บท 31 - สื่อวิญญาณชั่ว
พระคัมภีร์เปิดเผยให้เห็นอย่างชัดเจนถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างโลกที่มองเห็นกับโลกที่มองไม่เห็น และยังเปิดเผยอย่างชัดเจนถึงเรื่องการพิทักษ์รักษาของทูตสวรรค์ของพระเจ้า รวมทั้งเรื่องสื่อของวิญญาณชั่ว โดยเรื่องเหล่านี้มีการเชื่อมต่อกับประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาติอย่างแยกไม่ออก มีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆ ที่คนไม่เชื่อว่ามีวิญญาณชั่วต่างๆ อยู่ ในขณะที่มีคนอีกมากมายคิดว่าทูตสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ซึ่ง “เป็นเพียงวิญญาณที่รับใช้พระเจ้า ที่ทรงส่งไปปรนนิบัติบรรดาคนที่จะได้รับความรอด” ฮีบรู 1:14 นั้นเป็นวิญญาณของคนตาย แต่พระคัมภีร์ไม่เพียงสอนเราว่ามีทูตสวรรค์ทั้งที่ดีและชั่ว แต่ยังแสดงหลักฐานที่ไม่อาจโต้แย้งด้วยว่า ทูตสวรรค์ไม่ใช่วิญญาณที่ออกมาจากร่างของคนตาย {GC 511.1}GCth17 445.1
ก่อนที่พระเจ้าจะทรงสร้างมนุษย์ มีทูตสวรรค์อยู่แล้ว เพราะครั้นเมื่อวางรากฐานของโลกนั้น “เหล่าดาวรุ่งแซ่ซ้องสรรเสริญ และบรรดาบุตรพระเจ้าโห่ร้องด้วยความชื่นบาน” โยบ 38:7 หลังจากมนุษย์ล้มลงในบาป ทูตสวรรค์ก็ได้รับบัญชาให้เฝ้าต้นไม้แห่งชีวิตไว้ และเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนที่จะมีความตายมาสู่มนุษย์ ทูตสวรรค์มีธรรมชาติเหนือกว่ามนุษย์ เพราะผู้ประพันธ์สดุดีกล่าวไว้ว่ามนุษย์ได้รับการทรงสร้างมาให้ “ต่ำกว่าพวกทูตสวรรค์แต่หน่อยเดียว” สดุดี 8:5 TKJV {GC 511.2}GCth17 445.2
พระคัมภีร์บอกให้เราทราบถึงเรื่องจำนวนของชาวสวรรค์ รวมทั้งอำนาจและรัศมีของทูตสวรรค์เหล่านั้น ความสัมพันธ์ของทูตสวรรค์กับการปกครองของพระเจ้า และความสัมพันธ์ของทูตสวรรค์กับพระราชกิจแห่งการไถ่ให้รอด “พระยาห์เวห์ทรงสถาปนาบัลลังก์ของพระองค์ไว้ในฟ้าสวรรค์ และราชอาณาจักรของพระองค์ครอบครองทุกสิ่งอยู่” ผู้เผยพระวจนะกล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้ยินเสียงทูตสวรรค์มากมายรอบพระที่นั่ง” ในห้องโถงของพระราชาแห่งจอมกษัตริย์ พวกเขาเฝ้าคอยอยู่ ทูตสวรรค์ที่ “ทรงมหิทธิฤทธิ์” ผู้รับใช้ “ที่เชื่อฟังพระวจนะของพระองค์” “ผู้ทำตามพระวจนะของพระองค์” สดุดี 103:19-21 วิวรณ์ 5:11 ดาเนียลผู้เผยพระวจนะเห็นผู้สื่อข่าวชาวสวรรค์นับแสนๆ ล้านๆ ปรนนิบัติพระองค์ อัครทูตเปาโลประกาศว่าเป็น “การชุมนุมรื่นเริงของทูตสวรรค์มากมายเหลือที่จะนับได้” ดาเนียล 7:10 ฮีบรู 12:22 ในฐานะผู้สื่อข่าวของพระเจ้า พวกเขาออกไป “เหมือนลักษณะสายฟ้าแลบ” (เอเสเคียล 1:14) มีรัศมีที่สว่างเจิดจ้าและการบินที่รวดเร็วอย่างยิ่ง ทูตสวรรค์ที่มาปรากฏอยู่ที่อุโมงค์ฝังศพขององค์พระผู้ช่วยให้รอดนั้นมีสัณฐาน “เหมือนแสงฟ้าแลบ เสื้อขาวเหมือนหิมะ” ทำให้ทหารยามที่เฝ้าอยู่นั้นตัวสั่นและล้มลง “เหมือนคนตาย” มัทธิว 28:3, 4 เมื่อเซนนาเคอริบพระราชาผู้หยิ่งยโสแห่งประเทศอัสซีเรียตำหนิและลบหลู่พระเกียรติของพระเจ้าและข่มขู่ที่จะทำลายประเทศอิสราเอล “ในคืนนั้น ทูตของพระยาห์เวห์ได้ออกไป และได้ประหารคนในค่ายอัสซีเรียเสีย 185,000 คน” พวกทูตสวรรค์ “ไปทำลายนักรบกล้าหาญ ผู้บังคับกองและเจ้านายทั้งหมดในค่าย” ของพระราชาเซนนาเคอริบ “ฉะนั้นพระองค์จึงเสด็จกลับไปยังแผ่นดินของพระองค์ด้วยความอับอายขายพระพักตร์” 2 พงศ์กษัตริย์ 19:35 2 พงศาวดาร 32:21 {GC 511.3}GCth17 445.3
ทูตสวรรค์ได้รับบัญชาให้ออกไปเยี่ยมเหล่าบุตรของพระเจ้าเพื่อปฏิบัติภารกิจแห่งความเมตตา พวกเขาไปหาอับราฮัมด้วยพระสัญญาแห่งพระพร...ไปยังประตูเมืองโสโดมเพื่อช่วยโลทผู้ชอบธรรมให้รอดพ้นจากไฟแห่งความพินาศ...ไปยังเอลียาห์ในขณะที่เขากำลังจะล้มตายในป่ากันดารด้วยความอ่อนเปลี้ยและหิวกระหาย...ไปยังเอลีชาพร้อมด้วยรถเพลิงและม้าเพลิงเพื่อห้อมล้อมเมืองเล็กๆ ที่ถูกศัตรูโอบล้อมไว้...ไปยังดาเนียลในขณะที่เขาแสวงหาพระปัญญาของพระเจ้าในพระราชวังของพระราชานอกรีตหรือในขณะถูกทิ้งให้เป็นเหยื่อของสิงห์ ทูตสวรรค์ไปยังเปโตรเมื่อเขาถูกตัดสินประหารชีวิตขณะที่อยู่ในคุกมืดของกษัตริย์เฮโรด ไปยังนักโทษในคุกที่เมืองฟีลิปปี ไปยังเปาโลและเพื่อนของเขาในยามค่ำคืนท่ามกลางพายุร้ายในทะเลปั่นป่วน ไปเปิดสมองของโครเนลิอัสเพื่อให้เขารับพระกิตติคุณ ไปหาเปโตรเพื่อบอกให้เขานำข่าวแห่งความรอดไปให้คนแปลกหน้าต่างศาสนา ดังนั้นในทุกยุคทุกสมัย ทูตสวรรค์ออกไปรับใช้ประชากรของพระเจ้า {GC 512.1}GCth17 446.1
ทูตสวรรค์ผู้คุ้มครองดูแลหนึ่งองค์จะได้รับมอบหมายให้ดูแลผู้ติดตามของพระคริสต์แต่ละคน ชาวสวรรค์เหล่านี้คอยเฝ้าดูแลปกป้องผู้ชอบธรรมจากอำนาจชั่วร้าย เรื่องนี้ ซาตานเองก็ตระหนักดี เมื่อมันพูดว่า “โยบยำเกรงพระเจ้าเปล่าๆ หรือ พระองค์ไม่ได้ทรงกั้นรั้วรอบตัวเขา ครอบครัวของเขา และทุกสิ่งที่เขามีอยู่เสียทุกด้านหรือ” โยบ 1:9, 10 ผู้ประพันธ์สดุดีแสดงให้เห็นสื่อที่พระเจ้าทรงใช้เพื่อปกป้องประชากรของพระองค์ตามที่พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า “ทูตของพระยาห์เวห์ได้ตั้งค่ายล้อมบรรดาผู้ที่ยำเกรงพระองค์ และช่วยกู้พวกเขา” สดุดี 34:7 พระผู้ช่วยให้รอดตรัสถึงคนทั้งหลายที่เชื่อพระองค์ว่า “จงระวังให้ดี อย่าดูหมิ่นผู้เล็กน้อยเหล่านี้สักคนหนึ่ง ด้วยเรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า บนสวรรค์พวกทูตสวรรค์ของเขาเฝ้าอยู่เสมอต่อพระพักตร์พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์” มัทธิว 18:10 TKJV ทูตสวรรค์ที่ได้รับมอบหมายให้รับใช้เหล่าบุตรของพระเจ้านั้นเข้าเฝ้าต่อเบื้องพระพักตร์ของพระองค์อยู่ตลอดเวลา {GC 512.2}GCth17 446.2
ด้วยเหตุนี้ ประชากรของพระเจ้าที่ต้องสัมผัสกับอำนาจแห่งการหลอกลวงและความชั่วร้ายที่ไม่เคยหลับของเจ้าชายแห่งความมืดและต้องขัดแย้งกับอำนาจชั่วทั้งปวงจะรู้สึกมั่นใจได้ถึงการพิทักษ์รักษาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อนจากทูตสวรรค์ทั้งหลาย คำสัญญาเช่นนี้ไม่ได้ทรงโปรดประทานให้อย่างไม่จำเป็น หากพระเจ้าทรงโปรดประทานพระสัญญาแห่งพระคุณและการคุ้มครองแก่บุตรทั้งหลายของพระองค์ ก็เพราะว่าบุตรของพระองค์ต้องเผชิญกับสื่อชั่วที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นสื่อที่มีอยู่มากมาย มุ่งมั่น และไม่ย่อท้อและเป็นสื่อที่มีความโหดร้ายและมีพลังที่ไม่มีมนุษย์คนใดจะอยู่ได้อย่างปลอดภัยโดยการปฏิเสธและไม่สนใจสื่อนี้ {GC 513.1}GCth17 447.1
วิญญาณชั่วถูกสร้างมาแต่เดิมโดยปราศจากบาป พวกมันมีสภาพ พลังอำนาจและรัศมีเท่าเทียมกับชาวสวรรค์ผู้บริสุทธิ์ซึ่งบัดนี้เป็นผู้สื่อข่าวของพระเจ้า แต่เมื่อพวกมันล้มลงในบาป พวกมันจึงได้รวมพลังเพื่อลบหลู่พระเกียรติพระเจ้าและเพื่อทำลายมนุษย์ พวกมันเข้าร่วมกับซาตานในการกบฏและถูกขับออกจากสวรรค์พร้อมกันกับซาตาน และในยุคต่อมา พวกมันร่วมมือกันในการทำสงครามต่อต้านอำนาจของพระเจ้า พระคัมภีร์บอกให้เราทราบถึงเรื่องการรวมตัวและการปกครองของพวกมัน ถึงระดับชั้นต่างๆ ของพวกมัน ถึงการแทรกแซงและเล่ห์เหลี่ยมของพวกมันและถึงแผนการอันร้ายกาจเพื่อต่อต้านสันติสุขและความสุขของมวลมนุษย์ {GC 513.2}GCth17 447.2
ประวัติศาสตร์ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมนำเสนอให้เห็นอยู่บ่อยครั้งว่าวิญญาณชั่วมีตัวตนและพวกมันมีสื่อตัวแทน แต่ในสมัยที่พระคริสต์ทรงดำรงอยู่ในโลกนี้ วิญญาณชั่วแสดงอำนาจของมันให้เห็นอย่างชัดเจนที่สุด พระคริสต์เสด็จมาเพื่อให้แผนการแห่งการไถ่มนุษย์ที่จัดไว้สำเร็จ และซาตานมุ่งมั่นอ้างสิทธิ์ของมันเพื่อควบคุมโลก มันประสบความสำเร็จในการสถาปนาการกราบไหว้รูปเคารพในทุกมุมโลกยกเว้นในแผ่นดินปาเลสไตน์ พระคริสต์เสด็จมายังดินแดนแห่งเดียวที่ยังไม่ตกไปอยู่ภายใต้อำนาจทั้งหมดของมารจอมหลอกลวง พระองค์เสด็จมาเพื่อส่องแสงแห่งสวรรค์แก่บรรดาประชาชน และ ณ ที่นี้เอง อำนาจคู่แข่งทั้งสองต่างอ้างความเป็นใหญ่ พระเยซูทรงกางพระกรแห่งความรักออก ทรงเชิญชวนทุกคนที่ประสงค์จะรับการอภัยและสันติสุขในพระองค์ เหล่าทูตแห่งความมืดตระหนักดีว่าพวกมันไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการควบคุม และพวกมันเข้าใจว่าหากพันธกิจของพระคริสต์ประสบผลสำเร็จแล้ว อำนาจของพวกมันก็จะสิ้นสุดลง ซาตานคำรามดั่งสิงห์ที่ถูกล่ามไว้และแสดงอำนาจดื้อดึงอย่างไม่ยำเกรงเหนือทั้งร่างกายรวมทั้งจิตวิญญาณของมนุษย์ {GC 513.3}GCth17 447.3
พระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่ามนุษย์ถูกปีศาจเข้าสิง ผู้ที่ถูกผีสิงเหล่านี้ไม่เพียงแต่ได้รับความทุกข์ทรมานของโรคที่มีต้นเหตุจากธรรมชาติเท่านั้น พระคริสต์ทรงเข้าพระทัยอย่างถ่องแท้กับสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำอยู่และพระองค์ทรงทราบเป็นอย่างดีถึงการมาปรากฏตัวโดยตรงของวิญญาณชั่วและสมุนของมัน {GC 514.1}GCth17 448.1
ตัวอย่างที่เด่นชัดของจำนวน อำนาจ และความชั่วร้ายของพวกมัน รวมทั้งอำนาจและพระเมตตาคุณของพระคริสต์มีบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ในเรื่องการรักษาคนถูกผีสิงที่เมืองเก-ราซา ชายบ้าคลั่งผู้น่าสงสารที่ปฏิเสธการควบคุม บิดตัวไปมาด้วยความเจ็บปวด น้ำลายฟูมปาก อาละวาด บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงร้องอันโหยหวน เขาทำร้ายตัวเองและนำอันตรายมาให้กับทุกคนที่เข้าใกล้ ร่างกายที่มีเลือดไหลโทรมและเสียโฉมและสติที่ฟั่นเฟือนเป็นภาพที่เจ้าชายแห่งความมืดพึงพอใจ ปีศาจตนหนึ่งที่ควบคุมชายผู้ทนทุกข์ทรมานนี้ประกาศว่า “ข้าชื่อกองพล เพราะว่าพวกเรามีหลายตนด้วยกัน” มาระโก 5:9 “กองพล” ในกองทัพชาวโรมันประกอบด้วยทหารสามพันถึงห้าพันนาย เหล่าทูตของซาตานเคลื่อนย้ายกันเป็นกองทัพด้วยเช่นกัน และกองทัพหนึ่งที่ปีศาจเหล่านี้สิงอยู่ด้วยนั้นมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งกองพล {GC 514.2}GCth17 448.2
เมื่อพระเยซูตรัสบัญชาให้วิญญาณชั่วออกไปจากเหยื่อของมันแล้ว ชายเหล่านี้นั่งอย่างสงบแทบพระบาทของพระผู้ช่วยให้รอด สงบเสงี่ยม มีสติสัมปชัญญะ และสุภาพ แต่ปีศาจเหล่านี้ได้รับอนุญาตให้กวาดต้อนฝูงสุกรลงไปในทะเล และสำหรับชาวเมืองเก-ราซาแล้ว ความเสียหายนี้ยิ่งใหญ่กว่าพระพรที่พระเยซูคริสต์ประทาน และพวกเขาวิงวอนพระผู้รักษาที่มาจากพระเจ้าให้ออกไปจากที่นั่น นี่เป็นผลที่ซาตานวางแผนที่จะให้เกิดขึ้น ด้วยการกล่าวโทษการสูญเสียที่เกิดขึ้นของพวกเขาให้กับพระเยซูเช่นนี้ มันได้ปลุกระดมความหวาดกลัวอย่างเห็นแก่ตัวของประชาชนขึ้นและขัดขวางพวกเขาไม่ให้ฟังพระวจนะของพระองค์ ซาตานมักจะกล่าวโทษคริสเตียนอยู่เสมอว่าเป็นต้นเหตุของความเสียหาย ความโชคร้ายและความทุกข์ทรมาน แทนที่จะให้การตำหนิทั้งหลายตกไปยังที่ที่ถูกต้อง คือตัวมันเองและสมุนของมัน {GC 514.3}GCth17 448.3
แต่พระประสงค์ของพระคริสต์ไม่ได้ถูกขัดขวาง พระองค์ทรงปล่อยให้วิญญาณชั่วทำลายฝูงสุกรเพื่อตำหนิชาวยิวที่เลี้ยงสัตว์มลทินเพื่อมุ่งหวังผลกำไร หากพระคริสต์ไม่ทรงยับยั้งปีศาจไว้ พวกมันคงไม่เพียงแต่กวาดฝูงสุกรลงทะเลไป แต่จะกวาดทั้งผู้เลี้ยงและเจ้าของไปด้วย การที่คนเลี้ยงและเจ้าของไม่ได้รับอันตรายก็เนื่องจากอำนาจของพระองค์ทั้งสิ้นที่ปกป้องพวกเขาด้วยพระเมตตาคุณ ยิ่งกว่านี้ เหตุการณ์ที่ทรงอนุญาตให้เกิดขึ้นเพื่อให้สาวกเป็นพยานถึงอำนาจอันโหดร้ายของซาตานที่มีต่อมนุษย์และสัตว์ พระผู้ช่วยให้รอดทรงประสงค์ให้ผู้ติดตามพระองค์รู้จักศัตรูที่พวกเขาต้องเผชิญ เพื่อไม่ให้ถูกหลอกและพ่ายแพ้ต่อเล่ห์เหลี่ยมของมัน เป็นพระประสงค์ของพระองค์ด้วยเช่นกันที่จะให้ประชาชนในแถบนั้นเห็นอำนาจของพระองค์ที่จะหักโซ่ตรวนของซาตานและปลดปล่อยผู้ที่ถูกมันพันธนาการไว้ และถึงแม้พระเยซูทรงจากไปแล้ว ชายที่ได้รับการช่วยกู้อย่างเหลือเชื่อก็ยังคงอยู่ประกาศพระเมตตาคุณของพระผู้ทรงมีพระคุณต่อพวกเขา {GC 515.1}GCth17 449.1
เหตุการณ์อื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันก็ได้ถูกบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ ลูกสาวที่น่าสงสารของหญิงชาวซีเรียฟีนิเซียถูกผีโสโครกเข้าสิง พระเยซูทรงขับไล่มันออกไปด้วยพระดำรัสของพระองค์ (มาระโก 7:26-30) “คนถูกผีสิงคนหนึ่งที่ตาบอดและเป็นใบ้” (มัทธิว 12:22) เยาวชนคนหนึ่งถูกผีใบ้เข้าสิงและบ่อยครั้งที่ “ผีมักจะทำให้เขาตกในกองไฟหรือในน้ำ เพื่อจะฆ่าให้ตาย” (มาระโก 9:17-27) ชายผู้น่าเวทนา “มีผีโสโครกเข้าสิง” (ลูกา 4:33-36) มันรบกวนความสงบของวันสะบาโตที่ธรรมศาลาในเมืองคาเปอรนาอุม พระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตาทรงรักษาผู้ที่ถูกผีสิงเหล่านี้ให้หายทุกราย ในเกือบทุกกรณี พระคริสต์ทรงทักทายเหล่าผีมารนี้เหมือนเช่นกับสิ่งมีชีวิตที่มีปัญญา พระองค์ตรัสสั่งมันให้ออกจากเหยื่อของมันและอย่าทรมานเขาอีกต่อไป เมื่อผู้เข้าร่วมนมัสการที่เมืองคาเปอรนาอุมเห็นอำนาจยิ่งใหญ่ของพระองค์ พวกเขา “ก็ประหลาดใจพูดกันว่า ‘ถ้อยคำของคนนี้มีอะไรพิเศษนะ เพราะท่านสั่งผีโสโครกด้วยสิทธิอำนาจและฤทธิ์เดชและพวกมันก็ออกมา’” ลูกา 4:36 {GC 515.2}GCth17 449.2
โดยทั่วไปแล้ว บรรดาคนเหล่านั้นที่ถูกผีเข้าสิงมักจะถูกแสดงให้เห็นว่าอยู่ในสภาพที่ทรมานอย่างสาหัส แต่ถึงกระนั้น ก็มีข้อยกเว้นให้กับกฎข้อนี้ มีบางคนอยากมีอำนาจเหนือธรรมชาติจึงต้อนรับอิทธิพลของซาตานด้วยความยินดี แน่นอนทีเดียว คนเหล่านี้ไม่มีความขัดแย้งกับผีมาร คนประเภทนี้คือคนเหล่านั้นที่มีวิญญาณแห่งการหยั่งรู้อนาคต ตัวอย่างเช่น ซีโมน มากัส เอลีมาสคนทำวิทยาคม และทาสสาวที่ติดตามเปาโลกับสิลาสในเมืองฟีลิปปี {GC 516.1}GCth17 450.1
ไม่มีผู้ใดจะตกลงไปสู่ภัยอันตรายจากอิทธิพลของวิญญาณชั่วได้ยิ่งใหญ่กว่าผู้ที่ไม่ยอมรับว่าภูตผีและทูตของมันรวมทั้งตัวแทนวิญญาณชั่วนั้นมีตัวตน ทั้งๆ ที่เขามีคำพยานโดยตรงและมากมายจากพระคัมภีร์ ตราบใดที่เรายังขาดความรู้เรื่องเพทุบายของมันแล้ว มันจะได้เปรียบเรามากเกินกว่าที่เราจะคิดได้ คนมากมายรับฟังข้อเสนอของมันในขณะที่คิดว่าตนเองกำลังทำตามการบงการของสติปัญญาของตนเอง นี่คือเหตุผลว่าทำไมซาตานจึงทำงานด้วยอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพื่อหลอกลวงและทำลายเมื่อเรากำลังเข้าใกล้เวลาสิ้นยุค มันประกาศไปทั่วทุกแห่งให้เชื่อว่ามันไม่มีตัวตน เป็นนโยบายของมันที่จะปกปิดตนเองและลักษณะงานที่มันทำ {GC 516.2}GCth17 450.2
มารผู้หลอกลวงที่ยิ่งใหญ่ไม่กลัวสิ่งใดมากเท่ากับการที่เราจะรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของมัน เพื่อปกปิดลักษณะและเป้าหมายที่แท้จริงของมันได้ดียิ่งขึ้น มันจึงทำให้ตัวของมันปรากฏออกมาให้เห็นในสภาพที่ไม่มีผลต่อความรู้สึกมากไปกว่าการเป็นตัวตลกหรือตัวประหลาด มันพอใจกับการที่มันถูกวาดให้มีรูปร่างที่น่าขบขันและน่ารังเกียจ วิปลาส ครึ่งสัตว์ครึ่งมนุษย์ มันพอใจที่ได้ยินชื่อของมันถูกใช้ในการกีฬาและถูกนำมาล้อเลียนโดยผู้ที่คิดว่าตนเองฉลาดและมีความรู้ {GC 516.3}GCth17 450.3
เนื่องจากมันใส่หน้ากากให้แก่ตัวเองด้วยความชำนาญสูงสุด จนมีคำถามกันอย่างกว้างขวางว่า “มันมีตัวตนจริงหรือ” หลักฐานความสำเร็จของมันคือทฤษฏีเท็จต่างๆ ที่โลกแห่งศาสนายอมรับกันอย่างกว้างขวางซึ่งเป็นทฎษฎีที่ทำให้คำพยานอันชัดเจนของพระคัมภีร์กลายเป็นเท็จ และเนื่องจากว่าซาตานควบคุมความคิดของผู้ที่ไม่รู้สึกถึงอิทธิพลของมันได้เป็นอย่างดีที่สุด พระคำของพระเจ้าจึงให้ตัวอย่างผลงานอันร้ายกาจมากมายของมันแก่เรา เปิดโปงกองกำลังลับของมันและจัดวางให้เราตั้งมั่นต่อต้านการจู่โจมของมัน {GC 517.1}GCth17 451.1
หากเราไม่มีที่หลบภัยและถูกช่วยให้หลุดพ้นด้วยอำนาจยิ่งใหญ่ของพระผู้ไถ่แล้ว กำลังและความร้ายกาจของซาตานและสมุนของมันนั้นอาจจะทำให้เราหวั่นวิตกอย่างแน่นอน เราทำให้บ้านของเราปลอดภัยด้วยกลอนประตูและกุญแจเพื่อปกป้องทรัพย์สินและชีวิตของเราจากคนชั่ว แต่เราไม่ค่อยคิดถึงบรรดาทูตสวรรค์ชั่วที่คอยหาทางเข้ามาหาเราอยู่เสมอและคอยโจมตีเราผู้ซึ่งเราไม่อาจต้านการจู่โจมของมันได้โดยกำลังของเราเอง หากเรายอม มันก็จะก่อกวนความคิดของเราให้สับสน ทรมานร่างกายของเราและทำลายทรัพย์สินและชีวิตของเรา ความพึงพอใจเดียวของพวกมันคือความทุกข์เวทนาและการทำลาย สภาพของบรรดาผู้ที่ต่อต้านการอ้างสิทธิต่างๆ ของพระเจ้าและยอมตกไปอยู่ในการทดลองของซาตานนั้นน่ากลัวยิ่งนัก จนกระทั่งพระเจ้าทรงยอมปล่อยพวกเขาให้ไปอยู่ภายใต้การปกครองของวิญญาณชั่วทั้งหลาย แต่บรรดาผู้ที่ติดตามพระคริสต์จะปลอดภัยภายใต้การคุ้มครองของพระองค์ ทูตสวรรค์หลายองค์ผู้มีกำลังมหาศาลถูกส่งจากสวรรค์เพื่อมาปกป้องพวกเขา คนชั่วไม่สามารถตีฝ่าแนวป้องกันที่พระเจ้าทรงจัดวางล้อมรอบประชากรของพระองค์ได้ {GC 517.2}GCth17 451.2
*****