Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents
สงครามครั้งยิ่งใหญ่ - Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First

    บทที่ 39 - แผ่นดินโลกรกร้างว่างเปล่า

    แล้วข้าพเจ้าก็มองไปที่แผ่นดินโลก คนชั่วได้ตายลงไปและซากศพของพวกเขาก็เกลื่อนทั่วพื้นแผ่นดินโลก ชาวแผ่นดินโลกได้ทนทุกข์ทรมานต่อพระพิโรธของพระเจ้าในภัยพิบัติเจ็ดประการสุดท้าย เขาทั้งหลายได้กัดลิ้นของตนด้วยความเจ็บปวดและสาปแช่งพระเจ้า ผู้เลี้ยงแกะที่หลอกลวงเป็นเป้าหมายพิเศษของพระพิโรธของพระเยโฮวาห์ ดวงตาของพวกเขาได้ถูกเผาผลาญไปในโพรงเบ้าตาและลิ้นในปากของพวกเขา ในขณะที่เขาทั้งหลายยังยืนอยู่นั่นเอง หลังจาที่เหล่าวิสุทธิชนได้รับการปลดปล่อยโดยพระสุรเสียงของพระเจ้านั้น ความโกรธเดือดดาลของฝูงชนชั่วช้าก็ได้หันไปหากันและกัน แผ่นดินโลกดูเหมือนจะท่วมเจิ่งเต็มไปด้วยโลหิต และซากศพคนตายเต็มไปทั่วปลายพิภพGCTh 91.1

    แผ่นดินโลกตกอยู่ในสภาพรกร้างว่างเปล่าที่สุด เมืองใหญ่และหมู่บ้านทั้งหลายได้ถูกสั่นสะท้านล้มลงมาเป็นกองพะเนินจากแผ่นดินไหว ภูเขาทั้งหลายได้เคลื่อนตัวออกไปจากตำแหน่งของมันทิ้งเป็นถ้ำอุโมงค์ขนาดกว้าง ทะเลเหวี่ยงเอาหินโสโครกขึ้นมาบนแผ่นดินโลก และหินทั้งหลายได้ถูกดึงทิ้งออกและถูกเหวี่ยงกระจายไปทั่วทุกพื้นผิวของโลก แผ่นดินโลกนี้ดูเหมือนทะเลทรายอันรกร้างว่างเปล่า ต้นไม้ใหญ่ถูกถอนรากออกไปกระจายเกลื่อนไปทั่วดินแดน ที่นี่เป็นบ้านของซาตานกับทูตสมุนชั่วร้ายของมันตลอดเวลา 1000 ปี ที่นี่พวกมันจะถูกขังไว้และท่องเที่ยวเตร็ดเตร่ขึ้นลงอยู่เหนือพื้นแผ่นดินโลกที่ถูกทำลายลง และจะเห็นผลกระทบที่เกิดจากการกบฏของมันต่อพระราชบัญญัติของพระเจ้า มันจะได้รื่นรมย์บันเทิงใจตลอดระยะเวลา 1000 ปี กับผลจากการสาปแช่งที่มันได้เป็นผู้ก่อขึ้นมา อำนาจของมันถูกจำกัดอยู่แค่เพียงในโลกนี้เท่านั้น ไม่มีสิทธิพิเศษในการท่องเที่ยวตระเวนไปที่ดาวเคราะห์ดวงอื่น เพื่อไปทดลองและกสนใจคนเหล่านั้นที่ไม่ได้ล้มลงไป ซาตานทนทุกข์ทรมานอย่างรุนแรงเต็มที่ในเวลานี้ ตั้งแต่ที่มันล้มลงนั้น สันดานชั่วร้ายของมันก็ได้ถูกใช้อย่างไม่หยุดหย่อนเลย อำนาจของมันจึงได้ถูกคร่าเอาไปและมันได้ถูกทิ้งไว้ให้ไตร่ตรองถึงส่วนที่มันได้กระทำไปตั้งแต่การล้มลงของมัน และให้ตั้งตารอคอยอนาคตอันน่ากลัวด้วยความคร้ามกลัวและสั่นเทา เมื่อเวลาที่มันจะต้องทนทุกข์ทรมานด้วยเรื่องความชั่วทั้งสิ้นซึ่งมันได้กระทำ และถูกลงโทษด้วยเรื่องบาปทั้งปวงที่มันได้ก่อให้เกิดขึ้นGCTh 91.2

    แล้วข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงตะโกนแห่งชัยชนะจากเหล่าทูตสวรรค์และจากบรรดาวิสุทธิชนที่ได้รับความรอด ซึ่งฟังดูคล้ายกับเครื่องดนตรีหมื่นชนิด เนื่องจากว่าพวกเขาจะไม่ต้องถูกกวนใจและถูกทดลองจากพญามารอีกต่อไป และประชากรจากโลกอื่น ๆ ก็ได้ถูกปลดปล่อยจากการเสนอหน้าของมันและการทดลองทั้งหลายของมันด้วยGCTh 91.3

    แล้วข้าพเจ้าก็ได้เห็นบัลลังก์หลายบัลลังก์ และพระเยซูและบรรดาวิสุทธิชนที่ได้รับความรอดก็ได้นั่งประทับอยู่บนนั้น และเหล่าวิสุทธิชนได้ครอบครองในฐานะกษัตริย์และปุโรหิตของพระเจ้า และคนชั่วที่ตายแล้วก็ได้ถูกพิพากษาและการกระทำของพวกเขาได้ถูกเปรียบเทียบกับสมุดพระราชบัญญัติคือพระวจนะของพระเจ้า และพวกเขาจะถูกพิพากษาตามการกระทำทั้งหลายที่ได้กระทำไว้ในร่างกายเก่านั้นด้วย พระเยซูทรงร่วมกับเหล่าวิสุทธิชนแบ่งสันปันส่วนที่พวกคนชั่วจะต้องได้รับตามการงานต่าง ๆ ของเขา และมันก็ได้ถูกเขียนไว้ในหนังสือแห่งความตายและเขียนไว้ต่อจากชื่อของพวกเขา ซาตานและทูตสมุนของมันก็ได้ถูกวินิจฉัยโดยพระเยซูและเหล่าวิสุทธิชนเช่นกัน การลงโทษสำหรับซาตานนั้นจะหนักยิ่งกว่าของคนที่มันได้ล่อลวงไว้มากนัก มันจะหนักมากเกินกว่าการลงโทษของพวกเขา ชนิดที่ว่าไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้เลย หลังจากที่คนที่มันได้ล่อลวงไว้ได้พินาศหมดสิ้นทุกคนแล้ว ซาตานยังจะต้องมีชีวิตอยู่และทนทุกข์ทรมานต่อไปอีกนานมากทีเดียวGCTh 91.4

    หลังจากที่การพิพากษาคนชั่วที่ตายไปแล้วได้เสร็จสิ้นลง เมื่อครั้นเวลาพันปีก็ได้จบลง พระเยซูทรงเสด็จออกจากนครนั้นและขบวนพลโยธาทูตสวรรค์ก็ได้ติดตามพระองค์ไป เหล่าวิสุทธิชนก็ได้ไปกับพระองค์ด้วย พระเยซูทรงเสด็จลงมาบนภูเขาสูงใหญ่มหึมา เวลานั้นเมื่อพระบาทของพระองค์ได้สัมผัสภูเขานั้น มันก็ได้แตกสะบั้นออกจากกัน และกลายเป็นที่ราบขนาดกวางใหญ่ไพศาล แล้วพวกเราก็มองขึ้นไปและได้เห็นนครที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม มีฐานสิบสองฐาน มีประตูสิบสองประตู ทิศละสามประตู และที่ประตูแต่ละบานนั้นมีทูตสวรรค์หนึ่งองค์ พวกเราได้ร้องออกมาว่า “นครนั้น นครใหญ่นั้น มันกำลังลอยลงมาจากพระเจ้าออกจากฟ้าสวรรค์ และมันลงมาด้วยความโชติช่วงตระการตาทั้งปวงและสง่าราศีสุกใส และมาตั้งอยู่ที่ที่ราบอันกว้างใหญ่มหึมาซึ่งพระเยซูได้ทรงเตรียมไว้สำหรับมันGCTh 91.5

    โปรดดูเซคาริยาห์ 14:4-12; วิวรณ์ 20:2-6, 20:12, 21:10-17 GCTh 91.6