Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First
    Larger font
    Smaller font
    Copy
    Print
    Contents

    3. การกลับใจ

    มนุษย์จะทำตัวให้เป็นคนเที่ยงธรรมจำเพาะพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปจะทำตัวให้เป็นคนชอบธรรมได้อย่างไร ก็โดยทางพระคริสต์เท่านั้นที่เราจะเข้าร่วมเป็นหนึ่งกับพระเจ้าและร่วมในความบริสุทธิ์ของพระองค์ได้ แต่เราจะเข้ามาหาพระคริสต์ได้อย่างไร มีคนมากมายได้ถามคำถามเดียวกันกับฝูงชนที่สำนึกในบาปถามกันในวันเพ็นเทคอสต์ว่า “เราจะทำอย่างไรดี” ประโยคแรกที่เปโตรตอบคือ “จงกลับใจใหม่” กิจการ 2:37, 38 หลังจากนั้นไม่นาน ท่านได้พูดอีกว่า “จงกลับใจและหันมาหาพระเจ้า เพื่อที่ว่าความผิดบาปของพวกท่านจะได้รับการลบล้าง” กิจการ 3:19 {SC 23.1}ThSC 19.1

    การกลับใจจะต้องมีการเสียใจในบาปที่ได้ทำไปและหันหลังให้กับบาปนั้น เราจะไม่ละทิ้งบาปนอกเสียจากว่าเราจะมองเห็นความชั่วร้ายของมัน ชีวิตของเราจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงจนกว่าเราจะหันหลังให้กับบาปด้วยความเต็มใจ {SC 23.2}ThSC 19.2

    มีคนมากมายที่ไม่เข้าใจธาตุแท้ของการกลับใจ คนมากมายเสียใจกับบาปที่ได้ทำไปและยังแสดงออกถึงการเปลี่ยนแปลงภายนอกเพราะกลัวว่าความผิดของเขาจะนำความทุกข์ยากมายังตัวเขาเอง แต่นี่ไม่ใช่การกลับใจที่พระคัมภีร์ได้สอนไว้ พวกเขาโศกเศร้าให้กับความทุกข์ยากแทนที่จะโศกเศร้าให้กับบาป เอซาวตกลงสู่ความโศกเศร้าทุกข์ใจเช่นนี้เมื่อเขารู้สึกตัวว่าได้สูญเสียสิทธิบุตรหัวปีไปตลอดกาล บีลาอามตกใจกลัวเมื่อเห็นทูตสวรรค์ยืนถือดาบขวางอยู่กลางทาง เขายอมรับผิดเพราะกลัวตาย แต่ไม่ได้กลับใจจากบาปอย่างจริงใจ เขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงความตั้งใจและไม่ได้รังเกียจความชั่ว เมื่อยูดาส อิสคาริโอทได้ทรยศพระอาจารย์ของเขาแล้ว เขาได้ร้องอุทานขึ้นมาว่า “ข้าพเจ้าทำบาปที่ทรยศคนบริสุทธิ์ถึงตาย” มัทธิว 27:4 {SC 23.3}ThSC 20.1

    คำสารภาพเช่นนี้ถูกบีบคั้นออกมาจากจิตใจที่รู้สึกผิด โดยกลัวว่าจะถูกกำหนดโทษและกลัวการพิพากษาที่เขาจะต้องเผชิญ ตัวเขาเต็มล้นไปด้วยความหวาดผวาต่อผลที่เขาจะได้รับ แต่ภายในจิตวิญญาณของเขา เขาไม่ได้เสียใจอย่างลึกซึ้งและไม่มีความปวดร้าวอยู่ภายในใจของเขา เขาได้ทรยศพระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงปราศจากความผิดและปฏิเสธองค์ผู้บริสุทธิ์ของชนชาติอิสราเอล เมื่อฟาโรห์ต้องตกลงสู่ความทุกข์ในการพิพากษาของพระเจ้า เขายอมรับบาปของเขาเพียงเพื่อให้หลุดพ้นจากการต้องรับโทษเพิ่มเติม แต่เขาหวนกลับท้าทายพระเจ้าแห่งสวรรค์อีกในทันทีที่ภัยพิบัติสงบลง คนเหล่านี้โศกเศร้ากับผลของบาป แต่ไม่ได้เสียใจให้กับบาปที่ได้ทำไป {SC 24.1}ThSC 20.2

    แต่เมื่อหัวใจยอมอยู่ภายใต้อิทธิพลพระวิญญาณของพระเจ้า ความสำนึกของเขาก็จะตื่นขึ้น และคนบาปก็จะเข้าใจสิ่งที่ล้ำลึกและศักดิ์สิทธิ์บางประการที่มีอยู่ในพระบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า ซึ่งเป็นพื้นฐานการปกครองของทั้งในสวรรค์และในโลก แสง “สว่างแท้ที่ทำให้มนุษย์ทุกคนเห็นความจริงได้นั้นกำลังเข้ามาในโลก” ได้ส่องเข้าไปในห้องชั้นในของจิตวิญญาณและทำให้มองเห็นสิ่งของที่ซ่อนอยู่ในความมืด ยอห์น 1:9 ความรู้สึกสำนึกจะเกิดขึ้นภายในความนึกคิดและในจิตใจ คนบาปจะรู้สึกถึงความชอบธรรมของพระยาห์เวห์และรู้สึกกลัวที่จะต้องไปปรากฏอยู่เบื้องพระพักตร์พระเจ้าผู้ทรงตรวจสอบจิตใจพร้อมกับสภาพที่ผิดและไม่สะอาดของเขา เขามองเห็นความรักของพระเจ้า ความบริสุทธิ์ที่งดงามยิ่ง ความบริสุทธิ์ที่น่าชื่นชม เขาหวังที่จะได้รับการชำระและนำกลับคืนไปสู่การสื่อสัมพันธ์กับสวรรค์ {SC 24.2}ThSC 20.3

    คำอธิษฐานของดาวิดหลังจากที่ล้มลงในบาปเป็นแบบอย่างที่แสดงให้เห็นถึงสภาพของความเสียใจต่อบาปอย่างแท้จริง การกลับใจนั้นจริงใจและลึกซึ้ง คำอธิษฐานของเขานั้นไม่ได้เกิดจากความพยายามที่จะลดโทษความผิดของเขาลง หรือต้องการหลีกเลี่ยงการพิพากษาที่จะต้องเผชิญ ดาวิดมองเห็นถึงความเลวร้ายของการล่วงละเมิดของตนเอง เขามองเห็นความสกปรกในจิตวิญญาณ เขารังเกียจบาปของเขาเอง เขาอธิษฐานไม่ใช่เพียงเพื่อขอการอภัยเท่านั้น แต่ได้ทูลขอจิตใจที่บริสุทธิ์ด้วย เขาปรารถนาที่จะได้รับความบริสุทธิ์ที่ก่อให้เกิดความสุข เพื่อจะได้กลับเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและเข้าสัมพันธ์กับพระเจ้า คำพูดที่ออกมาจากจิตวิญญาณของเขามีอยู่ว่าThSC 21.1

    “บุคคลผู้ซึ่งการละเมิดของเขาได้รับอภัยก็เป็นสุข
    คือผู้ซึ่งบาปได้รับการกลบเกลื่อน
    บุคคลซึ่งพระยาห์เวห์มิได้ทรงถือโทษก็เป็นสุข
    คือผู้ที่ไม่มีการหลอกลวงในจิตใจของเขา”
    ThSC 21.2

    สดุดี 32: 1, 2

    “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงพระเมตตาข้าพระองค์
    ตามความรักมั่นคงของพระองค์
    ตามพระกรุณาอันอุดมของพระองค์
    ขอทรงลบบรรดาการละเมิดของข้าพระองค์.... เพราะข้าพระองค์ทราบถึงการละเมิดของข้าพระองค์แล้ว
    และบาปของข้าพระองค์อยู่ต่อหน้าข้าพระองค์เสมอ…….
    ขอทรงชำระมลทินจากข้าพระองค์ด้วยต้นหุสบ
    ข้าพระองค์จึงจะสะอาด
    ขอทรงล้างข้าพระองค์ และข้าพระองค์จะขาวกว่าหิมะ.....
    ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเนรมิตสร้างใจสะอาดในข้าพระองค์
    และขอทรงสร้างจิตใจหนักแน่นขึ้นใหม่ภายในข้าพระองค์
    ขออย่าทรงเหวี่ยงข้าพระองค์ไปจากพระพักตร์พระองค์
    และขออย่าทรงนำพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ ไปจากข้าพระองค์
    ขอทรงคืนความชื่นบานในความรอดของพระองค์แก่ข้าพระองค์
    และทำให้ข้าพระองค์เชื่อฟังด้วยความเต็มใจ........
    ข้าแต่พระเจ้า ผู้เป็นพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์
    ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ให้พ้นจากโทษของการฆาตกรรม
    และลิ้นของข้าพระองค์จะร้องเพลงด้วยความยินดี
    เรื่องการช่วยกู้ของพระองค์”
    ThSC 21.3

    สดุดี 51:1-14 {SC 24.3}

    การกลับใจเช่นนี้อยู่ไกลเกินกว่าอำนาจของเราเองที่จะกระทำให้สำเร็จได้ การกลับใจเช่นนี้จะได้มาโดยทางพระคริสต์เท่านั้น พระองค์เสด็จขึ้นไปยังที่สูงแล้วและประทานของขวัญให้แก่บรรดามนุษย์ {SC 25.1}ThSC 22.1

    มีคนมากมายเข้าใจเรื่องนี้ผิดไปและจึงไม่ได้รับการทรงช่วยที่พระคริสต์ทรงปรารถนาจะประทานให้แก่พวกเขา พวกเขาคิดว่าจะเข้ามาหาพระคริสต์ไม่ได้นอกเสียจากได้กลับใจแล้วและการกลับใจนี้จะเตรียมเขาให้พร้อมเพื่อรับการอภัยจากบาป จริงอยู่ การกลับใจจะต้องเกิดขึ้นก่อนการอภัยบาป มีเพียงจิตใจที่สำนึกผิดและชอกช้ำที่จะรู้สึกว่าเขาต้องการพระผู้ช่วยให้รอด แต่คนบาปจะต้องรอจนกว่าเขากลับใจเรียบร้อยแล้วจึงเข้ามาหาพระเยซูหรือ จะต้องปล่อยให้การกลับใจเป็นอุปสรรคระหว่างคนบาปและพระผู้ช่วยให้รอดหรือ {SC 26.1}ThSC 22.2

    พระคัมภีร์ไม่ได้สอนว่าคนบาปจะต้องกลับใจก่อนแล้วจึงตอบสนองคำเชิญของพระคริสต์ได้ “บรรดาผู้เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายได้หยุดพัก” มัทธิว 11:28 เป็นเพราะพระคุณความดีที่ออกมาจากพระคริสต์ต่างหากที่นำให้เกิดการกลับใจที่แท้จริง เมื่อเปโตรพูดกับชนชาติอิสราเอลถึงเรื่องนี้ ท่านได้อธิบายอย่างแจ่มแจ้งว่า “พระเจ้าทรงตั้งพระองค์ไว้ที่พระหัตถ์เบื้องขวาของพระองค์ ให้เป็นองค์พระผู้นำและองค์พระผู้ช่วยให้รอด เพื่อจะให้ชนอิสราเอลกลับใจใหม่ แล้วจะทรงอภัยบาปของเขาทั้งหลาย” กิจการ 5:31 เรากลับใจไม่ได้เมื่อปราศจากพระวิญญาณของพระคริสต์ที่จะปลุกจิตสำนึกของเราให้ตื่นขึ้นฉันใด เราก็จะรับการอภัยบาปไม่ได้เมื่อปราศจากพระคริสต์ฉันนั้น {SC 26.2}ThSC 23.1

    พระคริสต์ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของแรงบันดาลใจที่ดีทั้งปวง พระองค์เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะทรงปลูกฝังความเป็นคู่อริต่อบาปเข้าไปในจิตใจได้ ในทุกความปรารถนาที่อยากได้ความจริงและความบริสุทธิ์ ในทุกความสำนึกที่มีต่อบาปหนาของเรา ล้วนเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่าพระวิญญาณของพระองค์กำลังขับเคลื่อนอยู่ในหัวใจของเรา {SC 26.3}ThSC 23.2

    พระเยซูตรัสไว้ว่า “เมื่อเราถูกยกขึ้นจากแผ่นดินโลกแล้ว เราจะชักนำทุกคนให้มาหาเรา” ยอห์น 12:32 เราจะต้องเปิดเผยให้คนบาปมองเห็นว่าพระคริสต์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อบาปของโลก และเมื่อเรามองดูพระเมษโปดกของพระเจ้าบนกางเขนที่กลโกธา ความลึกลับของการไถ่บาปจะเริ่มปรากฏขึ้นในสมองของเราและพระคุณความดีของพระเจ้าจะทรงนำเราให้กลับใจ ในการสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์เพื่อคนบาปนั้น พระองค์ทรงสำแดงให้เห็นความรักที่เราไม่อาจจะเข้าใจได้ และเมื่อคนบาปมองดูความรักนี้ ความรักนี้จะทำให้จิตใจอ่อนลง ประทับลงในความคิดและดลบันดาลให้จิตวิญญาณเกิดการสำนึกผิด {SC 26.4}ThSC 23.3

    จริงอยู่ ในบางครั้งมนุษย์อาจจะรู้สึกอับอายต่อชีวิตบาปของเขาและละทิ้งนิสัยชั่วบางประการของเขาไป ก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวว่าเขากำลังถูกชักนำเข้าไปหาพระคริสต์ แต่เมื่อใดก็ตามที่เขาพยายามปฏิรูปด้วยความตั้งใจจริงที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว นั่นก็เป็นเพราะอำนาจของพระคริสต์กำลังชักนำเขาอยู่ เป็นอิทธิพลที่ทำงานในจิตวิญญาณของเขาโดยที่เขาไม่รู้สึกตัว และปลุกจิตใต้สำนึกของเขาให้ตื่นขึ้น และชีวิตภายนอกของเขาก็ได้รับการเปลี่ยนแปลง และในขณะที่พระคริสต์ทรงชักนำให้เขาหันไปมองกางเขนของพระองค์ มองดูบาปของเขาที่ได้แทงพระองค์ พระบัญญัติของพระเจ้าจะกลับเข้ามายังสามัญสำนึกของเขา บาปชั่วในชีวิตของเขาและที่ฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณก็จะถูกเปิดเผยให้เขามองเห็น พวกเขาจะเริ่มเข้าใจเรื่องความชอบธรรมของพระคริสต์ได้บางส่วนและร้องออกมาว่า “บาปคืออะไรหนอที่ทำให้ต้องมีการเสียสละมากมายเช่นนี้เพื่อไถ่บาปของเหยื่อเหล่านั้น จะต้องใช้ความรักทั้งหมดนี้ การทรมานทั้งหมดนี้ การขายหน้าทั้งหมดนี้เพื่อให้เราไม่ต้องพินาศและมีชีวิตนิรันดร์หรือ” {SC 27.1}ThSC 24.1

    คนบาปอาจต่อต้านความรักนี้ เขาอาจปฏิเสธไม่ยอมเข้ามาหาพระคริสต์ แต่หากเขาไม่ดื้อดึง เขาก็จะถูกชักนำให้เข้ามายังพระเยซู ความรู้เรื่องแผนการแห่งการไถ่ให้รอดจะนำเขาเข้าไปยังกางเขนด้วยการกลับใจจากบาปของเขา ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้พระบุตรของพระเจ้าต้องได้รับความทุกข์ทรมาน {SC 27.2}ThSC 24.2

    พระปัญญาเดียวกันกับที่กระทำการในธรรมชาติกำลังตรัสกับจิตใจของมนุษย์และก่อให้เกิดความกระหายในสิ่งที่เขาไม่มี สิ่งของในโลกสร้างความพึงพอใจให้แก่เขาไม่ได้ พระวิญญาณของพระเจ้ากำลังอ้อนวอนเขาให้ค้นหาสิ่งเดียวที่จะให้สันติสุขและการพักผ่อนได้ สิ่งนั้นคือพระคุณของพระคริสต์ ซึ่งเป็นความสุขที่บริสุทธิ์ พระผู้ช่วยให้รอดทรงกระทำการอยู่อย่างต่อเนื่องโดยผ่านทางอิทธิพลที่ตามองเห็นและมองไม่เห็นเพื่อดึงดูดความคิดของมนุษย์ให้ออกจากความสุขสำราญของบาปที่ไม่รู้จักอิ่มไปยังพระพรของพระเจ้าที่จะตกเป็นของเขาเมื่อเขาอยู่ในพระองค์ สำหรับจิตวิญญาณเหล่านี้ที่ยังค้นหาเพื่อที่จะดื่มน้ำจากถังน้ำแตกของโลกแต่ต้องพบกับความผิดหวังนั้น ข่าวของพระเจ้าที่มายังเขาคือ “คนที่กระหายเชิญเข้ามา ใครที่มีใจปรารถนา จงมารับน้ำแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย” วิวรณ์ 22:17 {SC 28.1}ThSC 24.3

    สำหรับท่านที่มีจิตใจปรารถนาที่จะได้บางสิ่งที่ดีกว่าสิ่งที่โลกนี้จะมอบให้ได้นั้น จะมองเห็นว่าความปรารถนานี้เป็นพระสุรเสียงของพระเจ้าที่ตรัสกับวิญญาณจิตของท่าน จงทูลขอให้พระองค์ประทานการกลับใจให้แก่ท่าน ขอพระองค์ทรงเปิดเผยพระคริสต์ให้แก่ท่านด้วยความรักที่ไม่มีขอบเขตจำกัด ให้ท่านมีความบริสุทธิ์อันไพบูลย์ของพระองค์ ชีวิตของพระผู้ช่วยให้รอดเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของหลักการแห่งพระบัญญัติของพระเจ้า หลักการนั้นคือรักพระเจ้าและรักมนุษย์ ความเมตตากรุณาและความรักที่ไม่เห็นแก่ตัวเป็นชีวิตของจิตวิญญาณของพระองค์ ในขณะที่เราเฝ้ามองพระองค์เมื่อแสงสว่างจากพระผู้ช่วยให้รอดส่องลงมายังเรา เราก็จะมองเห็นจิตใจของเราเองที่เต็มไปด้วยบาป {SC 28.2}ThSC 25.1

    เราอาจมีลักษณะเหมือนนิโคเดมัสที่ยกยอตัวเราเองว่าชีวิตของเรานั้นซื่อตรง อุปนิสัยทางฝ่ายศีลธรรมของเราถูกต้องและคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องถ่อมใจลงต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้าเหมือนเช่นคนบาปทั่วไป แต่เมื่อแสงสว่างจากพระคริสต์ส่องลงมายังจิตวิญญาณของเราแล้ว เราก็จะมองเห็นว่าเราเองนั้นเปรอะเปื้อนเพียงไร เราจะมองเห็นความตั้งใจที่เห็นแก่ตัว ความเป็นคู่อริกับพระเจ้าที่ทำให้ทุกสิ่งที่เราทำลงไปนั้นเป็นมลทิน แล้วเราจะได้รู้ว่าความชอบธรรมของเรานั้นแท้จริงแล้วเป็นแต่เพียงผ้าขี้ริ้ว และมีเพียงพระโลหิตของพระคริสต์เท่านั้นที่จะชำระเราจากความสกปรกของบาปและเปลี่ยนจิตใจของเราใหม่ให้เหมือนของพระองค์ได้ {SC 28.3}ThSC 25.2

    แสงแห่งพระสิริของพระเจ้าเพียงลำแสงเดียว ความบริสุทธิ์ของพระคริสต์เพียงแวบเดียวที่ส่องทะลุผ่านจิตวิญญาณจะทำให้มองเห็นรอยเปื้อนของมลทินได้ มองเห็นทุกรอยได้อย่างเด่นชัดจนน่าเจ็บปวดและจะเปิดเผยความผิดปกติและจุดบกพร่องในอุปนิสัยของมนุษย์ ทำให้เขามองเห็นความปรารถนาที่ไม่ได้ผ่านการชำระ หัวใจที่ไม่สัตย์ซื่อ ริมฝีปากที่ไม่บริสุทธิ์ การกระทำที่ไม่จงรักภักดีของคนบาปในการลบล้างธรรมบัญญัติจะถูกเปิดออกให้เขามองเห็น และภายใต้อิทธิพลการตรวจสอบของพระวิญญาณของพระเจ้า วิญญาณจิตของเขาจะได้รับผลกระทบและเกิดความปวดร้าว เมื่อเขามองเห็นพระลักษณะที่บริสุทธิ์และไร้ตำหนิของพระเจ้าเขาจะรังเกียจตนเอง {SC 29.1}ThSC 25.3

    เมื่อผู้เผยพระวจนะดาเนียลได้มองเห็นพระสิริที่ล้อมรอบผู้สื่อข่าวชาวสวรรค์ที่ได้รับบัญชาให้มาหาท่านนั้นท่านรู้สึกว่าความอ่อนแอและความไม่บริบูรณ์ในตัวได้ครอบงำตัวท่านเองไว้ ท่านได้บรรยายถึงผลลัพธ์จากเหตุการณ์อันอัศจรรย์ใจนี้ไว้ว่า “ข้าพเจ้าก็สิ้นเรี่ยวสิ้นแรง หน้าของข้าพเจ้าก็ซีดไป ข้าพเจ้าหมดแรง” ดาเนียล 10:8 จิตวิญญาณที่ได้รับการสัมผัสเช่นนี้จะเกลียดชังความเห็นแก่ตัวในตัวของเขาเอง รังเกียจการรักตนเอง และเขาจะแสวงหาความบริสุทธิ์ของจิตใจผ่านทางความชอบธรรมของพระคริสต์ เพื่อจะผสานเป็นหนึ่งกับพระบัญญัติของพระเจ้าและพระลักษณะของพระคริสต์ {SC 29.2}ThSC 26.1

    เปาโลพูดถึงตัวเองโดยใช้ “ความชอบธรรมตามธรรมบัญญัติ” มาตัดสินภาพลักษณ์ภายนอก ซึ่ง “ไม่มีที่ติ” ฟีลิปปี 3:6 แต่เมื่อท่านนำสภาพฝ่ายวิญญาณของธรรมบัญญัติมาพิจารณาแล้ว ท่านมองเห็นว่าตัวเองเป็นคนบาป เมื่อตัดสินตามตัวอักษรของธรรมบัญญัติดังที่มนุษย์นำมาใช้กับชีวิตภายนอกแล้ว ท่านได้ละเว้นจากบาป แต่เมื่อท่านมองเข้าไปถึงส่วนลึกของพระบัญญัติศักดิ์สิทธิ์และได้มองเห็นตนเองดังที่พระเจ้าทรงมองเห็นแล้ว ท่านจึงได้กราบลงด้วยความถ่อมใจและสารภาพความผิด ท่านกล่าวว่า “เมื่อก่อนข้าพเจ้าดำรงชีวิตอยู่นอกเหนือธรรมบัญญัติ แต่เมื่อบัญญัตินั้นมา บาปก็กลับมีชีวิต” โรม 7:9 เมื่อท่านมองเห็นสภาพฝ่ายวิญญาณของธรรมบัญญัติ บาปพร้อมกับความน่าเกลียดที่แท้จริงก็ปรากฏขึ้นและความหยิ่งผยองของท่านก็หายไป {SC 29.3}ThSC 26.2

    พระเจ้าไม่ได้ทรงถือว่าบาปทั้งหมดมีความรุนแรงเท่ากัน พระองค์ทรงประเมินความผิดไว้หลายระดับ เช่นเดียวกับการประเมินของมนุษย์ แต่ไม่ว่าสายตาของมนุษย์จะเห็นว่าการกระทำผิดนี้หรือการกระทำผิดโน้นจะเล็กน้อยเพียงไรก็ตาม ไม่มีบาปใดจะเล็กน้อยในสายพระเนตรของพระเจ้า การตัดสินของมนุษย์นั้นลำเอียง ไม่สมบูรณ์ แต่พระเจ้าประเมินทุกสิ่งตามความเป็นจริง คนขี้เมาจะถูกดูหมิ่นและถูกตราว่าบาปของเขาจะทำให้เขาไม่มีส่วนในแผ่นดินสวรรค์ ในขณะที่ความหยิ่งยโส ความเห็นแก่ตัวและความโลภมักจะไม่ถูกตำหนิ แต่พระเจ้าทรงรังเกียจบาปเหล่านี้มาก เพราะบาปเหล่านี้มีลักษณะตรงข้ามกับพระลักษณะนิสัยของพระองค์ ที่มีแต่ความกรุณา เป็นความรักที่ไม่เห็นแก่ตัว ซึ่งบรรยากาศที่แท้จริงของจักรวาลที่ไม่ล้มลงในบาปจะเป็นเช่นนี้ ผู้ที่ได้ทำบาปที่ยิ่งใหญ่กว่าอาจจะรู้สึกอับอายและขัดสน และเขาต้องการพระคุณของพระคริสต์ แต่ความทะนงทำให้เขาไม่รู้สึกถึงความต้องการของตนเอง เขาจึงปิดประตูหัวใจให้กับพระคริสต์และปฏิเสธพระพรมากมายที่พระองค์เสด็จมาเพื่อประทานให้แก่เขา {SC 30.1}ThSC 26.3

    คนเก็บภาษีผู้น่าสงสารได้อธิษฐานว่า “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเมตตาแก่ข้าพระองค์ผู้เป็นคนบาปเถิด” ลูกา 18:13 เขาคิดว่าตนเองเป็นคนชั่วมากและคนอื่นๆ ก็มองดูเขาด้วยแนวคิดเดียวกัน แต่เขารู้สึกถึงความต้องการของเขาและเขาได้เข้ามาเฝ้าอยู่เบื้องพระพักตร์พระเจ้าพร้อมกับภาระความผิดและความอับอาย เขาได้ทูลขอพระเมตตาของพระองค์ จิตใจของเขาเปิดออกให้กับพระวิญญาณของพระเจ้าเพื่อให้พระองค์กระทำการแห่งความเมตตาและปลดปล่อยเขาให้หลุดพ้นจากอำนาจของบาป ส่วนคำอธิษฐานของพวกฟาริสีที่โอ้อวดและคิดว่าตนเองชอบธรรม แสดงให้เห็นว่าจิตใจของเขาไม่ได้รับอิทธิพลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เนื่องจากเขาเหินห่างจากพระเจ้าของเขา เขาจึงไม่รู้สึกถึงความโสมมของตนเอง เมื่อเทียบกับความสมบูรณ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า เขารู้สึกว่าเขาไม่ขาดสิ่งใดและเขาจึงไม่ได้รับอะไรเลย {SC 30.2}ThSC 27.1

    หากท่านมองเห็นบาปในตัวท่าน อย่ารีรอที่จะทำตัวเองให้ดีก่อน มีสักกี่คนที่คิดว่าตนเองยังดีไม่พอที่จะมาหาพระคริสต์ ท่านหวังที่จะเป็นคนดีขึ้นด้วยความพยายามของตัวท่านเองหรือ “คนคูชเปลี่ยนสีผิวของตนเอง หรือเสือดาวเปลี่ยนลายของมันได้หรือ ถ้าได้แล้วพวกเจ้าผู้ที่เคยชินต่อการทำความชั่วจึงจะมาทำความดีได้” เยเรมีย์ 13:23 การช่วยเหลือมีไว้ให้แก่เรา เป็นการช่วยเหลือซึ่งจะพบได้ในพระเจ้าเท่านั้น เราจะต้องไม่คอยให้มีการเรียกร้องมากกว่านี้ คอยโอกาสที่ดีกว่านี้ หรือคอยให้มีอารมณ์ที่บริสุทธิ์กว่านี้ โดยลำพังตัวเราเองแล้ว เราจะทำอะไรไม่ได้เลย เราจะต้องเข้ามาหาพระคริสต์ในสภาพที่เป็นอยู่ {SC 31.1}ThSC 27.2

    แต่อย่าให้ผู้ใดหลอกลวงตนเองด้วยความคิดว่า พระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักและพระเมตตาคุณอันยิ่งใหญ่ พระองค์จะประทานความรอดให้แม้กับคนที่ปฏิเสธพระคุณของพระองค์ด้วย มีเพียงแสงสว่างจากกางเขนเท่านั้นที่จะประเมินความชั่วร้ายที่ยิ่งใหญ่ของบาปได้ เมื่อมนุษย์เร้าให้เชื่อว่าพระเมตตาคุณของพระเจ้าประเสริฐเกินที่จะทำลายคนบาป ก็ขอให้มองไปยังกลโกธา เป็นเพราะไม่มีหนทางอื่นแล้วที่มนุษย์จะรอดได้ เป็นเพราะว่าถ้าปราศจากการเสียสละเช่นนี้ เผ่าพันธุ์มนุษย์จะไม่มีทางหนีให้พ้นจากอำนาจชั่วร้ายของบาปและกลับไปสื่อสัมพันธ์กับบรรดาชาวสวรรค์ที่บริสุทธิ์ได้ ไม่มีทางใดที่มนุษย์จะมีส่วนในชีวิตฝ่ายวิญญาณได้ ด้วยเหตุฉะนี้พระคริสต์จึงทรงต้องรับความผิดของการไม่เชื่อฟังและรับความทุกข์ของคนบาปมาไว้กับพระองค์เอง ความรักและการทนทุกข์ทรมานและความมรณาของพระบุตรของพระเจ้าจึงเป็นพยานถึงความน่ากลัวอย่างมหันต์ของบาปและประกาศว่าไม่มีทางที่จะหนีให้พ้นจากอำนาจของมัน ไม่มีความหวังที่จะได้ชีวิตที่สูงส่งกว่า นอกจากด้วยการมอบถวายจิตวิญญาณแด่พระคริสต์ {SC 31.2}ThSC 28.1

    บางครั้ง คนที่ไม่สำนึกผิดจะแก้ตัวด้วยการเปรียบเทียบกับคนที่อ้างตัวเป็นคริสเตียนว่า “ฉันก็เป็นคนดีพอๆ กับพวกเขา ฉันไม่เห็นว่าความประพฤติของพวกเขาในเรื่องการตามใจตนเอง ความสุขุมหรือรอบคอบดีกว่าฉัน พวกเขาชอบความสนุกสนานและปล่อยตัวตามใจตนเองพอๆ กับฉัน” ด้วยการทำเช่นนี้ เขาเอาความผิดของผู้อื่นมาใช้แก้ตัวกับการละเลยหน้าที่ของเขาเอง แต่บาปและความบกพร่องของผู้อื่นไม่อาจแก้ต่างให้กับผู้ใดได้ เพราะพระเจ้าไม่ได้ประทานมนุษย์ที่ทำผิดมาเป็นแบบอย่างของเรา พระองค์ประทานพระบุตรของพระองค์ผู้ทรงปราศจากด่างพร้อยเป็นแบบอย่างแก่เรา และคนที่ตำหนิผู้ที่อ้างตนเป็นคริสเตียนว่าประพฤติผิด เขาเองควรจะต้องแสดงให้เห็นชีวิตและแบบอย่างที่ประเสริฐกว่านี้ หากเขามีแนวคิดที่สูงส่งว่าคริสเตียนควรจะเป็นเช่นไรแล้ว บาปของเขาเองจะไม่ยิ่งใหญ่กว่านี้หรือ เพราะเขารู้ว่าอะไรถูกและยังปฏิเสธที่จะทำตาม {SC 32.1}ThSC 28.2

    ขอให้ท่านระวังเรื่องของการผัดวันประกันพรุ่ง อย่ารอช้าที่จะละทิ้งบาปของท่านและแสวงหาความบริสุทธิ์ในจิตใจโดยผ่านทางพระเยซู จุดนี้เองที่ทำให้คนนับพันต้องหลงหายไปชั่วนิรันดร์ ข้าพเจ้าจะไม่ขอกล่าวถึงเรื่องของชีวิตที่แสนสั้นและไม่แน่นอน แต่จะกล่าวถึงเรื่องน่ากลัวที่เป็นภัยอันตราย เป็นเรื่องที่เข้าใจกันยังไม่ดีพอ นั่นคือการรีรอไม่ยอมฟังพระสุรเสียงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าที่เชิญชวนอยู่ แต่เลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ในบาป เพราะการรีรอเช่นนี้คือบาป การปล่อยตัวให้แก่บาป ไม่ว่าบาปนั้นจะดูเล็กน้อยเพียงไร จะนำมาซึ่งความพินาศที่จะหลงหายไปตลอดกาล สิ่งที่เราเอาชนะไม่ได้ สิ่งนั้นจะชนะเราและจะนำเราไปสู่ความพินาศ {SC 32.2}ThSC 29.1

    อาดัมและเอวาปลอบใจตัวเองให้เชื่อว่าเรื่องเล็กน้อยเช่นการรับประทานผลไม้ต้องห้ามไม่น่าส่งผลลัพธ์น่ากลัวตามที่พระเจ้าทรงประกาศไว้ แต่เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้เป็นการล่วงละเมิดพระบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าที่แปรเปลี่ยนไม่ได้ และแยกมนุษย์ออกไปจากพระเจ้าและเปิดประตูให้แก่ความตายและความหายนะเหลือคณานับให้ไหลบ่าเข้ามาในโลกของเรา ยุคแล้วยุคเล่า เสียงร้องโศกเศร้าดังมาจากโลกของเราอย่างต่อเนื่อง และสภาพทั้งหมดที่พระเจ้าทรงสร้างต่างร้องคร่ำครวญและผจญความทุกข์ยากด้วยกันอย่างเจ็บปวดจากผลของการไม่เชื่อฟังของมนุษย์ แม้สวรรค์เองก็ยังสัมผัสได้กับผลการกบฏของมนุษย์ที่มีต่อพระเจ้า กางเขนกลโกธาตั้งเด่นเป็นอนุสรณ์ของการเสียสละอันอัศจรรย์ที่กำหนดไว้เพื่อไถ่บาปที่ได้ล่วงละเมิดพระบัญญัติของพระเจ้า ให้เราอย่าถือว่าบาปเป็นเรื่องเล็ก {SC 33.1}ThSC 29.2

    การล่วงละเมิดของแต่ละครั้ง การละเลยหรือปฏิเสธพระคุณของพระคริสต์ในแต่ละคราวจะมีผลกระทบต่อตัวของท่านเอง ทำให้จิตใจแข็งกระด้างไป การตัดสินใจถูกริดรอน ความเข้าใจเฉื่อยชาลง และไม่เพียงแต่ทำให้การยอมมอบถวายของท่านลดลงเท่านั้น แต่จะทำให้ความสามารถในการยอมจำนนต่อการทรงเรียกด้วยความอ่อนโยนของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าลดลงไปด้วย {SC 33.2}ThSC 29.3

    มีคนจำนวนมากทำให้ความว้าวุ่นของสามัญสำนึกสงบลงด้วยความคิดที่ว่าเขาเปลี่ยนวิถีทางแห่งความชั่วตามที่เขาต้องการได้ ฉะนั้น เขาจึงล้อเล่นกับคำเชิญชวนแห่งพระเมตตาและคาดว่าจะยังคงได้รับคำเชื้อเชิญนี้ต่อไปอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกเขาคิดว่าหลังจากที่เขาได้ทำสิ่งที่ดูแคลนพระวิญญาณแห่งพระคุณ หลังจากที่เขาได้รับอิทธิพลอยู่ในฝ่ายของซาตาน เขาจะยังคงสามารถเปลี่ยนวิถีทางของตนเองได้ภายในเสี้ยวเวลาอันสั้นเมื่อวิกฤติร้ายแรงมาถึง แต่การกระทำเช่นนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ ประสบการณ์และการศึกษาที่มีมาตลอดทั้งชีวิตได้หล่อหลอมอุปนิสัยของพวกเขาอย่างเต็มที่ จนมีคนจำนวนน้อยคิดอยากรับพระฉายาของพระเยซู {SC 33.3}ThSC 30.1

    หากเราจะทะนุถนอมลักษณะอุปนิสัยที่ผิดไว้แม้เพียงประการเดียว ความปรารถนาชั่วเพียงอันเดียว ในที่สุดสิ่งเหล่านี้จะลบล้างอำนาจของพระกิตติคุณไป การปล่อยตัวให้กับบาปทุกครั้งจะทำให้จิตวิญญาณเกลียดชังพระเจ้าเพิ่มมากขึ้น ผู้ที่ทนต่อการนอกรีตหรือดื้อดึงไม่ใส่ใจต่อความจริงของพระเจ้ากำลังเก็บเกี่ยวสิ่งที่เขาเองเป็นผู้หว่าน ไม่มีคำเตือนใดในพระคัมภีร์ทั้งเล่มที่น่ากลัวไปกว่าคำเตือนของนักปราชญ์ต่อการเล่นกับความชั่วซึ่งกล่าวไว้ว่า คนบาปจะ “ติดอยู่กับตาข่ายบาปของเขา” สุภาษิต 5:22 {SC 34.1}ThSC 30.2

    พระคริสต์ทรงพร้อมที่จะปลดปล่อยเราให้หลุดพ้นจากบาป แต่พระองค์ไม่ทรงบังคับความตั้งใจของเราและถ้าหากเรายังยืนกรานที่จะล่วงละเมิด ความตั้งใจของเราจะโอนเอียงให้กับความชั่วต่อไปและเราก็ไม่ต้องการรับการปลดปล่อย หากเราไม่ยอมรับพระคุณของพระองค์ พระองค์จะทรงทำอะไรให้เราได้อีกเล่า เราทำลายตัวเราเองด้วยการมุ่งมั่นปฏิเสธความรักของพระองค์ “นี่แน่ะ บัดนี้เป็นเวลาแห่งความโปรดปราน นี่แน่ะ บัดนี้เป็นวันแห่งความรอด” “วันนี้ถ้าท่านทั้งหลายได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ อย่าให้จิตใจของท่านดื้อรั้น” 2 โครินธ์ 6:2; ฮีบรู 3: 7, 8 {SC 34.2}ThSC 30.3

    “มนุษย์ดูที่รูปร่างภายนอก แต่พระยาห์เวห์ทอดพระเนตรจิตใจ” จิตใจมนุษย์ที่มีอารมณ์ความสุขและความเศร้าใจขัดแย้งกันอยู่ จิตใจที่คอยตีตัวออกห่าง เต็มไปด้วยความไม่สะอาดและความหลอกลวง 1 ซามูเอล 16:7 พระองค์ทรงทราบเจตนา ความตั้งใจและเป้าหมายของเขา จงไปหาพระองค์ด้วยสภาพวิญญาณจิตที่เปรอะเปื้อนอยู่ จงทำอย่างผู้ประพันธ์สดุดีที่ได้เปิดจิตใจทุกห้องออกให้ตรวจสอบและร้องทูลขอว่า “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงตรวจค้นข้าพระองค์และทรงรู้จักจิตใจของข้าพระองค์ ขอทรงทดสอบข้าพระองค์และทรงรู้จักความคิดของข้าพระองค์ และขอทอดพระเนตรว่ามีทางชั่วใดๆ ในข้าพระองค์หรือไม่ และขอทรงนำข้าพระองค์ไปในทางนิรันดร์” สดุดี 139:23, 24 {SC 34.3} ThSC 31.1

    คนมากมายยอมรับศาสนาที่ใช้ปัญญา นี่เป็นการถือศาสนาแต่เปลือกนอกแบบหนึ่งเมื่อจิตใจไม่ได้ผ่านการชำระ ขอให้คำอธิษฐานนี้เป็นของท่าน “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเนรมิตสร้างใจสะอาดภายในข้าพระองค์และขอทรงสร้างจิตใจหนักแน่นขึ้นใหม่ภายในข้าพระองค์” สดุดี 51:10 ขอให้ท่านจัดการกับจิตวิญญาณของท่านอย่างจริงจัง ให้ทำกันอย่างจริงใจ แน่วแน่ เสมือนหนึ่งว่าชีวิตของท่านตกอยู่ในอันตราย นี่เป็นเรื่องที่ท่านต้องจัดการระหว่างพระเจ้ากับจิตวิญญาณของท่านเอง เป็นการจัดการเพื่อชีวิตนิรันดร์ ซึ่งเป็นความหวังและไม่มีสิ่งอื่นใดจะนำความหายนะมาให้แก่ท่านได้ {SC 35.1}ThSC 31.2

    จงศึกษาพระคำของพระเจ้าด้วยการอธิษฐาน พระคำซึ่งอยู่เบื้องหน้าท่าน ทั้งในพระบัญญัติของพระเจ้าและในชีวิตของพระคริสต์ ซึ่งเป็นหลักการยิ่งใหญ่ของความบริสุทธิ์ หากปราศจากหลักการนี้แล้ว “จะไม่มีใครได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเลย” ฮีบรู 12:14 หลักการนี้ทำให้รู้สึกสำนึกในบาป และเปิดเผยให้เห็นถึงทางที่จะนำไปสู่ความรอดได้อย่างชัดเจน ในขณะที่พระสุรเสียงของพระเจ้าตรัสกับจิตวิญญาณของท่านอยู่นั้น ขอให้ท่านใส่ใจในเรื่องนี้ {SC 35.2}ThSC 31.3

    ขณะที่ท่านมองเห็นความร้ายกาจของบาป ขณะที่ท่านมองเห็นสภาพที่แท้จริงของตัวท่านเองว่าเป็นเช่นไร จงอย่าปล่อยตัวไปกับความสิ้นหวัง พระคริสต์เสด็จลงมาช่วยคนบาป เราไม่จำเป็นต้องหาทางคืนดีกับพระเจ้า แต่ด้วยความรักอัศจรรย์อันประเสริฐ พระเจ้า “ทรงให้โลกนี้คืนดีกับพระองค์โดยพระคริสต์” 2 โครินธ์ 5:19 พระองค์ทรงตามหาลูกๆ ที่ทำผิดของพระองค์ด้วยความรักอ่อนโยน ไม่มีพ่อแม่คนใดในโลกที่จะอดทนต่อความบกพร่องและความผิดของลูกๆ ได้มากไปกว่าความอดทนนานของพระเจ้าที่ทรงมีต่อผู้ที่พระองค์ทรงแสวงหาเพื่อจะทรงช่วยให้รอด ไม่มีผู้ใดจะอ้อนวอนต่อผู้ล่วงละเมิดได้อย่างอ่อนโยนมากเท่านี้ ไม่มีริมฝีปากของมนุษย์คนใดที่จะอ้อนวอนอย่างอ่อนโยนต่อผู้ที่หลงไปได้เท่ากับพระองค์ พระสัญญาทั้งหมดของพระองค์ คำตักเตือนของพระองค์ เป็นแต่เพียงลมหายใจของความรักที่ไม่อาจพรรณนาได้ {SC 35.3}ThSC 31.4

    เมื่อซาตานมาบอกกับท่านว่าท่านเป็นคนบาปหนา จงหันไปหาพระผู้ไถ่ของท่านและพูดถึงพระคุณความดีของพระองค์ สิ่งที่จะช่วยท่านได้คือให้ท่านมองไปยังแสงสว่างของพระองค์ ให้ท่านยอมรับบาปของท่านและบอกศัตรูของท่านว่า “พระเยซูคริสต์เสด็จมาในโลกเพื่อทรงช่วยคนบาปให้รอด” และความรักของพระองค์ที่ไม่มีรักใดเปรียบได้จะช่วยท่านให้รอดได้ 1 ทิโมธี 1:15 พระเยซูตรัสถามซีโมนในเรื่องลูกหนี้สองคน คนหนึ่งเป็นหนี้นายของเขาเพียงเล็กน้อยและอีกคนเป็นหนี้ก้อนใหญ่ แต่นายได้ยกหนี้ให้ทั้งสองคน และพระคริสต์ตรัสถามซีโมนว่าลูกหนี้คนไหนจะรักนายของเขามากที่สุด ซีโมนตอบว่า “คนที่นายยกหนี้ให้มาก” ลูกา 7:43 เราเป็นคนบาปหนา แต่พระคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเราจะได้รับการอภัย พระคุณความดีของการเสียสละของพระองค์นั้นพอเพียงที่จะนำเสนอพระบิดาเพื่อเรา ผู้ที่ได้รับการอภัยจากพระองค์มากจะรักพระองค์มากและจะยืนอยู่ใกล้ชิดพระบัลลังก์ของพระองค์มากที่สุดเพื่อสรรเสริญพระองค์สำหรับความรักและการเสียสละอันยิ่งใหญ่ เราจะตระหนักถึงความร้ายกาจของบาปได้ก็ต่อมื่อเราเข้าใจความรักของพระเจ้าอย่างเต็มที่เท่านั้น เมื่อเรามองเห็นความยาวของโซ่ที่หย่อนลงมาให้เรา เมื่อเราเข้าใจเรื่องการเสียสละอันยิ่งใหญ่ซึ่งพระคริสต์ทรงกระทำเพื่อเราแล้ว จิตใจของเราก็จะหลอมละลายลงด้วยความอ่อนโยนและสำนึกผิด {SC 35.4}ThSC 32.1

    Larger font
    Smaller font
    Copy
    Print
    Contents