Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First
    Larger font
    Smaller font
    Copy
    Print
    Contents

    2. คนบาปต้องการพระเยซู

    เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาแต่แรกเริ่มนั้น มนุษย์มีความสามารถเป็นเลิศและมีความคิดสมดุลที่สุด เขาเป็นคนที่สมบูรณ์แบบและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับพระเจ้า ความคิดของเขาบริสุทธิ์ เป้าหมายของเขาสูงส่ง แต่เพราะการไม่เชื่อฟัง เขาจึงนำความสามารถต่างๆ ไปใช้ในทางผิด และความเห็นแก่ตัวก็เข้ามาแทนที่ความรัก การล่วงละเมิดทำให้ธรรมชาติของเขาอ่อนแอลงจนไม่มีพละกำลังมาต้านทานอำนาจของความชั่วได้ เขาจึงตกเป็นเหยื่อของซาตาน และคงจะต้องเป็นเช่นนั้นไปตลอดกาล หากพระผู้เป็นเจ้ามิได้ทรงเข้ามาแทรกแซงเป็นกรณีพิเศษ จอมหลอกลวงมีเป้าหมายที่ต้องการทำลายแผนการของพระเจ้าในการสร้างมนุษย์ และทำให้โลกนี้เต็มล้นไปด้วยความทุกข์ยากและความอ้างว้าง และมันก็จะชี้ว่าความเลวร้ายทั้งหมดนี้เป็นผลจากพระราชกิจของพระเจ้าที่ได้ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมา {SC 17.1}ThSC 13.1

    มนุษย์ที่ปราศจากบาปได้สื่อสัมพันธ์อย่างมีความสุขกับพระเจ้า ผู้ทรงเป็น “คลังสติปัญญาและความรู้ทุกอย่างซ่อนอยู่ในพระองค์” โคโลสี 2:3 แต่หลังจากมนุษย์ได้ทำบาป เขาไม่ได้ชื่นชอบกับความบริสุทธิ์อีกต่อไป และเขาพยายามซ่อนตัวให้พ้นจากเบื้องพระพักตร์ของพระเจ้า นี่คือสภาพของจิตใจที่ยังไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลง ที่ไม่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระเจ้า และการสื่อสัมพันธ์กับพระเจ้าไม่ได้สร้างความสุขให้แก่เขา คนบาปไม่มีความสุขที่ได้อยู่ต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้า เขาจะหลบหนีให้พ้นจากการต้องเข้าสนิทสนมกับบรรดาผู้บริสุทธิ์ ถ้าหากเขาได้รับอนุญาตให้เข้าไปในสวรรค์ การอยู่ในสวรรค์ก็ไม่ได้สร้างความสุขให้เขา วิญญาณแห่งความรักอย่างไม่เห็นแก่ตัวปกครองอยู่ที่นั่น จิตใจทุกดวงตอบสนองต่อพระทัยที่เต็มไปด้วยความรักอันไร้ขอบเขตจำกัดของพระเจ้า ซึ่งจิตใจของคนบาปไม่อาจที่จะสื่อกับความรักเช่นนี้ได้ ความนึกคิด ความสนใจ และแรงบันดาลใจของเขาจะเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดสำหรับชาวเมืองที่ปราศจากบาป เขาจะกลายเป็นเสียงเพี้ยนที่ประสานให้เข้ากับเสียงเพลงอันไพเราะของชาวสวรรค์ไม่ได้ สรวงสวรรค์จะกลายเป็นสถานที่ที่ทรมานเขา เขาต้องการหลบซ่อนให้พ้นจากพระองค์ผู้ทรงเป็นความสว่างและเป็นศูนย์กลางแห่งความชื่นชมยินดี บรรดาคนชั่วถูกกีดกันออกจากสวรรค์ไม่ได้เป็นเพราะพระบัญชาอันไร้เหตุผลของพระเจ้า แต่แท้จริงแล้ว ความที่พวกเขาไม่สามารถเข้ามาร่วมปฏิสัมพันธ์กับชาวสวรรค์ต่างหากที่ได้กีดกันพวกเขาออกไป พระสิริของพระเจ้าจะเป็นดั่งไฟเผาผลาญพวกเขา พวกเขาคงปรารถนาการทำลายเพื่อจะได้หนีไปให้พ้นจากพระพักตร์ของพระองค์ผู้ทรงยอมสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่พวกเขา {SC 17.2}ThSC 14.1

    โดยลำพังตัวของเราเอง เราหลบหนีให้พ้นหลุมพรางแห่งบาปที่เรากำลังจมดิ่งลงไปไม่ได้ จิตใจของเราชั่วร้าย และเปลี่ยนแปลงไม่ได้ “ผู้ใดจะเอาสิ่งสะอาดออกมาจากสิ่งมลทินได้ ไม่มีสักคน” “การเอาใจใส่เนื้อหนังนั้นคือการเป็นศัตรูต่อพระเจ้า ไม่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระเจ้า และที่จริงไม่สามารถปฏิบัติตามได้” โยบ 14:4; โรม 8:7 การศึกษา วัฒนธรรม ความตั้งใจ ความพยายามของมนุษย์ ล้วนมีอิทธิพลที่เหมาะสมในตัวของมันเอง แต่ในโลกนี้ สิ่งเหล่านี้กลับไม่มีอำนาจ สิ่งเหล่านี้อาจจะมีผลที่ดีต่อพฤติกรรมภายนอก แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงจิตใจได้ และก็ไม่สามารถชำระน้ำพุแห่งชีวิตให้บริสุทธิ์ได้ ก่อนที่มนุษย์จะเปลี่ยนแปลงจากบาปไปสู่ความบริสุทธิ์ได้นั้น จำเป็นจะต้องมีอำนาจที่มาจากภายในซึ่งเป็นชีวิตใหม่ที่มาจากเบื้องบน พลังอำนาจนั้นคือพระคริสต์ พระคุณของพระองค์เท่านั้นที่สามารถปลุกจิตวิญญาณที่ไร้ชีวิตขึ้นมา และดึงดูดให้จิตวิญญาณนั้นกลับเข้ามาหาพระเจ้า เข้ามาหาความบริสุทธิ์ {SC 18.1} ThSC 14.2

    พระผู้ช่วยให้รอดตรัสว่า “ถ้าคนใดไม่ได้เกิดใหม่ คนนั้นไม่สามารถเห็นแผ่นดินของพระเจ้า” ยอห์น 3:3 เขาจะต้องได้รับจิตใจดวงใหม่ ความปรารถนาใหม่ จุดมุ่งหมายของชีวิตใหม่ และแรงบันดาลใจใหม่ เพื่อนำเขาไปสู่ชีวิตใหม่ ความคิดที่ว่าเพียงแค่พัฒนาสิ่งดีๆ ที่มีอยู่ในธรรมชาติของมนุษย์ก็เป็นการเพียงพอแล้ว ความคิดเช่นนี้เป็นการหลอกลวงที่อันตรายถึงตาย “แต่คนทั่วไปจะไม่รับสิ่งเหล่านี้ซึ่งเป็นของพระวิญญาณแห่งพระเจ้า เพราะว่าเขาเห็นว่าเป็นเรื่องโง่ และเขาไม่สามารถเข้าใจ เพราะจะเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้ก็ต้องวินิจฉัยโดยพึ่งพระวิญญาณ” “อย่าประหลาดใจที่เราบอกท่านว่าพวกท่านต้องเกิดใหม่” 1โครินธ์ 2:14; ยอห์น 3:7 พระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บันทึกถึงพระคริสต์ว่า “พระองค์ทรงเป็นแหล่งชีวิต และชีวิตนั้นเป็นความสว่างของมนุษย์” “ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย เพราะว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้นั้น ไม่โปรดให้มีท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า” ยอห์น 1:4; กิจการ 4:12 {SC 18.2}ThSC 15.1

    การเข้าใจพระกรุณาที่เปี่ยมด้วยรักของพระเจ้า การมองเห็นพระเมตตาคุณและความเอ็นดูเยี่ยงความรักของพ่อที่มีอยู่ในพระลักษณะนิสัยของพระองค์นั้นไม่เป็นการเพียงพอ การมองเห็นพระปัญญาและความยุติธรรมที่มีอยู่ในพระบัญญัติของพระเจ้าและมองเห็นว่าพระบัญญัติตั้งอยู่บนหลักการแห่งความรักที่นิรันดร์นั้นก็ยังไม่เป็นการเพียงพอ อัครทูตเปาโลเข้าใจสิ่งทั้งหมดนี้เมื่อท่านกล่าวว่า ข้าพเจ้า “ยอมรับว่าธรรมบัญญัตินั้นดี” “เพราะฉะนั้น ธรรมบัญญัติจึงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และบัญญัตินั้นก็ศักดิ์สิทธิ์ ยุติธรรมและดีงาม” แต่ด้วยจิตวิญญาณที่เศร้าหมองและสิ้นหวัง เปาโลได้กล่าวเพิ่มเติมด้วยความขมขื่นว่า “แต่ว่าข้าพเจ้าเป็นเนื้อหนังถูกขายเป็นทาสให้อยู่ใต้บาป” โรม 7:16, 12, 14 เปาโลปรารถนาความบริสุทธิ์ ความชอบธรรม ซึ่งในตัวเขาเองไม่มีอำนาจที่จะครอบครองสิ่งเหล่านี้ได้ และจึงร้องว่า “โอย ข้าพเจ้าเป็นคนน่าสมเพชอะไรเช่นนี้ ใครจะช่วยให้พ้นจากร่างกายแห่งความตายนี้” โรม 7:24 เสียงร้องคร่ำครวญจากจิตใจที่ปวดร้าวเช่นนี้มีให้ได้ยินจากทั่วทุกหนแห่งและตลอดทุกยุคทุกสมัย แต่มีคำตอบอยู่เพียงคำตอบเดียวที่มีไว้สำหรับทุกคน นั่นคือ “จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า ผู้ทรงรับบาปของโลกไป” ยอห์น 1:29 {SC 19.1}ThSC 15.2

    มีบุคคลมากมายซึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเสาะแสวงหาเพื่อให้เขาได้รับรู้ความจริง และเพื่อให้ความกระจ่างแจ้งแก่จิตวิญญาณทั้งหลายที่อยากหลุดพ้นจากภาระหนักของความรู้สึกผิด ภายหลังจากที่ยาโคบได้หลอกเอซาวแล้ว เขาได้หลบหนีออกจากบ้านของบิดา เขาถูกกดดันด้วยความรู้สึกผิด ในขณะที่เขาอยู่อย่างโดดเดี่ยวและไร้ที่อยู่อาศัย ถูกตัดขาดจากทุกสิ่งทุกอย่างที่ครั้งหนึ่งเคยมีค่าต่อชีวิตของเขา แต่ความคิดหนึ่งที่บีบคั้นเขามากกว่าความคิดอื่นๆ คือ เขากลัวว่าบาปของเขาทำให้เขาถูกตัดขาดจากพระเจ้าและจะถูกสวรรค์ทอดทิ้ง เขาเอนตัวลงนอนบนพื้นดินที่ว่างเปล่าด้วยความโศกเศร้า รอบตัวมีแต่เนินเขาที่อ้างว้างและเหนือขึ้นไปก็มีแต่ท้องฟ้าที่สว่างสดใสด้วยแสงดาว ในขณะที่เขานอนหลับอยู่นั้น เขาได้เห็นแสงประหลาดส่องเจิดจ้ามา และดูเถิด จากพื้นราบที่เขานอนอยู่นั้น มีบันไดลึกลับขนาดมหึมาทอดสูงขึ้นไปจนถึงประตูแห่งสวรรค์ และมีบรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้าเดินขึ้นลงบันไดนั้น และจากรัศมีเจิดจ้าที่มาจากเบื้องบน เขาได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าตรัสข้อความที่ปลอบประโลมใจและให้ความหวัง จึงทำให้ยาโคบรู้ว่า จิตวิญญาณของเขาได้พบกับสิ่งที่เขาต้องการและโหยหามาช้านาน นั่นก็คือพระผู้ช่วยให้รอด เขาเปี่ยมล้นไปด้วยความชื่นชมยินดีและขอบพระคุณ เมื่อเขามองเห็นหนทางที่ได้เปิดเผยให้แก่เขาได้รู้ว่า ในสภาพที่เป็นคนบาปเขายังฟื้นฟูความสัมพันธ์กับพระเจ้าได้ บันไดลึกลับในฝันของเขานั้นเป็นสัญลักษณ์แทนองค์พระเยซู ผู้ทรงเป็นสื่อกลางเพียงหนึ่งเดียวระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ {SC 19.2}ThSC 16.1

    พระคริสต์ทรงใช้สัญลักษณ์เดียวกันนี้เมื่อพระองค์ทรงสนทนากับนาธานาเอล พระองค์ตรัสว่า “ท่านจะเห็นฟ้าแหวกออกและพวกทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นลงอยู่เหนือบุตรมนุษย์” ยอห์น 1:51 เมื่อมนุษย์ละทิ้งพระเจ้า เขาได้นำตัวเองให้เหินห่างไปจากพระองค์ โลกก็ถูกตัดขาดจากสวรรค์ ไม่มีการติดต่อระหว่างสองฟากฝั่งที่ถูกเหวลึกขวางกั้นได้ แต่โดยผ่านทางพระคริสต์ โลกจึงเชื่อมต่อกับสวรรค์ได้อีกครั้งและด้วยความดีที่พระองค์ได้ทรงกระทำไว้ พระคริสต์ได้เชื่อมต่อสองฟากฝั่งของเหวลึกที่เกิดจากบาป เพื่อว่าเหล่าทูตสวรรค์ผู้รับใช้จะสื่อสัมพันธ์กับมนุษย์ได้ พระคริสต์ทรงนำมนุษย์ที่ล้มลงด้วยความอ่อนแอและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ให้มาเชื่อมต่อกับพระเจ้าผู้ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของพลังอำนาจที่ไม่มีขอบเขตจำกัด {SC 20.1}ThSC 17.1

    ถ้ามนุษย์ไม่สนใจพระองค์ผู้ทรงเป็นบ่อเกิดแห่งความหวังและการช่วยเหลือเพียงแหล่งเดียวของมนุษยชาติที่ได้ล้มลงแล้ว ความใฝ่ฝันถึงความก้าวหน้าของพวกเขาก็ไร้ประโยชน์ ความพยายามทั้งสิ้นที่จะยกระดับมนุษยชาติก็ไม่เกิดผล “ของประทานที่ดีและเลิศทุกอย่าง” ย่อมมาจากพระเจ้า ยากอบ 1:17 เมื่อเราเหินห่างออกไปจากพระองค์ อุปนิสัยที่ดีเลิศอย่างแท้จริงก็จะไม่เกิดขึ้น และทางเดียวที่เราจะไปให้ถึงพระเจ้าได้คือไปทางพระคริสต์ พระองค์ตรัสว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา” ยอห์น 14:6 {SC 21.1}ThSC 17.2

    พระหทัยของพระเจ้าถวิลหาบรรดาลูกๆ ของพระองค์ซึ่งอยู่บนโลกใบนี้ด้วยความรักมั่นคงที่ไม่หวั่นเกรงแม้ความตาย เมื่อพระเจ้าประทานพระบุตรของพระองค์ลงมานั้น พระองค์ประทานทุกสิ่งที่มีอยู่ในสวรรค์ลงมาในของขวัญล้ำค่าชิ้นนั้น ชีวิตและความตายและการร้องขอความกรุณาขององค์พระผู้ช่วยให้รอด การรับใช้ของทูตสวรรค์ การวิงวอนของพระวิญญาณ พระราชกิจของพระเจ้าทั้งจากเบื้องบนและตลอดเวลาที่ผ่านมา ความสนใจและเอาใจใส่อย่างไม่หยุดหย่อนของเหล่าชาวสวรรค์ ทุกอย่างที่กล่าวมานี้มีไว้เพื่อการไถ่มนุษย์ {SC 21.2}ThSC 17.3

    ให้เราไตร่ตรองถึงการเสียสละอันน่าอัศจรรย์ที่พระองค์ทรงกระทำเพื่อเราทั้งหลาย ให้เราพึงพอใจกับแรงงานและพลังงานที่พระเจ้าใช้ไปเพื่อกอบกู้ผู้ที่หลงหายและนำกลับคืนสู่บ้านของพระบิดา ไม่มีแรงจูงใจใดที่แกร่งกล้ากว่าหรือหน่วยงานใดที่มีอำนาจมากกว่าจะสามารถทำการกอบกู้นี้ได้ ลองคิดถึงรางวัลยิ่งใหญ่สำหรับการทำในสิ่งที่ถูกต้อง ความเบิกบานหรรษาในสวรรค์ การเข้าร่วมสังคมกับเหล่าทูตสวรรค์ การสื่อสัมพันธ์และเป็นที่รักของพระเจ้าและของพระบุตร การที่เราจะได้รับความสามารถทั้งหมดที่ดีขึ้นและเพิ่มมากขึ้นตลอดชั่วนิรันดร สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เป็นแรงจูงใจและกำลังใจให้เรามอบจิตใจเพื่อการรับใช้ด้วยความรักแด่พระผู้สร้างและพระผู้ไถ่ของเราหรือ {SC 21.3}ThSC 18.1

    และในทางกลับกัน พระวจนะของพระเจ้าได้บรรยายถึงเรื่องพระเจ้าที่พิพากษาบาป ผลของบาปที่เลี่ยงไม่ได้ อุปนิสัยของเราที่ตกต่ำลงและในที่สุดเมื่อบาปจะถูกทำลาย ทั้งนี้เพื่อเป็นการเตือนพวกเราทุกคนว่าให้ระวังอย่าไปรับใช้ซาตาน {SC 21.4}ThSC 18.2

    เราจะไม่ใส่ใจต่อพระเมตตาคุณของพระเจ้าหรือ พระองค์จะต้องทำอะไรมากกว่านี้อีกหรือ ให้เรานำตัวของเราเข้าไปอยู่ในความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระองค์ผู้ทรงรักเราด้วยความรักอันประเสริฐ ให้เราฉวยโอกาสด้วยวิถีทางที่ได้จัดเตรียมไว้ให้แก่เรา เพื่อเราจะถูกเปลี่ยนแปลงจนเป็นเหมือนพระองค์ และได้ฟื้นฟูความสัมพันธภาพใหม่กับเหล่าทูตสวรรค์ผู้รับใช้ จนได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและมีส่วนร่วมกับพระบิดาและพระบุตร {SC 22.1}ThSC 18.3

    Larger font
    Smaller font
    Copy
    Print
    Contents