Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First
    Larger font
    Smaller font
    Copy
    Print
    Contents

    5. การอุทิศถวายตน

    พระเจ้าทรงสัญญาไว้แล้วว่า “เจ้าจะแสวงหาเราและพบเรา เมื่อเจ้าแสวงหาเราด้วยสิ้นสุดใจของเจ้า” เยเรมีย์ 29:13 {SC 43.1}ThSC 38.1

    เราจะต้องมอบถวายจิตใจทั้งหมดให้แด่พระเจ้า มิฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงที่จะนำเรากลับคืนสู่พระฉายาของพระเจ้าจะเกิดขึ้นไม่ได้ โดยธรรมชาติแล้ว เราห่างเหินจากพระเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงบรรยายสภาพของเราไว้ดังนี้ว่า “ตายโดยการละเมิดและการบาป” “ศีรษะก็เจ็บไปหมด ใจก็อ่อนเปลี้ยไปสิ้น” “ไม่มีตรงไหนปรกติเลย” เราถูกกับดักของซาตานผูกมัดไว้อย่างแน่นหนา “ดักจับเขาไว้ให้ทำตามความประสงค์ของมัน” เอเฟซัส 2:1; อิสยาห์ 1: 5, 6; 2 ทิโมธี 2:26 พระเจ้าทรงประสงค์ที่จะรักษาเราให้หาย เพื่อปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระ แต่จะทำเช่นนี้ได้นั้น จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงธรรมชาติทั้งหมดของเรา เราจึงต้องยอมมอบถวายตัวของเราทั้งหมดให้พระองค์ {SC 43.2}ThSC 38.2

    สงครามยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการต่อสู้มาคือ การต่อสู้กับตนเอง การยอมถวายตน มอบถวายทุกสิ่งให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้านั้นจำเป็นต้องมีการดิ้นรนต่อสู้ แต่เราจะต้องยอมมอบถวายจิตวิญญาณของเราให้พระเจ้าก่อนที่ความบริสุทธิ์ในจิตใจจะถูกสร้างขึ้นใหม่ได้ {SC 43.3}ThSC 39.1

    การปกครองของพระเจ้าไม่ได้ตั้งอยู่บนหลักการของการเชื่อฟังอย่างไม่ลืมหูลืมตาซึ่งเป็นการควบคุมอย่างไม่มีเหตุผลตามที่ซาตานต้องการให้ทุกคนเชื่อ ผู้ที่มีปัญญาและมีจิตสำนึกจะซาบซึ้งกับการปกครองของพระองค์ คำเชิญชวนของพระผู้สร้างที่ทรงยื่นให้แก่มนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างมานั้นคือ “มาเถิด ให้พวกเราสู้ความกัน” อิสยาห์ 1:18 พระเจ้าไม่บังคับความนึกคิดของผู้ที่พระองค์ทรงสร้าง พระองค์จะไม่ทรงยอมรับความจงรักภักดีที่ไม่ได้มอบถวายด้วยความเต็มใจและด้วยความเข้าใจอย่างมีสติ การบังคับให้เชื่อฟังจะกีดขวางการพัฒนาสติปัญญาและอุปนิสัยที่แท้จริงทั้งหมด และทำให้มนุษย์เป็นแต่เพียงเครื่องจักร สภาพเช่นนี้ไม่ได้เป็นพระประสงค์ของพระผู้สร้าง พระองค์ทรงมีพระประสงค์ที่จะให้มนุษย์ซึ่งเป็นจิตรกรรมล้ำเลิศที่สุดของอำนาจการทรงสร้างของพระองค์ก้าวไปให้ถึงการพัฒนาสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ พระองค์ทรงจัดวางพระพรอันประเสริฐที่สุดไว้อยู่ต่อหน้าเราเพื่อนำเราให้ไปถึงพระคุณของพระองค์ พระองค์ทรงเชิญชวนให้เรามอบถวายตัวเราเองให้พระองค์ เพื่อพระองค์จะทรงกระทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ในตัวเรา ที่เหลือจะขึ้นกับเราว่าเราเลือกจะให้หลุดพ้นจากการจองจำของบาป เพื่อมีส่วนร่วมกับเสรีภาพที่ยิ่งใหญ่ของพระบุตรของพระเจ้าหรือไม่ {SC 43.4}ThSC 39.2

    เมื่อเรามอบถวายตัวเราเองให้พระเจ้าแล้วนั้นเราจำเป็นต้องละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่จะแยกตัวเราออกไปจากพระองค์ ด้วยเหตุนี้ พระผู้ช่วยให้รอดตรัสไว้ว่า “ทุกคนในพวกท่านที่ไม่ได้สละสิ่งสารพัดที่มีอยู่จะเป็นสาวกของเราไม่ได้” ลูกา 14:33 เราต้องสละทิ้งทุกสิ่งที่จะชักนำจิตใจให้เหินห่างออกจากพระเจ้า ทรัพย์สมบัติเป็นรูปเคารพของคนมากมาย การรักเงินทอง ความปรารถนาที่จะได้สมบัติเป็นโซ่ทองคำที่ผูกมัดเขาเหล่านั้นเข้ากับซาตาน ชื่อเสียงและเกียรติยศทางฝ่ายโลกเป็นสิ่งที่คนอีกกลุ่มหนึ่งบูชา ชีวิตที่สุขสบายอย่างเห็นแก่ตัวและอิสระจากการรับผิดชอบเป็นรูปเคารพของคนอีกกลุ่มหนึ่ง โซ่ความเป็นทาสที่ผูกมัดเหล่านี้จะต้องถูกตัดให้ขาด เราเป็นคนของพระเจ้าเพียงครึ่งหนึ่งและอีกครึ่งหนึ่งเป็นของโลกไม่ได้ เราไม่ใช่บุตรของพระเจ้าเว้นเสียแต่ว่าเราจะเป็นของพระองค์อย่างเต็มบริบูรณ์เท่านั้น {SC 44.1}ThSC 39.3

    มีคนที่อ้างตนว่ารับใช้พระเจ้า แต่ในขณะเดียวกันก็พึ่งพาความสามารถของตนเองในการประพฤติตามพระบัญญัติของพระเจ้า ปั้นแต่งอุปนิสัยให้ถูกต้อง และแสวงหาความรอด ความรักที่มีต่อพระคริสต์ไม่ได้ขับเคลื่อนอยู่ในจิตใจของเขา แต่เขาพยายามประพฤติตามวิถีทางของคริสเตียนตามที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้เพื่อจะได้ครอบครองสวรรค์ ศาสนาเช่นนี้ไม่มีคุณค่าเลย เมื่อพระคริสต์เสด็จเข้ามาอยู่ในจิตใจ จิตวิญญาณก็จะเต็มล้นด้วยความรักของพระองค์ ด้วยความสุขที่สื่อสัมพันธ์กับพระองค์จนเขาจะติดสนิทอยู่กับพระองค์ และเมื่อเขาเพ่งพินิจถึงพระองค์ เขาก็จะลืมมองตนเองไป ความรักที่มีต่อพระคริสต์จะเป็นแหล่งกำเนิดให้เกิดการกระทำ ผู้ที่สัมผัสกับความรักของพระเจ้าที่กำลังผลักดันเขาอยู่ จะไม่ถามว่าเขาต้องมอบถวายให้น้อยเพียงไรเพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมายที่พระเจ้ากำหนด พวกเขาจะไม่ถามหามาตรฐานต่ำที่สุด แต่จะตั้งเป้าหมายที่จะทำตามพระประสงค์ของพระผู้ไถ่ให้สมบูรณ์ที่สุด ด้วยความปรารถนาที่จริงใจ พวกเขามอบถวายทุกสิ่งทุกอย่างและแสดงความสนใจเทียบเท่ากับคุณค่าของสิ่งที่เขาแสวงหา การยอมรับพระคริสต์โดยขาดความรักที่ลึกซึ้งนี้จะเป็นแต่เพียงการคุยโว เป็นพิธีกรรมที่แห้งแล้งและเป็นภาระหนักที่น่าเบื่อหน่าย {SC 44.2}ThSC 40.1

    ท่านมีความรู้สึกว่า การมอบถวายทุกสิ่งให้พระคริสต์เป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่เกินไปหรือ จงถามคำถามนี้กับตนเองว่า “พระคริสต์ประทานอะไรให้แก่ข้าพเจ้า” พระบุตรของพระเจ้าประทานทุกสิ่ง พระองค์ประทานชีวิต ความรักและการทนทุกข์ทรมานเพื่อความรอดของเราThSC 40.2

    แล้วเราผู้เป็นเป้าหมายอันไม่คู่ควรกับความรักอันยิ่งใหญ่นี้จะยับยั้งหัวใจของเราออกจากพระองค์กระนั้นหรือ ทุกเสี้ยววินาทีในชีวิตของเรา เราได้รับพระพรแห่งพระคุณของพระองค์ และด้วยเหตุผลนี้ เราไม่สามารถหยั่งรู้ได้อย่างเต็มที่ว่า เราถูกช่วยให้หลุดรอดออกมาจากบ่อลึกของความโง่เขลาและความทุกข์ยากได้อย่างไร เราจะมองไปยังพระองค์ที่เราได้ทิ่มแทงด้วยบาปของเรา และยังเต็มใจดูหมิ่นความรักและการเสียสละทั้งปวงของพระองค์ได้หรือ เมื่อเรามองเห็นการถ่อมตนอันไม่มีขอบเขตจำกัดของพระสิริของพระเจ้าแล้ว เราจะมัวบ่นพึมพำเพียงเพราะเราต้องผ่านความขัดแย้งและการถ่อมตน เพื่อจะได้ก้าวเข้ามาสู่ชีวิตเท่านั้นหรือ {SC 45.1}ThSC 41

    หัวใจเย่อหยิ่งของมนุษย์จำนวนมากถามว่า “ทำไมข้าพเจ้าจึงต้องสำนึกผิดและถ่อมใจลงก่อนเพื่อให้มั่นใจว่าพระเจ้าทรงยอมรับข้าพเจ้า” ข้าพเจ้าขอชี้ให้ท่านมองไปยังพระคริสต์ พระองค์ผู้ทรงปราศจากบาปและยิ่งกว่านี้ พระองค์ทรงเป็นเจ้าชายแห่งสวรรค์ แต่เพื่อมนุษย์ พระองค์ได้ทรงรับบาปของมนุษยชาติ พระองค์ “ถูกนับเข้ากับพวกคนทรยศ เขาเองแบกบาปของคนจำนวนมาก และเขาอ้อนวอนเพื่อพวกคนทรยศ” อิสยาห์ 53:12 {SC 45.2} ThSC 41.1

    แต่เมื่อเราสละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเราได้ละทิ้งอะไรไปบ้าง จิตใจที่เปรอะเปื้อนด้วยบาปเพื่อให้พระเยซูชำระให้บริสุทธิ์ ให้พระองค์ทรงล้างด้วยพระโลหิตของพระองค์ และประทานความรอดให้ด้วยความรักที่ไม่มีสิ่งใดเปรียบเสมอได้ แต่ถึงกระนั้น มนุษย์ยังคิดว่า เป็นเรื่องยากลำบากเหลือเกินที่จะยอมทิ้งทุกสิ่งไป ข้าพเจ้ารู้สึกละอายใจที่ได้ยินคำพูดเช่นนี้ รู้สึกอับอายที่จำต้องเขียนคำพูดเช่นนี้ {SC 46.1}ThSC 41.2

    พระเจ้าไม่ได้บังคับให้เราละทิ้งสิ่งที่ดีใดๆ ที่เราต้องเก็บรักษาไว้เพื่อประโยชน์สูงสุดของเรา ในทุกสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำนั้น พระองค์ทรงมองดูความผาสุกของบุตรทั้งหลายของพระองค์ หากว่าคนทั้งหลายที่ไม่เลือกพระคริสต์จะตระหนักว่าพระองค์ทรงมีสิ่งที่ดีกว่าที่จะมอบให้แก่เขา ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีกว่าที่เขาสามารถสรรหามาให้แก่ตนเองได้ เมื่อมนุษย์คิดและทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับน้ำพระทัยของพระเจ้า เขากำลังนำอันตรายและความไม่เป็นธรรมอันยิ่งใหญ่ที่สุดมายังจิตวิญญาณของเขาเอง เมื่อเขาไปในทิศทางที่พระองค์ตรัสห้ามไว้ เขาจะพบกับความสุขที่แท้จริงไม่ได้ พระองค์ทรงทราบดีว่าเส้นทางใดดีที่สุด และทรงเป็นผู้วางแผนเพื่อให้เกิดผลดีแก่มนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างมานั้น ส่วนเส้นทางแห่งการล่วงละเมิดเป็นทางแห่งความทุกข์ลำบากและความพินาศ {SC 46.2}ThSC 41.3

    เป็นเรื่องผิดที่จะคิดว่า พระเจ้าทรงพอพระทัยที่เห็นบุตรทั้งหลายของพระองค์ตกอยู่ในความทุกข์ยาก ชาวสวรรค์ทั้งหมดให้ความสนใจกับความสุขของมนุษย์ พระบิดาในสวรรค์ของเราไม่ได้ปิดช่องทางแห่งความสุขของมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้าง ข้อบังคับของพระเจ้าทรงเรียกให้เราละทิ้งการหมกมุ่นที่นำมาซึ่งความทุกข์ทรมานและความผิดหวัง และนำเราออกไปจากประตูแห่งความสุขและประตูของสวรรค์ พระผู้ไถ่ของโลกทรงยอมรับมนุษย์ในสภาพที่เขาเป็นอยู่ ซึ่งเต็มไปด้วยความต้องการ ความไม่ดีพร้อม และความอ่อนแอ และพระองค์จะไม่ทรงชำระเขาจากบาปและประทานความรอดโดยทางพระโลหิตของพระองค์เท่านั้น แต่จะประทานความพึงพอใจให้แก่หัวใจทุกดวงที่แสวงหาพระองค์ ซึ่งยอมรับแอกและแบกรับภาระของพระองค์ เป็นพระประสงค์ของพระองค์ที่จะประทานสันติสุขและความสงบสุขให้แก่ทุกคนที่เข้ามาหาพระองค์เพื่อแสวงหาทิพย์อาหารแห่งชีวิต พระองค์ทรงกำหนดให้เราทำแต่หน้าที่ที่จะนำเราให้ก้าวสูงขึ้นสู่ความสุขสำราญซึ่งผู้ที่ไม่เชื่อฟังจะก้าวไปไม่ถึง ชีวิตเที่ยงแท้อย่างมีความสุขของจิตวิญญาณจะต้องมีพระคริสต์ผู้ทรงเป็นความหวังใจแห่งพระสิริสถิตร่วมอยู่ภายใน {SC 46.3}ThSC 42.1

    คนมากมายถามว่า “ข้าพเจ้าจะมอบถวายตนเองให้พระเจ้าได้อย่างไร” ท่านประสงค์ที่จะถวายตนเองให้พระองค์ แต่อำนาจฝ่ายศีลธรรมของท่านนั้นอ่อนแอ เป็นทาสของความสงสัย และชีวิตของท่านถูกควบคุมด้วยอุปนิสัยของบาปผิด คำมั่นสัญญาและความตั้งใจของท่านเปรียบเหมือนกับเชือกที่ทำด้วยทราย ท่านควบคุมความคิด แรงผลักดัน ความรู้สึกของท่านเองไม่ได้ ท่านตระหนักว่า การผิดคำมั่นสัญญาและการไม่รักษาคำพูดได้บั่นทอนความมั่นใจในความจริงใจของท่าน และทำให้ท่านรู้สึกว่าพระเจ้าทรงรับท่านไม่ได้ แต่ท่านไม่ต้องท้อใจ สิ่งที่ท่านต้องเข้าใจคือ กำลังที่แท้จริงของความตั้งใจ สิ่งนี้คืออำนาจที่ควบคุมธรรมชาติของมนุษย์ เป็นอำนาจในการตัดสินใจหรือการเลือก ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับความตั้งใจที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง พระเจ้าประทานอำนาจแห่งการเลือกให้แก่มนุษย์ ซึ่งเขาจะต้องนำมาใช้ ท่านเปลี่ยนแปลงจิตใจของท่านไม่ได้ ท่านถวายความรักของท่านให้พระเจ้าด้วยลำพังตัวของท่านเองไม่ได้ แต่ท่านเลือกที่จะรับใช้พระองค์ได้ ท่านถวายความตั้งใจของท่านให้พระองค์ได้ แล้วพระองค์จะทรงกระทำกิจภายในตัวท่านเพื่อให้ความตั้งใจและการกระทำของท่านเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ เมื่อเป็นเช่นนี้ ธรรมชาติทั้งหมดของท่านจะเข้ามาอยู่ภายใต้การควบคุมของพระวิญญาณของพระคริสต์ ความรู้สึกของท่านจะมีศูนย์กลางอยู่ในพระองค์ ความคิดของท่านจะประสานเข้ากับพระประสงค์ของพระองค์ {SC 47.1}ThSC 42.2

    ความปรารถนาคุณความดีและความบริสุทธิ์เป็นเรื่องที่ถูกต้องอยู่ในระดับหนึ่ง แต่หากท่านหยุดแค่นี้ ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับความปรารถนานี้ คนมากมายสูญหายไปในขณะที่เขาหวังและอยากเป็นคริสเตียน พวกเขาเข้ามาไม่ถึงจุดที่จะยอมมอบถวายความตั้งใจให้พระเจ้า เขาจึงไม่ได้เลือกที่จะเป็นคริสเตียน {SC 47.2}ThSC 43.1

    เมื่อท่านใช้ความตั้งใจอย่างถูกต้อง ชีวิตของท่านจะได้รับการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด เมื่อท่านถวายความตั้งใจของท่านให้พระคริสต์ ท่านได้นำตัวของท่านเองเข้ามาผูกพันกับอำนาจที่เหนือกว่าเจ้าผู้ครอบครองและอำนาจใดๆ ทั้งสิ้น ท่านจะมีกำลังจากเบื้องบนที่คอยพยุงท่านให้มั่นคง และด้วยการมอบถวายตัวให้พระเจ้าอย่างต่อเนื่อง ท่านจะดำเนินชีวิตใหม่ได้ กระทั่งชีวิตแห่งความเชื่อ {SC 48.1}ThSC 43.2

    Larger font
    Smaller font
    Copy
    Print
    Contents