Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents
สงครามครั้งยิ่งใหญ่ - Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First

    บทที่ 24 - ข่าวทูตสวรรค์องค์ที่สอง

    บรรดาคริสตจักรต่างไม่ใคร่ตอบรับแสงสว่างแห่งข่าวทูตสวรรค์องค์ที่หนึ่ง และในขณะที่เขาทั้งหลายปฏิเสธไม่รับแสงสว่างจากฟ้าสวรรค์นั้น เขาทั้งหลายก็ได้ตกลงจากความเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า เขาทั้งหลายเชื่อมั่นในแรงกำลังของพวกเขาเอง และโดยการต่อต้านข่าวสารประการที่หนึ่งนั้น เขาทั้งหลายได้วางตัวเองอยู่ในสถานที่ที่เขาทั้งหลายไม่สามารถมองเห็นแสงสว่างแห่งข่าวทูตสวรรค์องค์ที่สองได้ แต่ผู้ที่เป็นที่รักของพระเจ้าผู้ซึ่งถูกกดขี่ได้ตอบรับข่าวสารที่ว่า บาบิโลนล่มจมแล้ว และได้ออกไปจากคริสตจักรต่าง ๆ ที่ล้มลงGCTh 60.1

    ในเวลาที่ข่าวทูตสวรรค์องค์ที่สองใกล้จะสิ้นสุดลงนั้น ข้าพเจ้าได้เห็นแสงสว่างอันเจิดจ้ามาจากฟ้าสวรรค์ฉายลงบนพลไพร่ของพระเจ้า รังสีกระจายจากแสงสว่างนี้ดูสว่างโชติช่วงราวกับดวงอาทิตย์ และข้าพเจ้าได้ยินเสียงของทูตสวรรค์ร้องดังว่า “ดูเถิด เจ้าบ่าวมาแล้ว จงออกมารับท่านเถิด”GCTh 60.2

    เสียงร้องอันดังเวลาเที่ยงคืนถูกประทานเพื่อให้ฤทธิ์เดชแก่ข่าวทูตสวรรค์องค์ที่สอง ทูตสวรรค์ถูกส่งลงมาจากฟ้าสวรรค์เพื่อปลุกเหล่าวิสุทธิชนผู้ท้อแท้ใจ และเตรียมตัวเขาทั้งหลายสำหรับภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่อยู่ต่อหน้าพวกเขา ผู้ที่มีความสามารถพิเศษที่สุดหาได้เป็นพวกแรกที่ได้ตอบรับข่าวสารนี้ ทูตสวรรค์ได้ถูกส่งไปหาบรรดาผู้ที่อุทิศถวายตัวและต่ำต้อย และทำให้พวกเขาจำเป็นต้องลุกขึ้นร้องว่า “ดูเถิด เจ้าบ่าวมาแล้ว จงออกมารับท่านเถิด” บรรดาผู้ที่ได้รับมอบหมายในภารกิจแห่งเสียงร้องอันดังนี้ได้ออกไปอย่างรวดเร็ว และก็ได้ร้องป่าวประกาศออกไปด้วยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ และปลุกเร้าพี่น้องผู้ท้อถอยของพวกเขา เสียงร้องนี้ไม่ได้มาจากสติปัญญาและการเรียนรู้ของมนุษย์ แต่มาจากฤทธานุภาพของพระเจ้า และเหล่าวิสุทธิชนของพระเจ้าผู้ได้ยินเสียงร้องนี้ก็ไม่สามารถต้านทานได้ ผู้ที่มีจิตวิญญาณสูงที่สุดได้รับข่าวสารก่อน และคนเหล่านั้นที่ได้ถูกนำมาสู่ภารกิจในครั้งก่อนนั้นกลายเป็นคนสุดท้ายที่ได้รับและช่วยเพิ่มเสียงร้องให้ขยายใหญ่ขึ้นว่า “ดูเถิด เจ้าบ่าวมาแล้ว จงออกมารับท่านเถิด”GCTh 60.3

    ในแต่ละส่วนของผืนแผ่นดิน แสงสว่างได้ถูกประทานลงบนข่าวทูตสวรรค์องค์ที่สองและเสียงร้องได้กำลังหลอมหัวใจคนนับพัน มันได้ไปจากเมืองสู่เมืองและจากหมู่บ้านสู่หมู่บ้าน จนกว่าพลไพร่ที่รอคอยของพระเจ้าจะถูกปลุกขึ้นจนเต็ม หลายคนไม่อนุญาตให้ข่าวสารนี้เข้าไปสู่คริสตจักร และคนกลุ่มใหญ่ผู้ยึดถือคำพยานอันมีชีวิตนี้ไว้กับพวกเขาก็ได้ละทิ้งคริสตจักรต่าง ๆ ที่ล้มลง ภารกิจอันยิ่งใหญ่ได้สำเร็จลงด้วยเสียงร้องเวลาเที่ยงคืน ข่าวสารนี้เป็นข่าวสารแห่งการค้นหาวินิจฉัยหัวใจ และได้นำให้ผู้เชื่อแสวงหาประสบการณ์อันมีชีวิตสำหรับตัวเองด้วย พวกเขารู้ดีว่าเขาทั้งหลายไม่สามารถยึดกันและกันไว้เป็นที่พึ่งได้GCTh 60.4

    เหล่าวิสุทธิชนได้เฝ้ารอองค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขาอย่างกระวนกระวาย ด้วยการอดอาหาร เฝ้าระวัง และอธิษฐานเกือบจะไม่หยุดหย่อน แม้แต่พวกคนบาปบางคนได้เฝ้ารอเวลาด้วยความหวาดกลัว ในขณะที่ฝูงชนกลุ่มใหญ่ดูเหมือนจะถูกปลุกเร้าให้ต่อต้านข่าวสารนี้และสำแดงให้เห็นวิญญาณของซาตาน พวกเขาได้หัวเราะและดูหมิ่น และทุกที่จะได้ยินว่า “แต่วันนั้น โมงนั้น ไม่มีใครรู้” ทูตสวรรค์ชั่วร้ายต่างปรีดาปราโมทย์อยู่รอบพวกเขา คอยกระตุ้นให้เขาทั้งหลายมีใจที่ดื้อดึงต่อไปและปฏิเสธไม่รับทุกรังสีแห่งแสงสว่างจากฟ้าสวรรค์ เพื่อที่พวกมันจะได้ผูกมัดพวกเขาไว้ในบ่วงแร้ว หลายคนได้ปฏิญาณตัวว่ากำลังเฝ้ารอองค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา แต่หัวใจของพวกเขาไม่สนใจในเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว พระสง่าราศีของพระเจ้าที่เขาทั้งหลายได้เป็นพยาน ความถ่อมตัวและการอุทิศตัวอย่างลึกซึ้งของบรรดาผู้ที่รอคอย และน้ำหนักท่วมท้นของหลักฐานทั้งหลายนั้น ทำให้เขาทั้งหลายต้องสารภาพว่ายอมรับความจริง แต่เขาทั้งหลายไม่ยอมกลับใจ เขาทั้งหลายยังไม่พร้อม วิญญาณแห่งการอธิษฐานอันน่าคร้ามกลัวและร้อนรนมีอยู่ทุกหนทุกแห่งซึ่งเหล่าวิสุทธิชนสามารถรู้สึกได้ ความคร้ามกลัวอันศักดิ์สิทธิ์ได้ปกคลุมเขาทั้งหลายอยู่ ทูตสวรรค์ได้เฝ้าดูผลลัพธ์ด้วยความสนใจอย่างสุดซึ้งและได้กำลังยกชูบรรดาผู้ที่ตอบรับข่าวสารจากสวรรค์ และได้กำลังดึงเขาทั้งหลายให้ออกจากทรัพย์สมบัติทางโลกเพื่อรับเอาของประทานอันมากมายที่มาจากน้ำพุแห่งความรอด พลไพร่ของพระเจ้าจึงเป็นที่ยอมรับของพระองค์ พระเยซูได้ทรงทอดพระเนตรเขาทั้งหลายด้วยพอพระทัย พระฉายาของพระองค์ได้ถูกสะท้อนในตัวเขาทั้งหลาย เขาทั้งหลายได้ถวายเครื่องสักการะบูชาอันครบถ้วน การถวายชีวิตอันบริบูรณ์ และคาดหวังที่จะถูกเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นอมตะ แต่เขาทั้งหลายได้ถูกกำหนดโชคชะตาไว้ให้พบกับความผิดหวังอันแสนเศร้าอีกครั้ง เวลาที่พวกเขาได้เฝ้าดูและเฝ้ารอคอยการปลดปล่อยได้ผ่านพ้นไป เขาทั้งหลายยังคงอยู่บนแผ่นดินโลกและผลกระทบจากคำสาปแช่ง (จากพระเจ้า) ดูจะไม่เคยถูกมองเห็นได้เลย พวกเขาได้วางความรักใคร่ของเขาทั้งหลายไว้ในฟ้าสวรรค์ และในการคาดหมายอันหวานหอม เขาทั้งหลายได้ลิ้มรสการช่วยกู้ให้รอดอันเป็นอมตะ หากแต่ความหวังของพวกเขากลับไม่ได้เป็นจริงGCTh 60.5

    ความกลัวที่อยู่กับประชาชนหลายคนไม่ได้หายไปในทันที เขาทั้งหลายมิได้มีชัยชนะเหนือบรรดาผู้ที่ผิดหวังในทันทีทันใด แต่เป็นเพราะเขาทั้งหลายไม่รู้สึกถึงพระพิโรธของพระเจ้าที่สามารถมองเห็นได้ เขาทั้งหลายจึงทรงตัวได้ใหม่จากความกลัวที่เขาทั้งหลายเคยรู้สึก และได้เริ่มต้นพูดจาเยาะเย้ย หัวเราะเยาะ และพูดดูหมิ่นอีก พลไพร่ของพระเจ้าได้ถูกพิสูจน์และถูกทดสอบอีกครั้ง โลกได้หัวเราะและเยาะเย้ยและติเตียนพวกเขา และคนเหล่านั้นที่ได้เชื่อโดยไม่สงสัยเลยว่าพระเยซูจะเสด็จมาในเวลานั้น และจะปลุกคนตายให้ฟื้น และจะเปลี่ยนแปลงเหล่าวิสุทธิชนที่ยังมีชีวิตอยู่และจะยึดอาณาจักรและครอบครองอยู่ชั่วนิรันดร์ ได้รู้สึกเหมือนดังเหล่าสาวกของพระคริสต์ที่ว่า “เขาเอาองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าไปเสียแล้วและข้าพเจ้าไม่ทราบว่าเขาเอาพระองค์ไปไว้ที่ไหน”GCTh 61.1

    โปรดอ่าน มัทธิว 24:36, 25:6; ยอห์น 20:13; วิวรณ์ 14:8GCTh 61.2