา พยากรณ์ไปทูลกษัตริย์ฮีศคียาว่าท่านจะต้องสิ้นพระชนม์ กษัตริย์ฮีศคียาทูลขอต่อพระเจ้าและพระเจ้าทรงสดับฟังคำ ร้องทุกข์ของผู้รับใช้ของพระองค์ และทรงใช้ศาสดา พยากรณ์มาทูลฮีศคียาว่าพระเจ้าโปรดให้ท่านมีชีวิตต่อไป อีกสิบห้าปี ถ้าพระเจ้าตรัสเพียงคำเดียวกษัตริย์ฮิศคียาก็จะ หายจากโรคทันที แต่พระเจ้าตรัสว่า “จงทำขมมลูก มะเดื่อเทศแล้วเอามาปิดไว้บนฝีเพื่อพระองค์จะหายได้” CChTh 443.1

เมื่อเราอธิษฐานขอพระเจ้าทรงรักษาคนป่วยไม่ว่าจะ มีอะไรเกิดขึ้นเราจะต้องมีความเชื่อในพระเจ้า ถ้าผู้ป่วย ซึ่งเป็นที่รักของเราต้องตายจากเราไป ขอให้เรายอมรับจอก แห่งความทุกข์โศกนั้น และจำไว้ว่าพระหัตถ์ของพระบิดา ทรงยกจอกนั้นไว้ที่ริมฝีปากของเราและโปรดให้เราดื่มจาก จอกนั้น แต่ถ้าผู้ที่เรารักหายป่วย เราก็ไม่ควรจะลืมว่า พระเจ้าโปรดช่วยรักษาเขาให้หาย เมื่อคนโรคเรื้อนสิบคน หายจากโรค มีเพียงคนเดียวที่กลับไปหาพระเยซูเพื่อถวาย สง่าราศรีแก่พระองค์ ขออย่าให้เราเป็นเหมือนคนโรคเรื้อน ทั้งเก้าคนที่ไม่มีความกตัญญูรู้คุณของพระเยซูและไม่รู้สึก ถึงพระเมตตากรุณาของพระเจ้า “ของประทานอันดีทุก อย่างและของประทานอันเลิศทุกอย่างย่อมมาแต่เบื้องยน และลงมาจากพระบิดาผู้ทรงบันดาลให้มีดวงสว่าง ในพระ บิดานั้นไม่มีการแปรปรวนไปหรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงเช่น เงาที่ทอดออกไปด้วยอาการหมุนเวียน” (ยาโกบทที่ 1:17) CChTh 443.2

* * * * *