Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents
สงครามครั้งยิ่งใหญ่ - Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First

    บทที่ 25 - ภาพอธิบายความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้รอคอย

    ข้าพเจ้าได้เห็นกลุ่มคนหลายกลุ่มที่ดูเหมือนจะถูกผูกมัดกันไว้ด้วยเส้นเชือก หลายคนในกลุ่มเหล่านี้ได้ตกอยู่ในความมืดสนิท ดวงตาของพวกเขาได้ถูกชี้นำให้ต่ำลงไปสู่พื้นดิน และดูเหมือนจะไม่มีการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาและพระเยซูเลย ข้าพเจ้าได้เห็นแต่ละคนถูกกระจัดกระจายกันออกไปตามกลุ่มคนต่าง ๆ เหล่านี้ผู้ซึ่งมีสีหน้าราวกับแสงสว่างและดวงตาได้ถูกยกมองขึ้นไปบนฟ้าสวรรค์ ลำแสงจากพระเยซูดังรังสีสว่างจากดวงอาทิตย์ได้ถูกส่งมายังพวกเขา ทูตสวรรค์องค์หนึ่งได้สั่งให้ข้าพเจ้ามองดูอย่างตั้งใจ และข้าพเจ้าได้เห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งกำลังเฝ้าดูแลทุกคนในบรรดาผู้ที่มีรังสีสว่างนั้น ในขณะที่ทูตสวรรค์ชั่วร้ายได้เฝ้าล้อมคนเหล่านั้นที่อยู่ในความมืดไว้ ข้าพเจ้าได้ยินเสียงของทูตสวรรค์องค์หนึ่งร้องขึ้นว่า “จงยำเกรงพระเจ้าและถวายสง่าราศีแด่พระองค์ เพราะถึงเวลาที่พระองค์จะทรงพิพากษาแล้ว”GCTh 62.1

    แสงสว่างอันรุ่งโรจน์ได้ประทับอยู่บนกลุ่มชนเหล่านี้ เพื่อให้แสงสว่างแก่ทุกคนที่ยอมรับมัน บางคนในบรรดาผู้ที่อยู่ในความมืดก็ได้ยอมรับแสงสว่างและได้ชื่นชมยินดี ในขณะที่คนอื่นได้ต้านทานแสงสว่างที่มาจากฟ้าสวรรค์ และกล่าวว่ามันเป็นการล่อลวงที่จะนำให้พวกเขาหลงผิดไป แสงสว่างค่อย ๆ เลือนหายไปจากพวกเขาและพวกเขาก็ได้ถูกทิ้งไว้ในความมืด บรรดาผู้ที่ได้ยอมรับแสงสว่างจากพระเยซูต่างถนอมรักษาการเพิ่มพูนของแสงสว่างอันมีค่าซึ่งฉายปกคลุมพวกเขาเปี่ยมด้วยปีติยินดี สีหน้าของพวกเขาส่องประกายและสว่างไสวด้วยความปีติอันบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ ในขณะที่พวกเขาเพ่งมองไปยังเบื้องบนที่พระเยซูด้วยความสนใจอย่างแรงกล้า และน้ำเสียงของพวกเขาถูกได้ยินเข้าประสานกับเสียงของทูตสวรรค์ว่า “จงยำเกรงพระเจ้า และถวายสง่าราศีแด่พระองค์ เพราะถึงเวลาที่พระองค์จะทรงพิพากษาแล้ว” ในขณะที่พวกเขาได้ส่งเสียงร้องนี้ข้าพเจ้าได้เห็นผู้ที่อยู่ในความมืดกำลังดันพวกเขาด้วยสีข้างและด้วยไหล่ แล้วหลายคนในหมู่พวกที่ถนอมรักษาแสงสว่างอันบริสุทธิ์ได้ทำลายเส้นเชือกซึ่งผูกมัดเขาทั้งหลายอยู่นั้น คนที่เป็นสมาชิกของกลุ่มต่าง ๆ เหล่านี้ผู้ซึ่งเป็นที่เคารพของเขาทั้งหลาย ได้ผ่านเข้ามาในหมู่คณะ และบางคนด้วยคำพูดที่เอาอกเอาใจและอีกคนอื่นด้วยสายตาที่โมโหโกรธาและท่าทางต่าง ๆ ที่ข่มขู่ได้ผูกเส้นเชือกที่ค่อย ๆ อ่อนแอนั้น และได้กล่าวอย่างไม่หยุดหย่อนว่า “พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับพวกเรา พวกเรายืนอยู่ในแสงสว่าง พวกเรามีความจริง” ข้าพเจ้าได้ถามขึ้นว่าคนเหล่านี้เป็นใคร และข้าพเจ้าได้รับการบอกกล่าวว่า พวกเขาคือบรรดาศาสนาจารย์ผู้รับใช้และเหล่าผู้นำผู้ที่พวกเขาเองได้ปฏิเสธไม่รับแสงสว่างนั้นGCTh 62.2

    และไม่เต็มใจที่จะให้ผู้อื่นยอมรับมันด้วย ข้าพเจ้าได้เห็นผู้ที่ถนอมรักษาแสงสว่างกำลังมองขึ้นไปเบื้องบนด้วยความสนใจและด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า เฝ้ารอคอยว่าพระเยซูจะเสด็จมาและรับเขาทั้งหลายไปอยู่กับพระองค์ ในไม่ช้ากลุ่มเมฆได้ผ่านเข้ามาเหนือบรรดาผู้ที่รื่นเริงยินดีในแสงสว่าง และสีหน้าของเขาทั้งหลายดูเศร้าหมองลง ข้าพเจ้าได้ถามขึ้นถึงสาเหตุของกลุ่มเมฆนี้ และได้รับการสำแดงให้เห็นว่ามันคือความผิดหวังของเขาทั้งหลาย เวลาที่เขาทั้งหลายเฝ้ารอคอยพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเขาได้ผ่านไปแล้ว และพระเยซูมิได้ทรงเสด็จมา ความสิ้นหวังได้เกิดขึ้นกับเขาทั้งหลาย และคนเหล่านั้นที่ข้าพเจ้าได้สังเกตเห็นก่อนหน้านี้คือพวกศาสนาจารย์ ผู้รับใช้และเหล่าผู้นำก็ได้รื่นเริงยินดี ผู้ที่ได้ปฏิเสธไม่รับแสงสว่างได้ไชโยโห่ร้องอย่างใหญ่โต ในขณะที่ซาตานและพวกทูตสมุนชั่วร้ายของมันต่างปรีดาปราโมทย์อยู่รอบพวกเขาGCTh 62.3

    แล้วข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงของทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งกล่าวว่า “บาบิโลนมหานครนั้นล่มจมแล้ว ล่มจมแล้ว” แสงสว่างได้ฉายลงบนเหล่าบรรดาผู้ที่กำลังหดหู่ท้อแท้ และด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าต่อการปรากฏของพระองค์ เขาทั้งหลายก็ได้จดจ้องสายตาของเขาทั้งหลายขึ้นไปที่พระเยซูอีกครั้งหนึ่ง แล้วข้าพเจ้าก็ได้เห็นทูตสวรรค์จำนวนหนึ่งกำลังสนทนากับทูตสวรรค์องค์ที่สองคือองค์ที่ได้ประกาศว่า “บาบิโลนมหานครนั้นล่มจมแล้ว ล่มจมแล้ว” และทูตสวรรค์เหล่านี้ก็ได้ส่งเสียงขึ้นพร้อมกับทูตสวรรค์องค์ที่สองและร้องประกาศว่า “ดูเถิด เจ้าบ่าวมาแล้ว จงออกมารับท่านเถิด” น้ำเสียงอันไพเราะของทูตสวรรค์เหล่านี้ดูเหมือนจะไปถึงทั่วทุกหนทุกแห่ง แสงสว่างอันเจิดจ้าและสว่างไสวอย่างยิ่งได้ฉายรอบผู้ที่ยึดมั่นในแสงสว่างซึ่งได้ทรงประทานมาให้แก่พวกเขา ใบหน้าของพวกเขาเปล่งสง่าราศีประเสริฐและพวกเขารวมกันเข้าเป็นหนึ่งกับเหล่าทูตสวรรค์ในการประกาศร้องว่า “ดูเถิด เจ้าบ่าวมาแล้ว จงออกมารับท่านเถิด” และในขณะที่พวกเขาได้ส่งเสียงร้องอย่างกลมกลืนกันท่ามกลางกลุ่มคนหลากหลายเหล่านี้ บรรดาผู้ที่ปฏิเสธไม่รับแสงสว่างได้ผลักพวกเขา และด้วยสายตาอันโกรธเกรี้ยวก็ได้ดูหมิ่นเหยียดหยามและหัวเราะถากถางพวกเขา แต่เหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าได้โบกสะบัดปีกของพวกท่านเหนือบรรดาผู้ที่ถูกข่มเหง ในขณะที่ซาตานและทูตสมุนของมันกำลังแสวงที่จะบีบอัดความมืดของพวกมันอยู่ล้อมรอบพวกเขา เพื่อที่จะนำให้พวกเขาปฏิเสธไม่รับแสงสว่างที่มาจากฟ้าสวรรค์GCTh 62.4

    แล้วข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงหนึ่งกล่าวแก่ผู้ที่ถูกผลักและและถูกหัวเราะถากถางว่า “จงออกจากหมู่พวกเขาเหล่านั้น อย่าแตะต้องสิ่งซึ่งไม่สะอาด” ผู้คนมากมายได้ทำลายเส้นเชือกที่ได้ผูกมัดเขาทั้งหลายอยู่ และเขาทั้งหลายได้เชื่อฟังเสียงนั้นและละทิ้งบรรดาผู้ที่อยู่ในความมืด และเข้าไปรวมเป็นหนึ่งเดียวกับผู้ที่ก่อนหน้านี้ได้ทำลายเส้นเชือกนั้นไปแล้ว และพวกเขาก็ได้รวมเสียงของพวกเขาเข้าเป็นหนึ่งกับคนกลุ่มนั้นอย่างชื่นชมยินดี ข้าพเจ้าได้ยินเสียงอธิษฐานอย่างเอาจริงเอาจังระคนกับความเจ็บปวดของคนจำนวนไม่กี่คนที่ยังคงอยู่กับกลุ่มคนที่อยู่ในความมืดนั้น บรรดาศาสนาจารย์ผู้รับใช้และพวกผู้นำกำลังผ่านเข้ามาทั่วกลุ่มคนมากมายเหล่านี้ผูกเชือกให้แน่นยิ่งขึ้น หากแต่ข้าพเจ้าก็ยังได้ยินเสียงร้องอธิษฐานอย่างเอาจริงเอาจัง แล้วข้าพเจ้าก็ได้เห็นผู้ที่กำลังอธิษฐานอยู่ได้ยื่นมือของพวกเขาออกไปหากลุ่มที่รวมกันเป็นหนึ่งที่อยู่อย่างอิสระรื่นเริงยินดีในพระเจ้าเพื่อขอความช่วยเหลือ คำตอบจากพวกเขาในขณะที่ได้มองขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์อย่างแน่วแน่และชี้ขึ้นไปข้างบนก็คือ “จงออกมาจากหมู่พวกเขาเหล่านั้น จงแยกตัวออกมา” ข้าพเจ้าได้เห็นแต่ละคนพยายามดิ้นรนเพื่ออิสรภาพและในที่สุดพวกเขาก็ทำลายเชือกที่มัดพวกเขาอยู่ได้ พวกเขาได้ต้านทานความอุตสาหะในการผูกเชือกให้แน่นยิ่งขึ้นและจะไม่ยอมใส่ใจต่อการกล่าวอ้างซ้ำซากที่ว่า “พระเจ้าทรงอยู่กับเรา พวกเรามีความจริงอยู่กับพวกเรา” แต่ละคนได้พากันละทิ้งกลุ่มคนที่อยู่ในความมืดไปอย่างต่อเนื่อง และเข้าร่วมกับกลุ่มที่อยู่อย่างอิสระ ผู้ที่ได้ปรากฏเป็นเหมือนทุ่งกว้างที่ถูกยกอยู่เหนือพื้นโลก ดวงตาของพวกเขาจ้องมองสู่เบื้องบน และพระสง่าราศีของพระเจ้าได้ประทับอยู่กับพวกเขา และพวกเขาได้ตะโกนร้องบทเพลงสรรเสริญพระเจ้า พวกเขาถูกทำให้รวมกันเป็นหนึ่งและดูราวกับว่าได้ถูกห่อหุ้มอยู่ในแสงสว่างแห่งฟ้าสวรรค์ รอบ ๆ คนกลุ่มนี้ได้มีบางคนที่ได้เข้ามาอยู่ใต้อิทธิพลของแสงสว่าง แต่ก็มิได้ถูกรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวอย่างพิเศษกับคนกลุ่มนี้ ทุกคนที่ได้ถนอมรักษาแสงสว่างที่ฉายลงบนพวกเขาได้กำลังจ้องมองสู่เบื้องบนด้วยความสนใจอันแรงกล้า พระเยซูได้ทรงทอดพระเนตรพวกเขาด้วยทรงเห็นพ้องพระทัยหวานชื่น เขาทั้งหลายได้เฝ้ารอให้พระเยซูเสด็จมา เขาทั้งหลายโหยหาการปรากฏของพระองค์ เขาทั้งหลายมิได้ทอดสายตาอ้อยอิ่งที่โลกเลยแม้แต่ครั้งเดียว อีกครั้งหนึ่งที่ข้าพเจ้าได้เห็นกลุ่มเมฆตั้งเค้าอยู่เหนือผู้ที่เฝ้ารอคอย ข้าพเจ้าได้เห็นเขาทั้งหลายหันสายตาที่อิดโรยลงสู่เบื้องล่าง ข้าพเจ้าได้ถามขึ้นถึงสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงนี้ ทูตสวรรค์ที่ไปกับข้าพเจ้ากล่าวว่า เขาทั้งหลายได้ผิดหวังอีกครั้งหนึ่งในการคาดหวังของเขาทั้งหลาย พระเยซูยังไม่สามารถเสด็จมาบนโลกนี้ได้ เขาทั้งหลายยังคงต้องทนทุกข์เพื่อพระเยซู และทนต่อการลองใจที่ใหญ่กว่านี้อีก พวกเขาจะต้องเลิกทำความผิดและล้มเลิกประเพณีทั้งหลายที่ได้รับจากมนุษย์ และหันไปหาพระเจ้าและพระวจนะของพระองค์อย่างเต็มที่ เขาทั้งหลายจะต้องได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ ได้รับการทำให้ขาวสะอาดและถูกทดลองใจ และคนเหล่านั้นที่อดทนต่อการทดลองใจอันขมขื่นจะได้รับชัยชนะอันเป็นนิรันดร์GCTh 63.1

    พระเยซูมิได้ทรงเสด็จมาบนแผ่นดินโลกดังที่กลุ่มคนผู้รอคอยด้วยใจชื่นบานได้คาดหวังไว้ เพื่อมาชำระสถานบริสุทธิ์โดยชำระโลกนี้ให้บริสุทธิ์ด้วยไฟ ข้าพเจ้าได้เห็นว่าเขาทั้งหลายได้คำนวณช่วงเวลาที่ได้พยากรณ์ไว้ถูกต้องแล้ว เวลาที่ได้พยากรณ์ไว้นั้นได้จบสิ้นในปี 1844 ความผิดพลาดของเขาทั้งหลายเกิดมาจากการที่ไม่เข้าใจว่าสถานบริสุทธิ์และธรรมชาติของการชำระให้บริสุทธิ์คืออะไร แท้จริงพระเยซูได้ทรงเสด็จเข้าไปในห้องบริสุทธิ์ที่สุดเพื่อชำระสถานบริสุทธิ์ ณ การเสร็จสิ้นของวันเหล่านั้น ข้าพเจ้าได้มองไปที่กลุ่มคนที่เฝ้ารอคอยและผิดหวังนั้นอีกครั้งหนึ่ง เขาทั้งหลายดูเศร้าหมอง เขาทั้งหลายได้ตรวจสอบหลักฐานต่าง ๆ ตามความเชื่อของพวกเขาอย่างรอบคอบ และตามติดไปตลอดการคำนวณช่วงเวลาที่ได้พยากรณ์ไว้ และไม่สามารถพบข้อผิดพลาดประการใด เวลาได้สำเร็จลงแล้ว แต่พระผู้ช่วยให้รอดของพวกเขาอยู่ที่ไหน เขาทั้งหลายได้สูญเสียพระองค์ไปเสียแล้วGCTh 63.2

    แล้วข้าพเจ้าก็ได้รับการสำแดงให้เห็นความผิดหวังของเหล่าสาวกในขณะที่พวกเขาได้มายังอุโมงค์ฝังศพและไม่พบกับพระศพของพระเยซู มารีย์ได้กล่าวว่า “เพราะเขาเอาองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าไปเสียแล้ว และข้าพเจ้าไม่ทราบว่าเขาเอาพระองค์ไปไว้ที่ไหน” เหล่าทูตสวรรค์ได้บอกเหล่าสาวกผู้กำลังโศกเศร้าเสียใจว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขาได้เป็นขึ้นมาแล้ว และกำลังจะไปเมืองกาลิลีก่อนหน้าพวกเขาGCTh 63.3

    ข้าพเจ้าได้เห็นว่าในขณะที่พระเยซูได้ทอดพระเนตรบรรดาผู้ที่ผิดหวังด้วยความสงสารอย่างสุดซึ้งนั้น พระองค์ได้ทรงส่งทูตสวรรค์ของพระองค์มา เพื่อชี้แนะจิตใจของเขาทั้งหลายว่าพวกเขาจะต้องหาพระองค์ให้พบและติดตามพระองค์ไปยังที่ที่ทรงประทับอยู่ ว่าพวกเขาจะต้องเข้าใจว่าแผ่นดินโลกนี้มิใช่สถานบริสุทธิ์ ว่าพระองค์จำต้องเสด็จเข้าไปในห้องบริสุทธิ์ที่สุดของสถานบริสุทธิ์ในฟ้าสวรรค์เพื่อที่จะทรงชำระให้บริสุทธิ์ เพื่อกระทำพิธีลบบาปเป็นพิเศษสำหรับชาวอิสราเอล และเพื่อทรงรับราชอาณาจักรของพระบิดาของพระองค์ แล้วก็จะทรงเสด็จกลับมายังแผ่นดินโลกและรับพวกเขาไปอยู่กับพระองค์ตลอดไป ความผิดหวังของเหล่าสาวกเป็นเครื่องหมายแสดงถึงความผิดหวังของบรรดาผู้ที่คาดหวังองค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขาในปี 1844 ได้เป็นอย่างดี ข้าพเจ้าได้ถูกนำกลับมายังเวลาเมื่อครั้งที่พระเยซูทรง (ประทับบนหลังลา) เสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างผู้พิชิต เหล่าสาวกผู้ร่าเริงต่างเชื่อว่าหลังจากนั้นพระองค์จะทรงยึดเอาอาณาจักรและเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นเจ้าชายแห่งโลก เขาทั้งหลายได้ติดตามพระมหากษัตริย์ของพวกเขาไปด้วยความหวังอันสูงส่ง เขาทั้งหลายได้ตัดกิ่งของต้นปาล์มสวยงาม และได้ถอดเสื้อคลุมนอกของพวกเขาออกและวางปูราบลงตามทางด้วยความกระตือรือร้นอันแรงกล้า และบางคนได้เดินไปข้างหน้าและคนอื่นได้ตามมาโห่ร้องว่า “โฮซันนาแก่ราชโอรสของดาวิด! ขอให้พระองค์ผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ! โฮซันนาในที่สูงสุด!” ความตื่นเต้นได้รบกวนใจเหล่าฟาริสีและพวกเขาต้องการให้พระเยซูตำหนิเหล่าสาวกของพระองค์ แต่พระองค์ทรงตรัสแก่พวกเขาว่า “ถึงคนเหล่านี้จะนิ่งเสีย ศิลาทั้งหลายก็ยังจะส่งเสียงร้องทันที” คำพยากรณ์ในหนังสือเศคาริยาห์ 9:9 จะต้องสำเร็จลง แต่ถึงกระนั้นข้าพเจ้าก็ได้เห็นว่าเหล่าสาวกได้ประสบเคราะห์กรรมแห่งความผิดหวังอันขมขื่น อีกสองสามวันเขาทั้งหลายก็ได้ติดตามพระเยซูไปยังภูเขาคาลวารีและได้มองดูพระองค์หลั่งพระโลหิต และทรงถูกรุมทึ้งทุบตีจนแทบสลายบนไม้กางเขนอันโหดร้ายนั้น เขาทั้งหลายได้เป็นพยานเห็นความตายอันแสนเจ็บปวดรวดร้าวของพระองค์และได้วางพระองค์ลงในหลุมฝังศพ หัวใจของพวกเขาหล่นวูบหดหู่ด้วยความเจ็บปวด สิ่งที่เขาทั้งหลายคาดหวังไม่ได้เป็นจริงเลยสักอย่างเดียว ความหวังของพวกเขาได้มลายไปพร้อมกับพระเยซู แต่ในขณะที่พระองค์ได้ทรงฟื้นขึ้นมาจากความตาย และปรากฏพระองค์ต่อหน้าเหล่าสาวกผู้กำลังโศกเศร้าของพระองค์นั้น ความหวังของพวกเขาก็ฟื้นชีวิตขึ้นมาใหม่ เขาทั้งหลายได้สูญเสียพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเขาไป แต่เขาทั้งหลายกลับได้พบกับพระองค์อีกครั้งหนึ่งGCTh 64.1

    ข้าพเจ้าได้เห็นความผิดหวังของบรรดาผู้ที่เชื่อในการเสด็จกลับมาขององค์พระผู้เป็นเจ้าในปี 1844 ยังไม่เท่ากับความผิดหวังของบรรดาสาวกเหล่านั้นเลย คำพยากรณ์ได้สำเร็จลงในเรื่องข่าวของทูตสวรรค์องค์ที่หนึ่งและองค์ที่สอง มันได้ถูกมอบให้ในเวลาที่ถูกต้อง และได้กระทำให้ภารกิจเสร็จสิ้น ตามที่พระเจ้าทรงตั้งพระทัยไว้ว่ามันควรจะเป็นเช่นนั้นGCTh 64.2

    โปรดดู ดาเนียล 8:14; มัทธิว 21:4-16, 25:6; มาระโก 16:6-7; ลูกา 19:35-40; ยอห์น 14:1-3, 20:13; 2 โครินธ์ 6:17; วิวรณ์ 10:8-11, 14:7-8GCTh 64.3