บท 36 - การขัดแย้งที่กำลังจะเกิดขึ้น
- อารัมภบท
- บทนำของคณะผู้จัดพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษ
- คำนำของผู้ประพันธ์
- บท 1 - ความพินาศของกรุงเยรูซาเล็ม
- บท 2 - การกดขี่ข่มเหงในศตวรรษต้นๆ
- บท 3 - ยุคมืดทางจิตวิญญาณ
- บท 4 - ชาววอลเดนซิส
- บท 5 - ยอห์น ไวคลิฟ
- บท 6 - ฮัสและเจอโรมี
- บท 7 - ลูเธอร์ตีตัวออกห่างจากโรม
- บท 8 - ลูเธอร์รายงานตัวต่อสภา
- บท 9 - นักปฏิรูปศาสนาชาวสวิส
- บท 10 - ความก้าวหน้าของการปฏิรูปในประเทศเยอรมนี
- บท 11 - การประท้วงของเจ้าครองแคว้นต่างๆ
- บท 12 - การปฏิรูปศาสนาในประเทศฝรั่งเศส
- บท 13 - ประเทศเนเธอร์แลนด์และแถบสแกนดิเนเวีย
- บท 14 - นักปฏิรูปศาสนาชาวอังกฤษรุ่นหลัง
- บท 15 - พระคัมภีร์กับการปฏิวัติในประเทศฝรั่งเศส
- บท 16 - บรรพบุรุษที่เป็นพิลกริม
- บท 17 - ผู้ประกาศข่าวของรุ่งอรุณ
- บท 18 -นักปฏิรูปชาวอเมริกันท่านหนึ่ง
- บท 19 - ความสว่างส่องเข้าไปในที่มืด
- บท 20 - การตื่นตัวครั้งยิ่งใหญ่ฝ่ายศาสนา
- บท 21 - คำเตือนที่ถูกปฏิเสธ
- บท 22 - เหตุการณ์เกิดขึ้นตามคำพยากรณ์
- บท 23 - สถานนมัสการคืออะไร
- บท 24 - อภิสุทธิสถาน
- บท 25 - พระบัญญัติของพระเจ้าเปลี่ยนแปลงไม่ได้
- บท 26 - ภารกิจหนึ่งของการปฏิรูป
- บท 27 - การฟื้นฟูยุคใหม่
- บท 28 - เผชิญหน้ากับหนังสือบันทึกแห่งชีวิต
- บท 29 - จุดเริ่มต้นของความชั่ว
- บท 30 - มนุษย์และซาตานเป็นศัตรูกัน
- บท 31 - สื่อวิญญาณชั่ว
- บท 32 - กับดักของซาตาน
- บท 33 - การหลอกลวงยิ่งใหญ่ครั้งแรก
- บท 34 - คนตายติดต่อกับเราได้หรือ
- บท 35 - เสรีภาพของจิตสำนึกถูกคุกคาม
- บท 36 - การขัดแย้งที่กำลังจะเกิดขึ้น
- บท 37 - พระคัมภีร์เป็นโล่ป้องกัน
- บท 38 - คำเตือนสุดท้าย
- บท 39 - เวลาแห่งความทุกข์ยาก
- บท 40 - ประชากรของพระเจ้าได้รับการช่วยกู้
- บท 41 - โลกร้างอ้างว้าง
- บท 42 - ความขัดแย้งสิ้นสุดแล้ว
Search Results
- Results
- Related
- Featured
- Weighted Relevancy
- Content Sequence
- Relevancy
- Earliest First
- Latest First
- Exact Match First, Root Words Second
- Exact word match
- Root word match
- EGW Collections
- All collections
- Lifetime Works (1845-1917)
- Compilations (1918-present)
- Adventist Pioneer Library
- My Bible
- Dictionary
- Reference
- Short
- Long
- Paragraph
No results.
EGW Extras
Directory
บท 36 - การขัดแย้งที่กำลังจะเกิดขึ้น
นับตั้งแต่การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ที่เริ่มต้นขึ้นในสวรรค์ ซาตานมุ่งมั่นล้มล้างธรรมบัญญัติของพระเจ้า มันก้าวเข้าสู่การกบฏต่อพระผู้สร้างก็เพื่อทำการนี้ให้สำเร็จ และแม้ว่ามันถูกขับออกจากสวรรค์ไปแล้ว มันก็ยังคงดำเนินสงครามเดียวกันนี้ในโลก การหลอกลวงมนุษย์และชักนำให้พวกเขาล่วงละเมิดธรรมบัญญัติของพระเจ้าเป็นเป้าหมายที่มันคอยทำอย่างมุ่งมั่นมาตลอด ไม่ว่าจะกระทำโดยการละทิ้งธรรมบัญญัติไปทั้งหมดหรือปฏิเสธบัญญัติเพียงข้อหนึ่งข้อใด ท้ายสุดก็ได้ผลเท่ากัน ผู้ที่ทำผิดธรรมบัญญัติแม้เพียง “ข้อเดียว” ก็ดูแคลนธรรมบัญญัติทั้งหมด อิทธิพลและแบบอย่างของเขาอยู่ฝ่ายเดียวกันกับพวกที่ล่วงละเมิด เขาจึง “ทำผิดธรรมบัญญัติทั้งหมด” ยากอบ 2:10 {GC 582.1}GCth17 510.1
เพื่อทำให้กฎเกณฑ์ต่างๆ ของพระเจ้าถูกดูแคลน ซาตานจึงบิดเบือนหลักคำสอนของพระคัมภีร์และคำสอนที่ผิดเหล่านี้จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อของคนนับพันที่อ้างตนว่าเชื่อพระคัมภีร์ การต่อสู่ยิ่งใหญ่ครั้งสุดท้ายระหว่างความจริงและความเท็จจึงเป็นเพียงการดิ้นรนครั้งสุดท้ายของความขัดแย้งที่มีมาอย่างยาวนานเกี่ยวกับธรรมบัญญัติของพระเจ้า เรากำลังก้าวเข้าสู่สงครามนี้ ซึ่งเป็นสงครามระหว่างกฎระเบียบของมนุษย์กับกฎข้อบังคับของพระยาห์เวห์ ระหว่างศาสนาของพระคัมภีร์กับศาสนาของนิยายและประเพณี {GC 582.2}GCth17 510.2
สื่อตัวแทนที่จะรวมตัวกันต่อต้านความจริงและความชอบธรรมในการขับเคี่ยวนี้กำลังทำการอย่างแข็งขัน พระวจนะศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าซึ่งส่งต่อมายังเราด้วยราคาของความทุกข์ยากและเลือดเนื้อเช่นนี้กลับถูกประเมินค่าเพียงเล็กน้อย พระคัมภีร์อยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่มีน้อยคนยอมรับพระคัมภีร์เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต การไม่มีศาสนามีอยู่เกลื่อนกลาดอย่างน่าตกใจซึ่งไม่เพียงแต่ในฝ่ายโลกเท่านั้นแต่ในคริสตจักรเองด้วย มีคนมากมายปฏิเสธหลักคำสอนซึ่งเป็นเสาหลักของความเชื่อคริสเตียน ความจริงยิ่งใหญ่เรื่องการสร้างโลกตามที่ผู้เขียนซึ่งได้รับการดลใจนำเสนอ เรื่องมนุษย์ล้มลงในบาป การลบบาปและความยั่งยืนยงของธรรมบัญญัติของพระเจ้าเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ในโลกคริสเตียนแทบจะละทิ้งไปแล้วทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน คนนับพันที่ภูมิใจในปัญญาและความเป็นเอกเทศของตนเองจะมองดูว่าการวางใจพระคัมภีร์อย่างเต็มที่เป็นหลักฐานแสดงถึงความอ่อนแอของคนๆ นั้น พวกเขาคิดว่าการจับผิดพระคัมภีร์ การปลูกฝังและการอธิบายความจริงที่สำคัญตามแนวคิดของเขา เป็นเครื่องพิสูจน์ความสามารถและความรู้ที่เลิศหรูของพวกเขา อาจารย์จำนวนมากกำลังสอนประชาชนและศาสตราจารย์และครูมากมายกำลังอบรมปลูกฝังนักศึกษาว่าธรรมบัญญัติของพระเจ้าถูกเปลี่ยนแปลงไปหรือถูกยกเลิกไปแล้ว และผู้ที่ถือว่าธรรมบัญญัติยังคงมีผลบังคับใช้และยังต้องถือรักษาตามที่ได้จารึกไว้ เป็นผู้ที่สมควรแก่การถูกเย้ยหยันและดูแคลน {GC 582.3}GCth17 510.3
เมื่อมนุษย์ปฏิเสธความจริง พวกเขาก็ปฏิเสธพระเจ้าผู้ทรงเป็นแหล่งต้นกำเนิดแห่งความจริง เมื่อพวกเขาเหยียบย่ำธรรมบัญญัติของพระเจ้า พวกเขาก็ได้ปฏิเสธอำนาจของพระองค์ผู้ประทานธรรมบัญญัติด้วย การที่จะเทิดทูนบูชาหลักคำสอนและทฤษฎีเทียมเท็จนั้นก็ง่ายพอๆ กับการแกะสลักรูปเคารพจากไม้หรือก้อนหิน ซาตานต้องการใส่ร้ายพระเจ้าอย่างผิดๆ มันจึงชักนำมนุษย์ให้มองดูพระองค์ด้วยพระลักษณะที่ผิด มีคนมากมายนำรูปเคารพทางปรัชญามาเทิดทูนไว้แทนที่พระยาห์เวห์ ในขณะที่มีคนจำนวนเล็กน้อยนมัสการพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ตามที่ได้ทรงเปิดเผยไว้ในพระวจนะของพระองค์ ในพระคริสต์และในพระราชกิจแห่งการทรงสร้าง คนนับพันๆ กราบไหว้ธรรมชาติในขณะที่พวกเขาปฏิเสธพระเจ้าแห่งธรรมชาติ แม้จะมีรูปแบบที่แตกต่างกันแต่การกราบไหว้รูปเคารพยังมีอยู่ในโลกคริสเตียนในทุกวันนี้เหมือนเช่นที่มีอยู่ในอิสราเอลโบราณสมัยเอลียาห์ พระของคนที่อ้างตนว่าฉลาด พระของนักปรัชญา ของนักอักษรศาสตร์ ของนักการเมือง ของผู้สื่อข่าว ของคนในสังคมชั้นสูงที่มีการศึกษา ของวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยต่างๆ แม้แต่พระของสถาบันศาสนศาสตร์บางแห่ง พระของบรรดาคนเหล่านี้ก็ดีกว่าพระบาอัลพระเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ของชาวฟินิเชียแต่เพียงเล็กน้อย {GC 583.1}GCth17 511.1
ในบรรดาคำสอนผิดๆ ที่ชาวคริสเตียนยอมรับ ไม่มีคำสอนใดที่ท้าทายต่ออำนาจสวรรค์ โจมตีโดยตรงต่อความมีเหตุผล และมีผลร้ายแรงมากไปกว่าหลักคำสอนใหม่ที่ได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วว่าธรรมบัญญัติของพระเจ้าไม่มีผลบังคับใช้กับมนุษย์แล้ว ทุกประเทศมีกฎหมายของตนเองซึ่งต้องเคารพและปฏิบัติตาม ไม่มีรัฐบาลใดจะอยู่ได้โดยไม่มีกฎหมายเหล่านี้ และพวกเขาคิดได้อย่างไรว่า พระผู้สร้างท้องฟ้าและแผ่นดินโลกจะไม่มีกฎระเบียบเพื่อใช้ปกครองสิ่งมีชีวิตที่พระองค์ทรงสร้างมานั้น สมมติว่ารัฐมนตรีที่มีชื่อเสียงจะป่าวประกาศอย่างเปิดเผยว่ากฎหมายที่ใช้ปกครองประเทศและปกป้องสิทธิของพลเมืองเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น เพราะกฎหมายเหล่านี้จำกัดเสรีภาพของประชาชน ดังนั้นจึงไม่ต้องปฏิบัติตาม เราควรจะทนปล่อยให้คนเช่นนี้พูดอีกนานไหม แต่การละเลยกฎหมายของบ้านเมืองและประเทศชาติจะร้ายแรงไปกว่าการเหยียบย่ำข้อบังคับทั้งหลายของพระเจ้าซึ่งเป็นพื้นฐานของการปกครองทั้งปวงหรือ {GC 584.1}GCth17 511.2
การที่จะให้ประเทศทั้งหลายยกเลิกกฎหมายและปล่อยให้ประชาชนทำสิ่งที่ตนพอใจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายกว่าการที่จะให้พระเจ้าแห่งจักรวาลทรงลบล้างธรรมบัญญัติของพระองค์และปล่อยให้โลกไม่มีมาตรฐานเพื่อใช้ตำหนิคนที่ทำผิดและยืนยันความถูกต้องของผู้ที่เชื่อฟัง เราเคยทราบถึงผลของการยกเลิกธรรมบัญญัติของพระเจ้าหรือไม่ เรื่องนี้เคยมีการทดลองมาแล้ว ภาพเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวนี้เกิดขึ้นในประเทศฝรั่งเศส เมื่อผู้ที่ไม่มีศาสนาขึ้นมามีอำนาจในการปกครองประเทศ สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงให้โลกเห็นว่าการละทิ้งข้อห้ามที่พระเจ้าทรงจัดวางไว้คือการยอมรับการปกครองภายใต้การกดขี่ข่มเหงที่โหดเหี้ยมที่สุด การไม่สนใจต่อมาตรฐานแห่งความชอบธรรมเป็นการเปิดทางให้เจ้าชายแห่งความชั่วสถาปนาอำนาจของมันขึ้นในโลก {GC 584.2}GCth17 511.3
สถานที่ใดก็ตามที่ปฏิเสธข้อบังคับของพระเจ้า บาปก็จะดูไม่เป็นบาปอีกต่อไป หรือความชอบธรรมก็จะไม่เป็นสิ่งที่ผู้คนปรารถนา ผู้ที่ปฏิเสธไม่ยอมรับการปกครองของพระเจ้าก็จะเป็นผู้ที่ไม่เหมาะสมที่จะปกครองตนเองโดยสิ้นเชิง คำสอนอันตรายเหล่านี้ของพวกเขาได้ปลูกฝังวิญญาณแห่งความดื้อรั้นลงไปในหัวใจของเด็กและเยาวชนผู้ซึ่งมีธรรมชาติที่ไม่ชอบให้ใครมาควบคุมและไม่มีความเป็นระเบียบอยู่แล้ว ผลลัพธ์คือสภาพสังคมที่ไร้ศีลธรรม ในขณะที่พวกเขาเยาะเย้ยความหูเบาของผู้ที่เชื่อฟังข้อกำหนดของพระเจ้า ฝูงชนเหล่านี้ยินดีรับการหลอกลวงของซาตาน พวกเขาปล่อยตัวให้กับตัณหาฝ่ายต่ำและทำบาปต่างๆ ที่เป็นสาเหตุให้พวกคนนอกศาสนาต้องได้รับการพิพากษาโทษ {GC 584.3}GCth17 511.4
ผู้ที่สอนประชาชนให้ใส่ใจพระบัญญัติของพระเจ้าแต่เพียงเล็กน้อยกำลังหว่านการไม่เชื่อฟังเพื่อเก็บเกี่ยวความไม่เชื่อฟัง เมื่อมีการละทิ้งข้อห้ามทั้งหมดที่ธรรมบัญญัติของพระเจ้าบังคับไว้ ในไม่ช้ากฎหมายของมนุษย์ก็จะถูกละเลยไปด้วย เนื่องจากพระเจ้าทรงห้ามการกระทำที่ไม่สัตย์ซื่อ การโลภ การพูดปดและการหลอกลวง ส่วนมนุษย์นั้นพร้อมที่จะเหยียบย่ำกฎเกณฑ์ของพระองค์ที่ขัดขวางความเจริญรุ่งเรืองทางฝ่ายโลกของพวกเขา แต่ผลลัพธ์ของการละทิ้งข้อบังคับเหล่านี้จะเป็นไปตามที่พวกเขาไม่ได้คาดหวังไว้ ถ้าธรรมบัญญัติไม่มีผลบังคับใช้ต่อไปแล้ว ทำไมพวกเขาจึงต้องกลัวการล่วงละเมิดอีกหรือ ทรัพย์สมบัติจะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป ผู้คนจะใช้ความรุนแรงเพื่อเอาสิ่งของที่เป็นของเพื่อนบ้าน และคนที่แข็งแรงที่สุดจะกลายเป็นคนร่ำรวยที่สุด พวกเขาจะไม่เคารพต่อชีวิต คำปฏิญาณในงานแต่งงานจะไม่ใช่กำแพงศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องครอบครัวอีกต่อไป ผู้ที่มีอำนาจก็คงจะใช้กำลังไปแย่งชิงภรรยาของเพื่อนบ้านมาเป็นของตนได้ตามความต้องการ พระบัญญัติข้อที่ห้าคงถูกยกเลิกไปพร้อมๆ กับพระบัญญัติข้อที่สี่ เด็กๆ จะไม่เกรงกลัวต่อการคร่าเอาชีวิตของพ่อแม่ ถ้าหากการกระทำนั้นจะสนองความปรารถนาแห่งหัวใจอันชั่วช้าของพวกเขา โลกศิวิไลซ์นี้จะกลายเป็นถ้ำของโจรและฆาตกร ความสงบสุข การพักผ่อน และความผาสุกจะมลายหายไปจากโลก {GC 585.1}GCth17 512.1
หลักคำสอนที่ว่ามนุษย์หลุดพ้นจากการต้องเชื่อฟังข้อกำหนดของพระเจ้าบั่นทอนอำนาจความรับผิดชอบทางฝ่ายศีลธรรมและเปิดประตูให้ความชั่วไหลบ่าเข้ามาในโลกเรียบร้อยแล้ว การไม่มีกฎหมาย การสำมะเลเทเมาและการฉ้อโกงเป็นเสมือนคลื่นยักษ์ที่กำลังโหมกระหน่ำใส่เรา ซาตานทำงานอยู่ในครอบครัว ธงของมันโบกสะบัดแม้กระทั่งในบ้านที่เรียกตัวเองว่าเป็นครอบครัวคริสเตียน ความอิจฉา การคิดร้ายต่อกัน การหน้าไหว้หลังหลอก การตีตัวออกห่าง การแก่งแย่งกัน การต่อสู้กัน การทรยศต่อความไว้วางใจของคู่สมรส การหมกมุ่นอยู่กับตัณหา หลักการและคำสอนทั้งระบบของศาสนาซึ่งควรจะเป็นพื้นฐานและโครงสร้างของคนในสังคมกลับกำลังซวนเซพร้อมที่จะดิ่งลงสู่ความพินาศ เมื่อจับอาชญากรที่โหดเหี้ยมที่สุดโยนเข้าคุก บ่อยครั้งที่การกระทำเช่นนี้กลับกลายเป็นการให้รางวัลแก่พวกเขา และทำให้พวกเขาได้รับความสนใจราวกับว่าได้รับเกียรติยศที่น่าอิจฉา สื่อต่างๆ รายงานบุคลิกและการทำอาชญากรรมของเขา สื่อต่างๆ บรรยายถึงความเลวร้ายที่เขาทำไว้อย่างละเอียด สิ่งเหล่านี้กระตุ้นให้ผู้อื่นเลียนแบบการฉ้อฉล ปล้นจี้ และฆาตกรรม และซาตานชื่นชมกับความสำเร็จในผลงานชั่วร้ายของมัน ความหลงใหลในอบายมุข การจงใจคร่าชีวิตอย่างโหดเหี้ยม การไม่ประมาณตนที่เพิ่มมากขึ้นอย่างน่ากลัว รวมทั้งความชั่วทุกขนาดและทุกรูปแบบ จะต้องปลุกทุกคนที่ยำเกรงพระเจ้าให้ตื่นขึ้น เพื่อแสวงหาวิธีการที่จะยับยั้งคลื่นแห่งความชั่วเหล่านี้เสีย {GC 585.2}GCth17 512.2
ศาลยุติธรรมทุจริต ผู้ปกครองบ้านเมืองกระทำการอย่างหวังผลและหมกมุ่นอยู่กับความเพลิดเพลินในราคะตัณหา การไม่รู้จักบังคับตนทำให้ความนึกคิดของคนมากมายมัวหมองจนซาตานเข้าควบคุมพวกเขาไว้ได้เกือบทั้งหมด ผู้พิพากษาไม่สัตย์ซื่อ ติดสินบนและหลอกลวง การเมาสุราและการเที่ยวหาความสำราญ กิเลสตัณหา ความริษยา ความไม่ซื่อสัตย์ในทุกรูปแบบถูกพบได้ในผู้ที่รักษากฎหมาย “ความชอบธรรมก็ยืนอยู่ไกลเพราะความจริงล้มลงที่ลานเมืองและความเที่ยงตรงเข้าไปไม่ได้” อิสยาห์ 59:14 {GC 586.1}GCth17 512.3
ความชั่วและความมืดทางจิตวิญญาณที่มีให้เห็นอยู่ทั่วไปภายใต้การปกครองของโรมนั้นเป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อเธอปราบทำลายพระคัมภีร์ แต่จะมองหาสาเหตุของการไม่มีศาสนา การปฏิเสธธรรมบัญญัติของพระเจ้า และการเสื่อมโทรมทางศีลธรรมในยุคแห่งเสรีภาพทางศาสนาซึ่งเต็มไปด้วยแสงสว่างแห่งข่าวประเสริฐได้อย่างไร บัดนี้ซาตานไม่สามารถควบคุมโลกให้อยู่ภายใต้การปกครองของมันด้วยการกักเก็บพระคัมภีร์ มันจึงหาวิธีอื่นเพื่อทำให้เป้าหมายเดียวกันนี้ประสบความสำเร็จ การทำลายความเชื่อในพระคัมภีร์จะให้ผลลัพธ์เหมือนกับการทำลายพระคัมภีร์ซึ่งเป็นสิ่งที่มันต้องการ โดยการทำให้เชื่อว่าธรรมบัญญัติของพระเจ้าไม่มีผลบังคับใช้แล้ว มันนำมนุษย์ให้ล่วงละเมิดธรรมบัญญัติเสมือนหนึ่งพวกเขาไม่รู้จักข้อบังคับต่างๆ ของธรรมบัญญัติเลย และในปัจจุบันนี้ก็เป็นเหมือนเช่นสมัยก่อนคือ มันขยายแผนงานของมันผ่านทางคริสตจักร องค์กรศาสนาของยุคนี้ปฏิเสธที่จะรับฟังความจริงที่พระคัมภีร์กล่าวไว้อย่างชัดแจ้งแต่ไม่เป็นที่นิยม และในการต่อสู้กับความจริงเหล่านี้ พวกเขายอมรับคำอธิบายและจุดยืนที่กระจายเมล็ดแห่งความสงสัยไว้ พวกเขาต่างยึดติดกับคำสอนผิดๆ ของระบอบเปปาซีในเรื่องคนตายมีสภาพเป็นอมตะ และคนตายยังคงรู้เรื่อง เขาปฏิเสธโล่เดียวที่ใช้ปกป้องการหลอกลวงในเรื่องลัทธิทรงวิญญาณ หลักคำสอนเรื่องการทรมานเป็นนิตย์ทำให้คนมากมายไม่เชื่อพระคัมภีร์ และเมื่อประชาชนถูกกระตุ้นด้วยการอ้างสิทธิของพระบัญญัติข้อที่สี่ พวกเขาได้ค้นพบว่าการถือรักษาวันสะบาโตวันที่เจ็ดเป็นสิ่งที่พระคัมภีร์กำหนดไว้ แต่เนื่องจากมีเพียงหนทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากหน้าที่ที่พวกเขาไม่ต้องการนี้ได้ ครูผู้มีชื่อเสียงหลายคนจึงประกาศว่าธรรมบัญญัติของพระเจ้าไม่มีผลบังคับใช้แล้ว ด้วยวิธีการเช่นนี้ พวกเขาปัดธรรมบัญญัติและวันสะบาโตทิ้งไปพร้อมๆ กัน ในขณะที่การปฏิรูปวันสะบาโตดำเนินขยายกว้างต่อไปนั้น การปฏิเสธธรรมบัญญัติของพระเจ้าเพื่อหลีกเลี่ยงจากการต้องทำตามพระบัญญัติข้อที่สี่จะขยายผลออกไปอย่างกว้างไกล คำสอนของผู้นำศาสนาเปิดประตูให้กับความไม่ซื่อสัตย์ ลัทธิทรงวิญญาณ และการเหยียบย่ำบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า และผู้นำเหล่านี้จะต้องรับผิดชอบอย่างใหญ่หลวงต่อความชั่วที่มีอยู่ในโลกของคริสเตียน {GC 586.2}GCth17 512.4
แต่ถึงกระนั้น คนกลุ่มเดียวกันนี้ยังกล่าวอ้างว่า ความเลวร้ายที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วนั้นส่วนใหญ่แล้วมักเกิดจากการทำให้วันที่เรียกกันว่า “วันสะบาโตของชาวคริสเตียน” หมดความศักดิ์สิทธิ์ และการบังคับให้ถือรักษาวันอาทิตย์อาจจะช่วยให้ศีลธรรมของสังคมดีขึ้นได้เป็นอย่างมาก คำอ้างนี้เน้นกันเป็นพิเศษในประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศที่หลักคำสอนเรื่องวันสะบาโตที่แท้จริงถูกประกาศอย่างกว้างขวางมากที่สุด ในประเทศนี้ การรณรงค์เรื่องการรู้จักบังคับตนเองเป็นงานที่โดดเด่นและสำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งของการปฏิรูปทางด้านศีลธรรม จึงมักถูกนำเข้ามารวมกับขบวนการถือรักษาวันอาทิตย์ ผู้ที่สนับสนุนการถือรักษาวันอาทิตย์จะอ้างว่า การถือรักษาวันอาทิตย์จะให้ผลประโยชน์สูงสุดแก่สังคม และผู้ที่ปฏิเสธไม่ยอมเป็นพวกเดียวกับเขาจะถูกประณามว่าเป็นศัตรูต่อการรณรงค์ให้รู้จักบังคับตนเองและการปฏิรูป แต่ในความเป็นจริงก็คือมีขบวนการที่กำลังก่อตั้งสิ่งที่ผิด แต่กลับถูกเอามาเชื่อมโยงกับอีกงานหนึ่งซึ่งเป็นงานที่ดี วิธีนี้ไม่ได้ทำให้เรื่องที่ผิดกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนยอมรับ เราอาจปลอมแปลงสารพิษโดยการผสมสารพิษลงไปในอาหารที่ดี แต่เราไม่ได้เปลี่ยนสภาพธรรมชาติของสารพิษ ในทางตรงข้าม กลับทำให้สารพิษนี้มีอันตรายมากยิ่งขึ้นเพราะเราอาจรับประทานเข้าไปโดยไม่รู้ตัวได้มากขึ้น นี่เป็นกลเม็ดของซาตานที่จะนำความจริงในปริมาณที่เพียงพอผสมลงไปในความเท็จ เพื่อทำให้ความเท็จมองดูน่าเชื่อถือ ผู้นำการเคลื่อนไหวในเรื่องการถือรักษาวันอาทิตย์อาจสนับสนุนการปฏิรูปตามที่ประชาชนต้องการ โดยการนำหลักการที่สอดคล้องกับพระคัมภีร์มาใช้ในการปฏิรูป แต่กระนั้นก็จะมีข้อกำหนดที่ขัดแย้งกับธรรมบัญญัติของพระเจ้าอยู่ในการปฏิรูปนั้นซึ่งผู้รับใช้ของพระเจ้าจะยอมเข้าร่วมกับขบวนการนี้ไม่ได้ ไม่มีเหตุผลเพียงพอเพื่อสนับสนุนให้ละทิ้งพระบัญญัติของพระเจ้าและนำกฎเกณฑ์ของมนุษย์มาทดแทน {GC 587.1}GCth17 513.1
ซาตานอาศัยความเชื่อผิดสองอย่างคือความไม่รู้จักตายของจิตวิญญาณและความศักดิ์สิทธิ์ของวันอาทิตย์เพื่อนำผู้คนให้มาอยู่ภายใต้การหลอกลวงต่างๆ ของมัน ในขณะที่เรื่องแรกเป็นการวางฐานให้กับลัทธิทรงวิญญาณ เรื่องที่สองเป็นการสร้างสายสัมพันธ์แห่งความเห็นอกเห็นใจให้แก่โรม ชาวโปรเตสแตนต์ในประเทศสหรัฐอเมริกาจะนำหน้าในการยื่นมือข้ามช่องว่างเพื่อจับมือกับลัทธิทรงวิญญาณ พวกเขาจะเอื้อมมือข้ามเหวลึกเพื่อจับมือกับอำนาจของโรม และภายใต้อิทธิพลของการรวมตัวของทั้งสามนี้ ประเทศนี้จะเดินตามรอยเท้าของโรมในการเหยียบย่ำสิทธิของใจสำนึกผิดชอบ {GC 588.1}GCth17 513.2
เนื่องจากลัทธิทรงวิญญาณเลียนแบบการเป็นคริสเตียนแต่ในนามของยุคนี้ได้อย่างใกล้เคียง มันจึงมีอำนาจหลอกลวงและดักจับได้มากยิ่งขึ้น ซาตานเองปรับเปลี่ยนตามแนวทางของความทันสมัย มันจะปรากฏร่างเป็นทูตแห่งความสว่าง โดยผ่านสื่อของลัทธิทรงวิญญาณ มีการทำให้อัศจรรย์ต่างๆ เกิดขึ้น คนป่วยถูกรักษาให้หายและการกระทำสิ่งมหัศจรรย์มากมายที่ไม่อาจปฏิเสธได้. และในขณะที่วิญญาณต่างๆ จะยอมรับว่ามีความเชื่อในพระคัมภีร์และแสดงความเคารพต่อสถาบันของคริสตจักรนั้น ผลงานต่างๆ ที่มันทำไปก็จะได้รับการยอมรับว่าเป็นการสำแดงออกซึ่งฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า {GC 588.2}GCth17 513.3
บัดนี้ เส้นแบ่งแยกระหว่างผู้ที่เป็นคริสเตียนและผู้ที่ไม่มีศาสนานั้นแทบจะแยกออกจากกันไม่ได้ สมาชิกคริสตจักรรักสิ่งของที่ชาวโลกรักและพร้อมที่จะกระโดดเข้าร่วมกับพวกเขา ซาตานตั้งใจที่จะรวมพวกเขาให้เป็นหนึ่งเดียวและด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้อุดมการณ์ของมันแข็งแกร่งด้วยการกวาดเอาคนทั้งหมดเข้าไปสู่แนวทางของลัทธิทรงวิญญาณ สำหรับบรรดาผู้นิยมระบอบเปปาซีผู้โอ้อวดว่าการอัศจรรย์เป็นสัญลักษณ์รับรองความเป็นคริสตจักรที่แท้จริง พวกเขาก็จะถูกอำนาจที่กระทำการอัศจรรย์นี้หลอกอย่างง่ายดาย ส่วนชาวโปรเตสแตนต์เมื่อละทิ้งความจริงซึ่งเป็นโล่กำบังไปแล้วก็จะถูกหลอกลวงไปด้วย บรรดาผู้นิยมระบอบเปปาซี ชาวโปรเตสแตนต์ทั้งหลายและชาวโลกจะยอมรับรูปแบบของศาสนาที่ปราศจากอำนาจ พวกเขาจะเห็นขบวนการยิ่งใหญ่ของการร่วมมือกันครั้งนี้จะนำโลกให้กลับใจและเปิดทางนำไปสู่ยุคพันปีที่ทุกคนรอคอยมาเนิ่นนาน {GC 588.3}GCth17 513.4
โดยทางลัทธิทรงวิญญาณ ซาตานจะปรากฏตัวเสมือนหนึ่งเป็นผู้อุปถัมภ์ปวงมนุษยชาติ จะรักษาโรคต่างๆ ของประชาชนและจะแอบอ้างนำเสนอระบบความเชื่อทางศาสนาที่ใหม่และสูงส่งกว่า แต่ในเวลาเดียวกันมันทำงานเป็นผู้ทำลายด้วย การทดลองของมันนำคนมากมายไปสู่ความพินาศ การไม่บังคับตนเองเข้าครอบครองแทนที่ความมีเหตุมีผล ส่งผลให้เกิดการปล่อยตัวไปตามกามารมณ์ การต่อสู้และการนองเลือด ซาตานชื่นชอบการทำสงคราม เพราะสงครามจะกระตุ้นตัณหาที่ต่ำช้าที่สุดของจิตวิญญาณแล้วกวาดล้างเหยื่อของสงครามให้จมดิ่งลงสู่ความชั่วร้ายและการนองเลือดไปตลอดนิจนิรันดร์ เป้าหมายของมันคือยุยงให้ประชาชาติต่างๆ สู้รบกันเอง เพราะโดยวิธีนี้มันเบี่ยงเบนจิตใจของประชาชนออกไปจากงานของการเตรียมตัวเพื่อยืนหยัดในวันของพระเจ้า {GC 589.1}GCth17 514.1
ซาตานทำทุกวิถีทางเพื่อเก็บรวบรวมจิตวิญญาณที่ไม่ได้เตรียมพร้อม มันศึกษาความล้ำลึกของห้องปฏิบัติการทางธรรมชาติและใช้อำนาจทั้งหมดของมันบังคับธาตุทั้งหลายเท่าที่พระเจ้าทรงอนุญาต เมื่อมันได้รับอนุญาตให้นำความทุกข์โหมเข้าใส่โยบนั้น ฝูงสัตว์ต่างๆ บรรดาคนใช้ บ้าน และลูกๆ ก็ถูกกวาดไปจนหมดสิ้นอย่างรวดเร็วเพียงไร ความทุกข์แล้วความทุกข์เล่าโหมกระหน่ำลงมาติดต่อกันในชั่วพริบตาเดียว พระเจ้าทรงเป็นผู้ปกป้องสิ่งมีชีวิตทั้งปวงที่พระองค์ทรงสร้างและทรงล้อมรอบเขาให้พ้นจากอำนาจของผู้ทำลาย แต่โลกคริสเตียนแสดงออกถึงการดูแคลนธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงกระทำสิ่งที่ทรงประกาศไว้คือ พระองค์จะทรงถอนคืนพระพรของพระองค์ออกไปจากโลกและนำการพิทักษ์รักษาของพระองค์ออกไปจากผู้ที่ต่อต้านธรรมบัญญัติของพระองค์ รวมถึงผู้ที่สอนและบังคับผู้อื่นให้ทำสิ่งเดียวกับพวกเขาด้วย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันซาตานกำกับจัดการทุกคนที่พระเจ้าไม่ได้ทรงปกป้องไว้เป็นพิเศษ มันจะแสดงความมีมิตรไมตรีกับบางคนและนำความร่ำรวยมาให้ ทั้งนี้เพื่อสานต่อแผนการที่มันจัดวางไว้ และมันจะนำความทุกข์ยากมายังคนอื่นๆ และนำมนุษย์ให้เชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้ที่ทำให้พวกเขาเกิดความทุกข์ยากนั้น {GC 589.2}GCth17 514.2
ในขณะที่ซาตานแสดงตนว่าเป็นแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บทั้งหมดของบุตรทั้งหลายของมนุษย์ มันจะนำโรคภัยและหายนะเข้ามาจนเมืองต่างๆ ที่มีผู้คนอาศัยอย่างหนาแน่นลดจำนวนลงจนเหลือแต่เพียงซากและความอ้างว้าง แม้แต่ในเวลานี้มันก็ยังทำงานของมันอยู่ ซาตานกำลังแผลงฤทธิ์อำนาจของมันในทุกๆ ที่และในรูปแบบนับพัน ในอุบัติเหตุและหายนะทางทะเลและทางบก ในไฟไหม้ยิ่งใหญ่ ในพายุโทนาโดรุนแรง และพายุลูกเห็บที่โหดร้าย ในลมพายุ น้ำท่วม พายุหมุน คลื่นใต้ทะเล และแผ่นดินไหวต่างๆ มันกวาดพืชผลที่กำลังจะเก็บเกี่ยวทิ้งไปแล้วการกันดารอาหารและความทุกข์ลำบากก็ตามมา มันทำให้อากาศมีกลิ่นไอแห่งความตายและคนนับพันๆ ก็พินาศด้วยโรคระบาด สิ่งเหล่านี้จะเกิดบ่อยขึ้นและรุนแรงมากยิ่งขึ้น การทำลายจะเกิดขึ้นกับทั้งคนและสัตว์ “โลกจะคร่ำครวญและเหี่ยวเฉาไป” “คนสูงศักดิ์ของโลกก็โรยรา โลกเป็นมลทินเนื่องด้วยผู้อาศัยของมัน เพราะเขาทั้งหลายละเมิดธรรมบัญญัติ ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์และหักทำลายพันธสัญญานิรันดร์นั้น” อิสยาห์ 24:4, 5 {GC 589.3}GCth17 514.3
แล้วจอมหลอกลวงจะทำให้คนทั้งหลายเชื่อว่าบรรดาผู้ที่รับใช้พระเจ้าเป็นต้นเหตุของความชั่วทั้งหลายเหล่านี้ กลุ่มที่ก่อความไม่พอใจให้กับสวรรค์จะโยนความทุกข์ทั้งหมดเข้าใส่ผู้ที่เชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้า เพราะการเชื่อฟังของพวกเขาตำหนิผู้ล่วงละเมิดอยู่อย่างต่อเนื่อง จะมีการประกาศออกมาว่ามนุษย์กำลังทำผิดต่อพระเจ้าด้วยการล่วงละเมิดวันสะบาโตวันอาทิตย์ ว่าบาปนี้นำความทุกข์ลำบากต่างๆ เข้ามาซึ่งจะไม่สิ้นสุดลงจนกว่าจะมีการบังคับให้ถือรักษาวันอาทิตย์อย่างเคร่งครัด และว่าผู้ที่ประกาศเกี่ยวกับการถือรักษาพระบัญญัติข้อที่สี่กำลังทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของวันอาทิตย์และเป็นผู้ก่อความยากลำบากให้แก่คนทั้งหลาย อีกทั้งยังขวางกั้นการได้รับความพอพระทัยจากพระเจ้ารวมทั้งความมั่งคั่งในโลกนี้ที่จะได้รับกลับคืนมาของพวกเขา ด้วยประการฉะนี้ การกล่าวหาผู้รับใช้ของพระเจ้าที่เคยเกิดขึ้นในอดีตจะเกิดขึ้นอีกครั้งและเกิดขึ้นด้วยข้อกล่าวหาที่เหมือนกัน “และต่อมา เมื่ออาหับทอดพระเนตรเห็นเอลียาห์ อาหับก็ตรัสกับท่านว่า ‘เจ้านี่เองหรือ ผู้ทำความลำบากให้อิสราเอล’ และท่านจึงทูลว่า ‘ข้าพระบาทไม่ได้ทำความลำบากแก่อิสราเอล แต่ฝ่าพระบาทและราชวงศ์บิดาของฝ่าพระบาทต่างหากได้ทรงกระทำ เพราะพวกฝ่าพระบาทได้ทอดทิ้งพระบัญญัติของพระยาห์เวห์และติดตามบรรดาพระบาอัล’” 1 พงษ์กษัตริย์ 18:17, 18 เมื่อคำกล่าวหาเท็จกระตุ้นคนทั้งหลายให้โกรธ พวกเขาจะดำเนินการต่อผู้แทนของพระเจ้าด้วยวิธีการที่คล้ายคลึงกับที่ชาวอิสราเอลผู้ละทิ้งพระเจ้าเคยกระทำต่อเอลียาห์ {GC 590.1}GCth17 515.1
อำนาจการทำการอัศจรรย์ของลัทธิทรงวิญญาณจะส่งอิทธิพลออกมาต่อต้านผู้ที่ปฏิบัติตามพระเจ้ามากกว่าทำตามมนุษย์ ผู้ที่ติดต่อกับวิญญาณจะประกาศว่าพระเจ้าทรงส่งพวกเขามาเพื่อทำให้ผู้ที่ปฏิเสธวันอาทิตย์สำนึกถึงความผิดของพวกเขาเองและยังย้ำว่าควรจะเชื่อฟังกฎหมายของบ้านเมืองให้เสมอเหมือนกฎบัญญัติของพระเจ้า ผู้คนจะเศร้าใจกับความชั่วช้าอย่างใหญ่หลวงที่มีในโลกและเห็นพ้องกับคำพยานของครูสอนศาสนาว่า สภาพความเลวร้ายทางศีลธรรมมีสาเหตุมาจากการทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของวันอาทิตย์ ทุกคนที่ปฏิเสธไม่ยอมรับคำพยานของพวกเขาจะเป็นที่ชิงชังอย่างใหญ่หลวง {GC 590.2}GCth17 515.2
นโยบายในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของซาตานกับประชากรของพระเจ้าก็ยังคงเหมือนกับนโยบายที่มันใช้เปิดฉากการต่อสู้ยิ่งใหญ่ในสวรรค์ มันแสดงตนว่ามันกำลังพยายามสนับสนุนการปกครองของพระเจ้าให้มั่นคง ในขณะที่มันกำลังกระทำการอย่างลับๆ พยายามหาทุกโอกาสเพื่อที่จะคว่ำการปกครอง และงานที่มันทำด้วยความมุ่งมั่นเพื่อที่จะให้สำเร็จนี้มันกลับนำมาใส่ความกล่าวหาทูตสวรรค์ที่ซื่อสัตย์ นโยบายการหลอกลวงเดียวกันนี้ถูกจารึกในประวัติศาสตร์ของคริสตจักรโรมัน คริสตจักรนี้แสดงตนว่าเป็นตัวแทนของสวรรค์แต่ในขณะเดียวกันก็พยายามยกตนเองขึ้นเหนือพระเจ้าและเปลี่ยนแปลงธรรมบัญญัติของพระองค์ ภายใต้การปกครองของโรมนั้น ผู้ที่ต้องทนทุกข์ด้วยความตายภายใต้การปกครองของโรมเพราะความจงรักภักดีต่อข่าวประเสริฐกลับถูกประณามว่าเป็นคนชั่ว พวกเขาถูกกล่าวหาว่าเป็นพันธมิตรกับซาตานและถูกตำหนิในทุกวิถีทางเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อให้พวกเขากลายเป็นอาชญากรที่เลวที่สุดในสายตาของประชาชนและแม้แต่ในสายตาของพวกเขาเองด้วย บัดนี้ก็จะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน ในขณะที่ซาตานคอยหาทางทำลายผู้ที่ถวายเกียรติแด่ธรรมบัญญัติของพระเจ้า มันจะทำให้พวกเขาถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ทำผิดกฎหมาย เป็นคนที่หลู่เกียรติพระเจ้า และเป็นผู้นำการพิพากษามายังโลก {GC 591.1}GCth17 515.3
พระเจ้าไม่ทรงเคยบังคับจิตใจหรือมโนธรรม แต่ซาตานพยายามบังคับโดยใช้ความโหดเหี้ยมเพื่อควบคุมคนทั้งหลายที่มันไม่อาจล่อลวงให้ทำผิดด้วยวิธีการอื่น มันจะใช้ความกลัวหรือการบังคับเพื่อควบคุมจิตใต้สำนึกและสร้างความจงรักภักดีให้กับตัวของมันเอง เพื่อกระทำการเรื่องนี้ให้สำเร็จ มันทำงานผ่านผู้มีอำนาจทั้งทางฝ่ายศาสนาและทางฝ่ายโลกโดยเร่งเร้าพวกเขาให้ตรากฎหมายของมนุษย์มาบังคับท้าทายธรรมบัญญัติของพระเจ้า {GC 591.2}GCth17 515.4
ผู้ที่ถวายเกียรติวันสะบาโตของพระคัมภีร์จะถูกปรักปรำว่าเป็นศัตรูของกฎและระเบียบ เป็นผู้ทำลายกรอบศีลธรรมของสังคม ทำให้เกิดความวุ่นวายและความเสื่อมทราม และนำการพิพากษาของพระเจ้าลงมาสู่โลกนี้ ความเคร่งครัดทางศาสนาของพวกเขาจะถูกตรา[/วินิจฉัย]ว่าดันทุรัง ดื้อรั้น และดูแคลนอำนาจการปกครอง พวกเขาจะถูกกล่าวหาว่าไม่ภักดีต่อรัฐบาล อาจารย์ทั้งหลายที่ปฏิเสธข้อกำหนดในธรรมบัญญัติของพระเจ้าจะเทศนาจากธรรมาสน์ถึงหน้าที่ที่จะต้องเชื่อฟังอำนาจรัฐว่าเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงเจิมไว้ ส่วนในสภานิติบัญญัติและในศาลยุติธรรม ผู้ที่ถือรักษาพระบัญญัติจะถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรมและถูกลงโทษ คำพูดของพวกเขาจะถูกป้ายสีอย่างผิดๆ ความตั้งใจของพวกเขาจะถูกกล่าวหาอย่างเลวร้ายที่สุด {GC 592.1}GCth17 516.1
ในขณะที่คริสตจักรโปรเตสแตนต์ปฏิเสธเหตุผลที่ชัดเจนในพระคัมภีร์ซึ่งแสดงหลักฐานของการปกป้องธรรมบัญญัติของพระเจ้า พวกเขาอยากจะปิดปากของผู้ที่พวกเขาไม่อาจเอาพระคัมภีร์ไปล้มล้างความเชื่อได้ ถึงแม้พวกเขาจะปิดตาตนเองไม่ยอมดูข้อเท็จจริงก็ตาม พวกเขากำลังปรับตนเพื่อนำไปสู่การกดขี่ข่มเหงผู้ที่ตั้งมั่นปฏิเสธไม่ยอมทำในสิ่งที่โลกคริสเตียนทั่วไปกำลังทำกันอยู่และยอมรับคำกล่าวอ้างสิทธิของวันสะบาโตของระบอบเปปาซี {GC 592.2}GCth17 516.2
ผู้ที่มีตำแหน่งสูงในคริสตจักรและในรัฐบาลจะร่วมกันให้สินบน ชักชวนหรือบังคับคนทุกชนชั้นให้ถวายเกียรติแก่วันอาทิตย์ อำนาจของพระเจ้าที่ขาดหายไปจะถูกแต่งเติมด้วยการตรากฎหมายที่กดขี่ ความเลวร้ายทางการเมืองกำลังทำลายความรัก ความยุติธรรมและการเคารพความจริง และแม้แต่ในประเทศสหรัฐอเมริกาที่เป็นประเทศเสรี พวกผู้มีอำนาจในการปกครองและสมาชิกสภานิติบัญญัติจะตรากฎหมายบังคับการถือรักษาวันอาทิตย์ตามที่ผู้คนเรียกร้องเพื่อคงความนิยมจากประชาชน เสรีภาพทางความนึกคิดซึ่งได้มาด้วยการเสียสละอันมีค่านั้นจะไม่ได้รับการนับถืออีกต่อไป ในความขัดแย้งที่กำลังจะมาถึง เราจะเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามที่ผู้เผยพระวจนะกล่าวไว้ว่า “พญานาคโกรธแค้นหญิงนั้น มันจึงออกไปทำสงครามกับพงศ์พันธุ์ที่เหลืออยู่ของนาง คือคนทั้งหลายที่รักษาพระบัญญัติของพระเจ้าและยึดถือคำพยานของพระเยซู” วิวรณ์ 12:17 {GC 592.3}GCth17 516.3