บท 39 - เวลาแห่งความทุกข์ยาก
- อารัมภบท
- บทนำของคณะผู้จัดพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษ
- คำนำของผู้ประพันธ์
- บท 1 - ความพินาศของกรุงเยรูซาเล็ม
- บท 2 - การกดขี่ข่มเหงในศตวรรษต้นๆ
- บท 3 - ยุคมืดทางจิตวิญญาณ
- บท 4 - ชาววอลเดนซิส
- บท 5 - ยอห์น ไวคลิฟ
- บท 6 - ฮัสและเจอโรมี
- บท 7 - ลูเธอร์ตีตัวออกห่างจากโรม
- บท 8 - ลูเธอร์รายงานตัวต่อสภา
- บท 9 - นักปฏิรูปศาสนาชาวสวิส
- บท 10 - ความก้าวหน้าของการปฏิรูปในประเทศเยอรมนี
- บท 11 - การประท้วงของเจ้าครองแคว้นต่างๆ
- บท 12 - การปฏิรูปศาสนาในประเทศฝรั่งเศส
- บท 13 - ประเทศเนเธอร์แลนด์และแถบสแกนดิเนเวีย
- บท 14 - นักปฏิรูปศาสนาชาวอังกฤษรุ่นหลัง
- บท 15 - พระคัมภีร์กับการปฏิวัติในประเทศฝรั่งเศส
- บท 16 - บรรพบุรุษที่เป็นพิลกริม
- บท 17 - ผู้ประกาศข่าวของรุ่งอรุณ
- บท 18 -นักปฏิรูปชาวอเมริกันท่านหนึ่ง
- บท 19 - ความสว่างส่องเข้าไปในที่มืด
- บท 20 - การตื่นตัวครั้งยิ่งใหญ่ฝ่ายศาสนา
- บท 21 - คำเตือนที่ถูกปฏิเสธ
- บท 22 - เหตุการณ์เกิดขึ้นตามคำพยากรณ์
- บท 23 - สถานนมัสการคืออะไร
- บท 24 - อภิสุทธิสถาน
- บท 25 - พระบัญญัติของพระเจ้าเปลี่ยนแปลงไม่ได้
- บท 26 - ภารกิจหนึ่งของการปฏิรูป
- บท 27 - การฟื้นฟูยุคใหม่
- บท 28 - เผชิญหน้ากับหนังสือบันทึกแห่งชีวิต
- บท 29 - จุดเริ่มต้นของความชั่ว
- บท 30 - มนุษย์และซาตานเป็นศัตรูกัน
- บท 31 - สื่อวิญญาณชั่ว
- บท 32 - กับดักของซาตาน
- บท 33 - การหลอกลวงยิ่งใหญ่ครั้งแรก
- บท 34 - คนตายติดต่อกับเราได้หรือ
- บท 35 - เสรีภาพของจิตสำนึกถูกคุกคาม
- บท 36 - การขัดแย้งที่กำลังจะเกิดขึ้น
- บท 37 - พระคัมภีร์เป็นโล่ป้องกัน
- บท 38 - คำเตือนสุดท้าย
- บท 39 - เวลาแห่งความทุกข์ยาก
- บท 40 - ประชากรของพระเจ้าได้รับการช่วยกู้
- บท 41 - โลกร้างอ้างว้าง
- บท 42 - ความขัดแย้งสิ้นสุดแล้ว
Search Results
- Results
- Related
- Featured
- Weighted Relevancy
- Content Sequence
- Relevancy
- Earliest First
- Latest First
- Exact Match First, Root Words Second
- Exact word match
- Root word match
- EGW Collections
- All collections
- Lifetime Works (1845-1917)
- Compilations (1918-present)
- Adventist Pioneer Library
- My Bible
- Dictionary
- Reference
- Short
- Long
- Paragraph
No results.
EGW Extras
Directory
บท 39 - เวลาแห่งความทุกข์ยาก
“ในครั้งนั้น มีคาเอล เจ้าผู้ครอบครองยิ่งใหญ่ ผู้คุ้มกันชนชาติของท่านจะลุกขึ้น และจะมีเวลายากลำบากอย่างไม่เคยมีมาตั้งแต่ครั้งมีประชาชาติจนถึงสมัยนั้น แต่ในครั้งนั้นชนชาติของท่านจะได้รับการช่วยกู้คือทุกคนที่มีชื่อบันทึกไว้ในหนังสือ” ดาเนียล 12:1 {GC 613.1}GCth17 531.1
เมื่อการประกาศข่าวของทูตสวรรค์องค์ที่สามสิ้นสุดลง พระเมตตาคุณจะไม่อ้อนวอนเผื่อสำหรับผู้ที่ทำผิดซึ่งอยู่ในโลกนี้อีกต่อไป ผู้รับใช้ของพระเจ้าทำหน้าที่สำเร็จแล้ว พวกเขาได้รับ “ฝนชุกปลายฤดู” “วาระพักผ่อนหย่อนใจจากพระพักตร์พระเจ้า” กิจการ 3:19 TBS1971 และพวกเขาก็เตรียมตัวพร้อมสำหรับเวลาแห่งการทดสอบที่อยู่เบื้องหน้า ทูตสวรรค์ไปและมาในสวรรค์อย่างเร่งรีบ ทูตสวรรค์องค์หนึ่งที่กลับมาจากโลกประกาศว่างานของเขาทำสำเร็จแล้ว การทดสอบครั้งสุดท้ายได้ถูกนำมาให้แก่โลกแล้วและทุกคนที่พิสูจน์ว่าตนเองซื่อสัตย์ต่อข้อกำหนดของพระเจ้าต่างได้รับ “ตราประทับของพระเจ้าผู้ทรงชนม์” แล้ว จากนั้นพระเยซูทรงยุติการอุทธรณ์ของพระองค์ในสถานนมัสการบนสวรรค์ พระองค์ทรงชูพระหัตถ์ขึ้นและตรัสด้วยเสียงอันดังว่า “สำเร็จแล้ว” และทูตสวรรค์ทั้งหมดถอดมงกุฎวางลงขณะที่พระองค์ทรงประกาศอย่างเคร่งขรึมว่า “จงให้คนอธรรมประพฤติการอธรรมต่อไป จงให้คนโสมมประพฤติการโสมมต่อไป จงให้คนชอบธรรมทำการชอบธรรมต่อไปและจงให้คนบริสุทธิ์เป็นคนบริสุทธิ์ต่อไป” วิวรณ์ 22:11 ทุกคดีผ่านการตัดสินแล้วว่าจะได้รับชีวิตหรือรับความตาย พระคริสต์ทรงลบมลทิลบาปเพื่อประชากรของพระองค์และทรงลบบาปทั้งหลายของพวกเขาทิ้งไปแล้ว จำนวนประชากรของพระองค์นั้นถูกกำหนดไว้แล้ว “ราชอาณาจักรกับราชอำนาจและความยิ่งใหญ่แห่งบรรดาราชอาณาจักรภายใต้สวรรค์ทั้งสิ้น” ดาเนียล 7:27 กำลังจะถูกมอบให้กับบรรดาทายาทที่ได้รับความรอด และพระเยซูจะได้รับการสถาปนาขึ้นเพื่อทรงครอบครองในฐานะที่ทรงเป็น “กษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลายและเจ้านายทั้งหลาย” วิวรณ์ 19:16 {GC 613.2} GCth17 531.2
เมื่อพระองค์เสด็จออกจากสถานนมัสการนั้น ความมืดก็ปกคลุมผู้คนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินโลก ในช่วงเวลาที่น่ากลัวนั้น คนชอบธรรมจะต้องดำรงชีวิตในสายพระเนตรของพระเจ้าผู้บริสุทธิ์โดยปราศจากผู้อุทธรณ์ การควบคุมคนชั่วจะไม่มีอีกต่อไปและ ผู้ที่ไม่สำนึกผิดในท้ายที่สุดจะไปอยู่ภายใต้การควบคุมของซาตานโดยสิ้นเชิง ความอดกลั้นพระทัยนานของพระเจ้าสิ้นสุดลง โลกนี้ปฏิเสธพระเมตตาคุณของพระองค์ ดูแคลนความรักของพระองค์และเหยียบย่ำธรรมบัญญัติของพระองค์ คนชั่วก้าวข้ามขอบเขตของเวลาแห่งพระกรุณาธิคุณของพวกเขาไปแล้ว พระวิญญาณของพระเจ้าที่พวกเขาต่อต้านอย่างดื้อด้านจึงถูกถอนออกไปในที่สุด พวกเขาไม่มีพระคุณของพระเจ้าที่คอยคุ้มกันจึงไม่ได้รับการปกป้องจากเหล่าผู้ที่ชั่วร้าย หลังจากนั้นซาตานจะกวาดล้างผู้ที่อาศัยอยู่ในโลกให้ลงไปสู่ความทุกข์ยากลำบากแสนสาหัสครั้งสุดท้าย ในขณะที่ทูตสวรรค์ของพระเจ้ายุติที่จะยับยั้งพายุร้ายแห่งตัณหาของมนุษย์นั้น องค์ประกอบหลักทั้งหมดของความขัดแย้งอย่างรุนแรงจะถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ ทั่วทั้งโลกจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับหายนะซึ่งร้ายแรงยิ่งกว่าความพินาศที่เกิดกับกรุงเยรูซาเล็มในสมัยโบราณ {GC 614.1}GCth17 532.1
ทูตสวรรค์เพียงองค์เดียวทำลายบุตรหัวปีทุกคนของคนอียิปต์ และทำให้แผ่นดินทั้งหมดตกอยู่ในความเศร้าโศก เมื่อกษัตริย์ดาวิดทรงทำให้พระเจ้าไม่ทรงพอพระทัยด้วยการนับจำนวนประชากรของพระองค์ ทูตสวรรค์เพียงองค์เดียวนำการทำลายที่น่ากลัวเพื่อลงโทษบาปของพระองค์ อำนาจแห่งการทำลายที่ทูตสวรรค์บริสุทธิ์ลงมือทำการเมื่อพระเจ้าทรงบัญชาจะเป็นอำนาจเดียวกันกับที่ทูตชั่วนำไปใช้เมื่อพระองค์ทรงอนุญาต บัดนี้ มีกองกำลังที่เตรียมพร้อมเพื่อกระจายหายนะไปทุกแห่งหนแล้ว เหลือเพียงแต่รอให้พระเจ้าทรงอนุญาตเท่านั้น {GC 614.2}GCth17 532.2
ผู้ที่ให้เกียรติยกย่องพระบัญญัติของพระเจ้าจะถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้นำการพิพากษาของพระเจ้าลงมายังโลก และพวกเขาจะถูกตราว่าเป็นต้นเหตุของความปั่นป่วนน่ากลัวที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ และการต่อสู้ และการนองเลือดที่เกิดขึ้นในท่ามกลางมนุษย์ซึ่งทำให้โลกนี้เต็มล้นไปด้วยความทุกข์โศก พลังอำนาจที่อยู่กับคำเตือนสุดท้ายนี้ทำให้คนชั่วเดือดดาล ความโกรธของพวกเขาจะระเบิดใส่ทุกคนที่รับข่าวสาร และซาตานจะปลุกปั่นให้จิตใจมีความเกลียดชังและการกดขี่ข่มเหงที่รุนแรงยิ่งขึ้น {GC 614.3}GCth17 532.3
เมื่อในที่สุดพระเจ้าไม่ได้สถิตร่วมอยู่กับชนชาติยิวอีกต่อไป พวกปุโรหิตและประชาชนทั้งหลายไม่รู้ ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ภายใต้การควบคุมของซาตานและถูกตัณหาเลวทรามร้ายกาจซัดเซไปมาก็ตาม พวกเขาก็ยังถือว่าตนเองยังเป็นประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกไว้ การประกอบพิธีในพระวิหารยังคงดำเนินต่อไป พวกเขายังคงถวายเครื่องบูชาบนแท่นบูชาที่เปรอะเปื้อน และทุกวันปุโรหิตอธิษฐานให้พระเจ้าทรงอวยพรประชาชนผู้ซึ่งทำผิดด้วยการทำให้พระโลหิตของพระบุตรที่รักของพระองค์ตกและยังหาทางฆ่าผู้รับใช้ทั้งหลายรวมถึงบรรดาอัครทูตของพระองค์ ดังนั้นเมื่อคำตัดสินที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้นี้ถูกประกาศออกมาจากสถานนมัสการและชะตากรรมของโลกถูกกำหนดไว้ตลอดนิรันดรแล้วนั้น ผู้ที่อาศัยอยู่ในโลกจะไม่รู้ คนเหล่านั้นที่พระเจ้าทรงถอนพระวิญญาณของพระองค์คืนในที่สุดก็ยังคงปฏิบัติศาสนาที่เป็นแต่เพียงพิธีกรรมต่อไป และความร้อนรนในรูปแบบซาตานที่เจ้าชายแห่งความชั่วจะดลบันดาลพวกเขาเพื่อความสำเร็จของแผนการชั่วร้ายของมันจะมีรูปแบบคล้ายคลึงกับความร้อนร้นที่มีให้กับพระเจ้า {GC 615.1}GCth17 533.1
ในขณะที่วันสะบาโตกลายเป็นประเด็นพิเศษของความขัดแย้งไปทั่วทั้งคริสตอาณาจักร และผู้มีอำนาจฝ่ายศาสนาและฝ่ายโลกจับมือร่วมกันเพื่อบังคับให้ทุกคนถือรักษาวันอาทิตย์นั้น ชนคนกลุ่มน้อยที่ยืนกรานปฏิเสธไม่ยอมทำตามคำสั่งที่ผู้คนส่วนมากทำกันจะทำให้พวกเขาเป็นเป้าหมายของการประณามรุนแรงอย่างกว้างขวาง จะมีการเร่งเร้าว่าคนส่วนน้อยที่ยืนกรานต่อต้านข้อกำหนดของคริสตจักรและกฎหมายของรัฐไม่ควรถูกปล่อยไป ให้พวกเขารับทุกข์ดีกว่าปล่อยให้ทั้งประเทศตกลงสู่ความสับสนและการไร้กฎหมาย เมื่อกว่า 1800 ปีที่แล้ว “ผู้ครอบครองพลเมืองและพวกผู้ใหญ่ทั้งหลาย” ใช้ข้อกล่าวหาเดียวกันนี้โหมกระหน่ำใส่พระคริสต์ คายาฟาสเจ้าเล่ห์กล่าวว่า “เป็นการดีสำหรับพวกท่านที่จะมีคนหนึ่งตายเพื่อประชาชนแทนที่จะให้คนทั้งชาติต้องพินาศ” ยอห์น 11:50 ดูเสมือนหนึ่งว่าข้อกล่าวหานี้เป็นข้อสรุปของเรื่องทั้งหมด และในที่สุดกฎหมายลงโทษผู้ที่ถือรักษาวันสะบาโตของพระบัญญัติข้อที่สี่ให้บริสุทธิ์จะถูกตราขึ้นมา พวกเขาจะถูกประณามว่าเป็นผู้ที่สมควรได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง และหลังจากช่วงเวลาหนึ่งผ่านไป ประชาชนจะได้รับอิสระเสรีที่จะฆ่าพวกเขา ลัทธิโรมันในสมัยโลกเก่าและโปรเตสแตนต์ที่ละทิ้งความเชื่อในโลกสมัยใหม่จะปฏิบัติในแบบเดียวกันต่อคนทั้งหลายที่ถือรักษาบทบัญญัติทุกข้อของพระเจ้า {GC 615.2}GCth17 533.2
ประชากรของพระเจ้าจะถูกผลักเข้าไปสู่เหตุการณ์แห่งความลำบากและความทุกข์ยากตามที่ผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าบรรยายไว้ว่าเป็นเวลาทุกข์ใจของยาโคบ “ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า เราได้ยินเสียงร้องเพราะความกลัว ความสยดสยองและความไร้สันติภาพ …..หน้าตาทุกคนจึงซีดไป อนิจจาเอ๋ย วันนั้นใหญ่โตเหลือเกิน ไม่มีวันใดเหมือนเป็นเวลาทุกข์ใจของยาโคบ แต่เขาก็ยังจะรอดวันนั้นไปได้” เยเรมีย์ 30:5-7 {GC 616.1}GCth17 534.1
การปล้ำสู้ของยาโคบด้วยการอธิษฐานในยามค่ำคืนแห่งความทุกข์ยากเพื่อขอความช่วยเหลือให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของเอซาว (ปฐมกาล 32:24-30) เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงประสบการณ์ของประชากรของพระเจ้าในเวลาแห่งความทุกข์ยาก เป็นเพราะการหลอกลวงเพื่อแย่งชิงพรจากบิดาที่ควรให้กับเอซาว ยาโคบจึงต้องหนีเอาชีวิตรอดเมื่อพี่ชายของเขาขู่จะฆ่าเขา ภายหลังจากที่อยู่ในสภาพคนหนีภัยเป็นเวลาหลายปี ยาโคบได้ออกเดินทางตามพระบัญชาของพระเจ้าพร้อมกับภรรยาและลูกๆ และฝูงสัตว์เลี้ยงเพื่อมุ่งหน้ากลับไปยังบ้านเกิด เมื่อเขามาถึงชายแดน เขาเกิดกลัวขึ้นมาเมื่อได้ข่าวว่าเอซาวกำลังเดินทางมาหาเขาพร้อมด้วยหมู่นักรบจำนวนมาก ไม่ต้องสงสัยเลยว่า คงจะมาแก้แค้น คณะที่เดินทางมากับยาโคบไม่มีอาวุธติดมือและป้องกันตัวเองไม่ได้ ดูประหนึ่งว่าคงจะต้องตกเป็นเหยื่อความรุนแรงและคงถูกฆ่าอย่างไม่อาจปกป้องตนเองได้ และนอกเหนือจากภาระของความกังวลและความกลัวแล้ว เขายังถูกทับถมเพิ่มให้หนักขึ้นด้วยความทุกข์ของการตำหนิตัวเอง เป็นเพราะบาปของเขาเองที่นำอันตรายนี้มา ความหวังเดียวของเขาคือพระเมตตาคุณของพระเจ้า การอธิษฐานเป็นสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะปกป้องเขา แต่กระนั้น เขาทำทุกสิ่งที่ตัวเขาเองต้องทำเพื่อแก้ไขความผิดที่เขาทำไว้กับพี่ชายและหลีกเลี่ยงภัยอันตรายที่คุกคามเข้ามา ผู้ติดตามของพระคริสต์จะทำสิ่งที่คล้ายคลึงกันนี้ด้วยเช่นกัน เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้เวลาแห่งความทุกข์ยาก พวกเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อจัดวางตัวเองให้อยู่ภายใต้แสงสว่างที่เหมาะสมต่อหน้าคนทั้งหลายเพื่อปลดเปลื้องอคติและหันเหภัยอันตรายที่คุกคามต่อเสรีภาพของสามัญสำนึก {GC 616.2}GCth17 534.2
เมื่อยาโคบส่งคนในครอบครัวให้ออกเดินทางไปล่วงหน้าเพื่อไม่ให้ใครได้เห็นความระทมทุกข์ของเขาแล้ว เขาก็เข้าเฝ้าอ้อนวอนพระเจ้าตามลำพัง เขาสารภาพบาปของเขาและยอมรับพระเมตตาคุณของพระเจ้าที่มีต่อเขาด้วยความขอบคุณ ด้วยความถ่อมตัวลงอย่างสุดซึ้ง เขาร้องทูลขอพันธสัญญาที่พระเจ้าทำไว้กับบรรพบุรุษและพระสัญญาที่พระองค์ประทานให้แก่เขาในนิมิตของยามค่ำคืนที่เบธเอลและในดินแดนที่เขาลี้ภัย วิกฤตในชีวิตของเขามาถึงแล้ว ทุกสิ่งตกอยู่ในอันตราย ในความมืดมิดและความโดดเดี่ยวนั้น เขายังคงอธิษฐานและถ่อมตัวลงต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้าต่อไป ทันใดนั้น มีมือหนึ่งวางบนบ่าของเขา เขาคิดว่าศัตรูกำลังมุ่งหวังเอาชีวิตของเขา และเขาปล้ำสู้กับผู้ที่มาจู่โจมเขาด้วยพลังแห่งความสิ้นหวังทั้งหมด เมื่อวันใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ชายแปลกหน้ายื่นมือออกไปแตะด้วยกำลังเหนือธรรมชาติของมนุษย์ ชายที่แข็งแรงรู้สึกราวกับว่าตนเองเป็นอัมพาต และเขาก็ล้มลง ช่วยตนเองไม่ได้ ร้องไห้อ้อนวอนซบหน้าลงที่บริเวณคอของคู่ต่อสู้ลึกลับ บัดนี้ยาโคบทราบดีว่าบุคคลที่เขาต่อสู้อยู่นั้นเป็นทูตแห่งพันธสัญญา ถึงแม้เขาจะพิการและได้รับความเจ็บปวดอันแสนสาหัส แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยเป้าหมายของเขาไป นานแล้วที่เขาต้องทนอยู่กับความสับสน ความเศร้าเสียใจและความกังวลใจต่อบาปของเขา บัดนี้เขาจะต้องได้รับความมั่นใจว่าเขาได้รับการอภัยบาปแล้ว ดูเหมือนว่า อาคันตุกะจากพระเจ้ากำลังจะจากไป แต่ยาโคบกอดยึดทูตองค์นั้นไว้แน่น ทูลขอพระพร ทูตองค์นั้นร้องขอว่า “ปล่อยเราไปเถอะ เพราะใกล้สว่างแล้ว” แต่บรรพบุรุษร้องอุทานขึ้นว่า “ข้าพเจ้าไม่ยอมให้ท่านไป นอกจากท่านจะอวยพรแก่ข้าพเจ้า” สิ่งที่แสดงออกมาให้เห็นนี้ เป็นความมั่นใจที่หนักแน่นและพากเพียรเพียงไร หากคำร้องทูลนี้เป็นคำพูดที่โอ้อวดและแอบอ้าง ยาโคบคงถูกทำลายไปในพริบตาเดียว แต่การทูลขอของเขานั้นเป็นความมั่นใจของคนที่สารภาพถึงความอ่อนแอและความไม่คู่ควรของเขา แต่ยังคงวางใจในพระเมตตาของพระเจ้าผู้ทรงรักษาพระสัญญาของพระองค์ {GC 616.3}GCth17 534.3
“เขาสู้กับทูตสวรรค์และมีชัย” โฮเชยา 12:4 ด้วยการถ่อมตน การกลับใจใหม่และการถวายตัวคนบาปที่ต้องตายผู้นี้จึงเอาชนะพระผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ได้ เขายึดมั่นในพระสัญญาของพระเจ้าด้วยมืออันสั่นเทา และพระทัยแห่งรักของพระองค์ไม่อาจหันหลังให้กับคำอ้อนวอนของคนบาป เพื่อเป็นหลักฐานแห่งชัยชนะและเป็นการหนุนใจให้ผู้อื่นทำตามแบบอย่างของเขาชื่อของเขาที่คอยเตือนถึงบาปของเขาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อที่เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะของเขาทั้งนี้ จากความจริงที่ว่ายาโคบมีชัยเหนือพระเจ้า เขาก็จะได้รับความมั่นใจว่าจะมีชัยชนะเหนือมนุษย์ด้วย เขาไม่กลัวที่ต้องเผชิญหน้ากับความโกรธของพี่ชายอีกต่อไปแล้ว เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นผู้ปกป้องเขา {GC 617.1}GCth17 535.1
ซาตานกล่าวหายาโคบต่อหน้าทูตสวรรค์ของพระเจ้าโดยอ้างสิทธิที่จะทำลายเขาเพราะบาปของเขา มันยุยงให้เอซาวมุ่งหน้ามาต่อสู้เขา และในระหว่างที่บรรพบุรุษท่านนี้ปล้ำสู้อยู่ตลอดทั้งคืนนั้น ซาตานพยายามบังคับให้ยาโคบรู้สึกผิด เพื่อให้เขาท้อใจและละทิ้งการพึ่งพิงในพระเจ้า ยาโคบถูกผลักดันจนเกือบสิ้นหวัง แต่เขาทราบดีว่าหากเขาไม่ได้การช่วยเหลือจากสวรรค์เขาจะต้องพินาศอย่างแน่นอน เขากลับใจจากบาปอันยิ่งใหญ่อย่างจริงใจ และร้องทูลขอพระเมตตาคุณจากพระเจ้า เขาจะไม่ยอมหันไปจากความตั้งใจของเขา แต่ยึดพระเจ้าผู้ทรงเป็นทูตแห่งสรวงสวรรค์ไว้แน่นและร้องทูลขอด้วยความจริงใจและด้วยความปวดร้าวจนกระทั่งได้ชัยชนะ {GC 618.1}GCth17 535.2
ดั่งซาตานชักจูงให้เอซาวเดินหน้าเข้าต่อสู้กับยาโคบฉันใด มันก็จะก่อกวนให้คนชั่วลุกขึ้นทำลายประชากรของพระเจ้าในช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากฉันนั้น และมันกล่าวหายาโคบฉันใด มันก็จะโหมข้อกล่าวหาใส่คนของพระเจ้าฉันนั้น มันถือว่าโลกอยู่ภายใต้อำนาจของมัน แต่คนกลุ่มเล็กๆ ที่ถือรักษาพระบัญญัติของพระเจ้ากำลังต่อต้านอำนาจของมันอยู่ หากมันกวาดล้างคนเหล่านี้ให้หมดไปจากโลกได้ มันก็จะได้รับชัยชนะอย่างเต็มบริบูรณ์ มันมองเห็นทูตสวรรค์บริสุทธิ์คอยปกป้องพวกเขาไว้ และมันอนุมานว่าบาปทั้งหมดของพวกเขาถูกอภัยไปแล้ว แต่มันไม่รู้ว่ากรณีของพวกเขาได้รับการตัดสินในสถานนมัสการเบื้องบนแล้ว มันรู้มาอย่างแม่นยำถึงบาปต่างๆ ซึ่งมันลวงให้พวกเขาลงมือไป และมันนำบาปเหล่านี้เสนอต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้าด้วยแสงสว่างที่เกินความจริง เสนอให้เห็นว่าคนเหล่านี้ไม่สมควรได้รับความชอบพระทัยจากพระเจ้าเช่นเดียวกับตัวมันเอง มันประกาศว่า ในแง่ของความยุติธรรมแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่สามารถอภัยบาปของพวกเขาโดยที่ยังทำลายมันและทูตสวรรค์ของมันได้ มันอ้างว่าคนเหล่านี้เป็นเหยื่อของมันและเรียกร้องให้มอบพวกเขาเหล่านั้นมาไว้ในมือของมันเพื่อทำลายทิ้ง {GC 618.2}GCth17 535.3
ในขณะที่ซาตานกล่าวหาประชากรของพระเจ้าในเรื่องบาปของพวกเขา องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปล่อยให้มันล่อลวงพวกเขาจนถึงที่สุด ความวางใจในพระเจ้า ความเชื่อในพระองค์และความหนักแน่นมั่นคงของพวกเขาจะถูกทดสอบอย่างรุนแรง เมื่อพวกเขาต่างทบทวนอดีตของตนเอง ความหวังของพวกเขาก็พังทลาย เพราะพวกเขามองเห็นการดีเพียงน้อยนิดในชีวิตทั้งหมดของตนเอง พวกเขาตระหนักดีถึงความอ่อนแอและความไม่คู่ควร ซาตานพยายามทำให้พวกเขาผวากลัวกับความคิดว่าพวกเขาอยู่ในกรณีที่สิ้นหวัง เพราะรอยเปื้อนมลทินของพวกเขานั้นไม่มีทางที่จะลบล้างออกไป มันหวังที่จะทำลายความเชื่อของพวกเขา เพื่อให้พวกเขายอมแพ้ต่อการทดลองและหันหลังออกไปจากความภักดีที่มีต่อพระเจ้า {GC 618.3}GCth17 535.4
แม้ประชากรของพระเจ้าจะถูกล้อมรอบด้วยศัตรูที่มุ่งหวังจะทำลายพวกเขา แต่กระนั้น ความทุกข์ระทมใจที่พวกเขาต้องทนอยู่นั้น ไม่ได้เกิดจากความกลัวการกดขี่ข่มเหงอันเนื่องจากสัจธรรม พวกเขากลัวว่า พวกเขายังไม่ได้สารภาพบาปทุกบาปและกลัวว่าความผิดบางประการที่ยังอยู่ในตัวจะทำให้พวกเขาไม่ได้รับพระสัญญาของพระเจ้าที่ว่า “เราจะเฝ้ารักษาเจ้าให้พ้นจากช่วงเวลาแห่งการทดลองใจซึ่งจะมาถึงคนทั่วทั้งโลก” วิวรณ์ 3:10 หากพวกเขาได้รับความมั่นใจว่าบาปได้รับการอภัยแล้ว พวกเขาก็จะไม่หวั่นเกรงการทรมานหรือความตาย แต่หากพิสูจน์แล้วว่าพวกเขาไม่คู่ควรและต้องสูญเสียชีวิตเนื่องจากความบกพร่องในอุปนิสัยแล้ว พระนามบริสุทธิ์ของพระเจ้าก็จะได้รับการตำหนิ {GC 619.1} GCth17 536.1
พวกเขาได้ยินเสียงการวางแผนการทรยศและมองเห็นการกบฏที่เกิดขึ้นอยู่ทั่วทุกทิศ และสิ่งเหล่านี้กระตุ้นอยู่ภายในพวกเขาให้เกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้า ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันที่แท้จริงของจิตวิญญาณที่ต้องการให้การละทิ้งศาสนาอันยิ่งใหญ่นี้และความชั่วร้ายของคนอธรรมสิ้นสุดลง แต่ในขณะที่พวกเขาทูลวิงวอนขอพระเจ้าให้หยุดยั้งผลงานของการกบฏนี้ ความรู้สึกสำนึกที่เด่นชัดบอกพวกเขาว่า พวกเขาไม่มีอำนาจพอที่จะต้านและห้ามปรามคลื่นความชั่วที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ได้ พวกเขารู้สึกว่า หากเขาใช้ความสามารถทั้งหมดในงานการรับใช้พระคริสต์อย่างสม่ำเสมอ มุ่งมั่นรับใช้ด้วยกำลังอย่างเต็มที่แล้ว กองกำลังของซาตานคงมีกำลังที่จะมีชัยเหนือพวกเขาได้น้อยลงกว่านี้ {GC 619.2}GCth17 536.2
พวกเขาถ่อมจิตวิญญาณของตนเองลงต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้า ชี้ไปยังการกลับใจจากบาปมากมายในอดีตและร้องทูลขอพระสัญญาของพระเจ้า “ให้มันยอมอยู่ใต้การปกป้องของเรา ให้มันสร้างสันติภาพกับเรา ให้มันสร้างสันติภาพกับเรา” อิสยาห์ 27:5 ความเชื่อของพวกเขาไม่ได้สูญสลายไปเพียงเพราะคำอธิษฐานต่างๆ ไม่ได้รับคำตอบในทันที ถึงแม้พวกเขาจะตกอยู่ในความกังวล ความหวาดกลัวและความระทมทุกข์ที่แสนสาหัส พวกเขาก็ไม่ได้หยุดที่จะร้องทูลขอ พวกเขายึดมั่นในพระกำลังของพระเจ้าเหมือนที่ยาโคบกอดทูตสวรรค์ไว้และคำที่จิตวิญญาณพูดออกมาคือ “ข้าพเจ้าไม่ยอมให้ท่านไป นอกจากท่านจะอวยพรแก่ข้าพเจ้า” {GC 619.3} GCth17 536.3
หากก่อนหน้านี้ยาโคบไม่กลับใจจากบาปที่แย่งสิทธิบุตรหัวปีด้วยการฉ้อโกงแล้ว พระเจ้าจะไม่สดับฟังคำอธิษฐานของเขาและรักษาชีวิตของเขาด้วยความเมตตาปรานี ในช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากก็จะเป็นเช่นนี้เหมือนกัน หากประชากรของพระเจ้ายังมีบาปที่ไม่ได้สารภาพปรากฏขึ้นมาตรงหน้าพวกเขาในขณะที่ต้องทรมานอยู่ด้วยความหวาดกลัวและความระทมทุกข์แล้ว พวกเขาคงจะท่วมท้นด้วยความรู้สึกมากมาย ความท้อแท้ใจจะทำลายความเชื่อของพวกเขาและพวกเขาคงจะไม่มีความมั่นใจที่จะทูลอ้อนวอนขอพระเจ้าช่วยพวกเขาให้หลุดพ้น แต่ในขณะที่พวกเขารู้สึกสำนึกอย่างลึกซึ้งถึงความไม่คู่ควรของตนเองนั้น พวกเขาไม่มีความผิดใดที่ปกปิดไว้ซึ่งจะต้องถูกเปิดเผย บาปต่างๆ ของพวกเขาได้ไปสู่การพิพากษาก่อนหน้านี้แล้วและถูกลบออกไปหมดแล้วและพวกเขาระลึกถึงบาปเหล่านั้นไม่ได้อีกต่อไป {GC 620.1}GCth17 537.1
ซาตานนำคนมากมายให้เชื่อว่าพระเจ้าจะทรงมองข้ามความไม่ซื่อสัตย์เล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต แต่วิธีการที่พระองค์ทรงจัดการกับยาโคบนั้นแสดงให้เห็นว่าพระองค์จะไม่ทรงอนุญาตหรือยอมทนต่อความชั่ว ทุกคนที่พยายามแก้ตัวหรือปกปิดบาปของตนเองและปล่อยให้บาปนั้นยังคงถูกบันทึกอยู่ในหนังสือแห่งสวรรค์โดยไม่ยอมสารภาพหรือไม่ยอมรับการอภัยจะพ่ายแพ้แก่ซาตาน ยิ่งมีอาชีพการงานที่สูงส่งและมีตำแหน่งที่มีเกียรติมากเท่าไร วิถีทางของพวกเขาจะยิ่งน่าเศร้าใจในสายพระเนตรของพระเจ้าและศัตรูยิ่งใหญ่ของพวกเขาจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอนมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ผู้ที่รีรอไม่เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันของพระเจ้าจะไม่สามารถรับชัยชนะเมื่อวันแห่งความทุกข์ยากมาถึงหรือเมื่อเวลาใดๆ ที่ตามมาภายหลัง ทุกคนที่มีสภาพเช่นนั้นจะหมดหวัง {GC 620.2}GCth17 537.2
ผู้ที่อ้างตนเป็นคริสเตียนซึ่งต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้งอันน่ากลัวโดยไม่ได้เตรียมตัวให้พร้อมนั้น จะสารภาพบาปของพวกเขาด้วยคำพูดเร่าร้อนปวดร้าวอย่างสิ้นหวังในขณะที่คนชั่วยินดีปรีดาในความทุกข์ยากของพวกเขา คำสารภาพบาปนี้มีลักษณะเหมือนคำสารภาพของเอซาวหรือของยูดาส ผู้ที่กล่าวคำสารภาพนี้จะเสียใจต่อผลที่เกิดจากการล่วงละเมิดแต่ไม่ได้เสียใจในความผิด พวกเขาไม่ได้สำนึกผิดอย่างแท้จริงและไม่ได้รังเกียจความชั่วร้าย พวกเขายอมรับบาปของพวกเขาเนื่องจากกลัวการลงโทษ แต่เหมือนเช่นฟาโรห์ในอดีต พวกเขาจะกลับไปท้าทายสวรรค์หากเมื่อการพิพากษาจะถูกถอนออกไป {GC 620.3}GCth17 537.3
ประวัติของยาโคบยังช่วยให้ความมั่นใจอีกด้วยว่า พระเจ้าจะไม่ทรงละทิ้งคนเหล่านั้นที่ทำบาปเนื่องจากถูกหลอกและถูกล่อลวงและถูกทรยศแต่หันกลับมาหาพระองค์พร้อมด้วยการกลับใจอย่างแท้จริง ในขณะที่ซาตานคอยหาทางที่จะทำลายคนกลุ่มนี้ พระเจ้าจะทรงบัญชาให้ทูตสวรรค์ของพระองค์มาปลอบใจและปกป้องพวกเขาในยามที่ตกอยู่ในอันตราย การจู่โจมของซาตานนั้นรุนแรงและแน่วแน่ การหลอกลวงของมันน่ากลัว แต่พระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นอยู่เหนือประชากรของพระองค์และพระกรรณของพระองค์คอยสดับฟังเสียงร้องของพวกเขา ความทุกข์ระทมของพวกเขานั้นยิ่งใหญ่ เปลวไฟในเตาไฟร้อนระอุราวกับว่ากำลังจะเผาไหม้พวกเขาให้พินาศไป แต่พระองค์ผู้ทรงชำระให้บริสุทธิ์จะทรงนำพวกเขาออกมาดั่งทองคำที่ผ่านการหลอมด้วยไฟ ความรักของพระเจ้าที่ทรงมีต่อบุตรทั้งหลายของพระองค์ในช่วงเวลาแห่งการทดสอบที่รุนแรงที่สุดนั้นยังมั่นคงและอ่อนโยนเช่นเดียวกับในยามที่พวกเขาอุดมสมบูรณ์พูนสุขที่สุด แต่เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องใส่พวกเขาไว้ในเตาไฟ ความฝักใฝ่ทางโลกจะต้องถูกเผาทิ้งไปให้หมด เพื่อพระฉายาของพระคริสต์จะถูกสะท้อนออกมาให้เห็นได้อย่างบริบูรณ์ {GC 621.1}GCth17 538.1
ฤดูกาลแห่งความทุกข์ยากและการทรมานที่กำลังจะเกิดขึ้นเบื้องหน้าเรานั้นต้องการความเชื่อที่ทนความเหนื่อยอ่อน การเนิ่นช้าและความหิวกระหายได้ เป็นความเชื่อที่จะไม่อ่อนเปลี้ยแม้ถูกทดลองอย่างรุนแรง พระเจ้าประทานเวลาแห่งพระกรุณาธิคุณให้กับทุกคนเพื่อให้พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับช่วงเวลานั้น ยาโคบได้รับชัยชนะเพราะความพากเพียรและความมุ่งมั่น ชัยชนะของเขาเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นถึงอำนาจแห่งการยืนหยัดอธิษฐาน ทุกคนที่ยึดมั่นในพระสัญญาของพระเจ้าเหมือนยาโคบยึดมั่นและเป็นผู้ที่ตั้งใจจริงและพากเพียรเหมือนเช่นที่ยาโคบเป็นจะได้ชัยชนะเหมือนเช่นที่ยาโคบได้รับชัยชนะมาแล้ว ผู้ที่ไม่ยอมละทิ้งตนเอง ไม่ยอมดิ้นรนปล้ำสู้ต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้าและไม่ยอมอธิษฐานเป็นเวลายาวนานด้วยความจริงใจเพื่อทูลขอพระพรจากพระองค์ เขาก็จะไม่ได้รับ มีน้อยคนเพียงไรที่เข้าใจว่าอะไรคือการปล้ำสู้กับพระเจ้า มีน้อยคนนักที่เคยทุ่มเทจิตวิญญาณของพวกเขาแสวงหาพระเจ้าด้วยความปรารถนาอย่างรุนแรงจนกระทั่งพลังของร่างกายถูกใช้ไปจนหมด เมื่อคลื่นแห่งความท้อแท้ผิดหวังที่ไม่มีภาษาใดอาจบรรยายโหมกระหน่ำผู้ที่เฝ้าอ้อนวอนนั้น มีน้อยคนเพียงไรที่ยังคงยึดมั่นอยู่กับพระสัญญาของพระเจ้าด้วยความเชื่อที่มั่นคง {GC 621.2}GCth17 538.2
ในเวลานี้ บรรดาผู้ที่มีความเชื่อน้อยกำลังอยู่ในอันตรายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการตกอยู่ภายใต้อำนาจการหลอกลวงของซาตานและคำสั่งกฎหมายที่จะบังคับมโนธรรม และถึงแม้พวกเขาจะทนต่อการทดสอบได้ แต่เมื่อเวลาแห่งความทุกข์ยากมาถึง พวกเขาก็จะตกลงไปสู่ความทุกข์ลำบากและความปวดร้าวมากยิ่งขึ้น เพราะพวกเขาไม่ได้ฝึกนิสัยที่จะวางใจในพระเจ้า บทเรียนแห่งความเชื่อที่พวกเขาละเลยนั้น พวกเขาจะถูกกดดันบังคับให้เรียนรู้ด้วยความผิดหวังที่แสนสาหัส {GC 622.1}GCth17 539.1
บัดนี้เราจะต้องทำความรู้จักกับพระเจ้าด้วยการพิสูจน์พระสัญญาของพระองค์ ทูตสวรรค์บันทึกทุกคำอธิษฐานที่จริงจังและจริงใจ เราควรจะต้องยอมสละสิ่งที่สนองความต้องการอย่างเห็นแก่ตัวมากกว่าที่จะละเลยการสื่อสัมพันธ์กับพระเจ้า ความยากจนอย่างแสนลำเค็ญที่สุดและการละทิ้งตนอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งพระเจ้าทรงยอมรับ จะดีกว่าทรัพย์สมบัติ เกียรติยศ ความสุขสบาย และมิตรภาพที่พระเจ้าไม่ทรงยอมรับ เราจะต้องใช้เวลาอธิษฐาน หากเราปล่อยให้ความคิดของเราไปหมกมุ่นอยู่กับผลประโยชน์ของโลก องค์พระผู้เป็นเจ้าอาจจะประทานเวลาให้แก่เราโดยทรงนำรูปเคารพต่างๆ ของเราซึ่งได้แก่ทองคำ บ้านและที่ดินอันอุดมสมบูรณ์ออกไปจากตัวเรา {GC 622.2}GCth17 539.2
คนหนุ่มสาวจะไม่ถูกชักจูงให้ทำบาปหากพวกเขาปฏิเสธที่จะก้าวเข้าไปในทางเดินอื่นใดเว้นเสียแต่เส้นทางที่พวกเขาจะทูลขอพระพรของพระเจ้าได้ หากผู้สื่อข่าวที่นำคำเตือนสุดท้ายซึ่งเคร่งขรึมจริงจังมาให้แก่โลกจะอธิษฐานทูลขอพระพรจากพระเจ้า ไม่ใช่ด้วยท่าทีอันเยือกเย็น ไร้ชีวิตและเกียจคร้าน แต่ด้วยท่าทีอันร้อนรนและด้วยความเชื่อเหมือนยาโคบ พวกเขาจะพบสถานที่หลายแห่งที่จะพูดได้ว่า “ข้าพเจ้าได้เห็นพระเจ้าต่อหน้าข้าพเจ้า แล้วพระองค์ทรงไว้ชีวิตข้าพเจ้า” ปฐมกาล 32:30 สวรรค์จะจัดให้พวกเขาเป็นเหมือนเจ้าชายผู้มีกำลังที่จะรับชัยชนะร่วมกับพระเจ้าและกับมนุษย์ {GC 622.3}GCth17 539.3
“เวลายากลำบากอย่างไม่เคยมีมา” ดาเนียล 12:1 กำลังจะเริ่มต้นขึ้นต่อหน้าเราในไม่ช้า และเราจะต้องการประสบการณ์ซึ่งบัดนี้เรายังไม่มีและเป็นประสบการณ์ที่หลายคนเกียจคร้านเกินกว่าที่จะรับไว้ โดยปกติแล้ว เหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นมักจะสร้างความทุกข์ยากมากกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริง แต่วิกฤตที่อยู่เบื้องหน้าของเราไม่เป็นเช่นนั้น ภาพการบรรยายเหตุการณ์อย่างชัดแจ้งเห็นจริงนั้น ยังเทียบไม่ได้กับขนาดความรุนแรงของการทดสอบทรหดอันสาหัส ในเวลาของความทุกข์ยากนั้น จิตวิญญาณทุกดวงจะต้องยืนอยู่เบื้องพระพักตร์พระเจ้าด้วยตัวเอง “ถึงแม้ว่าโนอาห์ ดาเนียลและโยบอยู่ในนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า เรามีชีวิตอยู่แน่อย่างไร พวกเขาก็ไม่อาจช่วยบุตรชายและบุตรสาวให้รอดได้ พวกเขาจะช่วยเฉพาะชีวิตของเขาได้ด้วยความชอบธรรมของเขา” เอเสเคียล 14:20 {GC 622.4}GCth17 539.4
บัดนี้ ในขณะที่มหาปุโรหิตของเรากำลังทำการลบมลทินบาปให้พวกเราอยู่นั้น เราจะต้องแสวงหาที่จะเป็นคนดีรอบคอบในพระคริสต์ องค์พระผู้ช่วยให้รอดของเราไม่ทรงยอมปล่อยแม้เพียงความนึกคิดของพระองค์ให้พ่ายแพ้ต่ออำนาจการทดลอง ซาตานคอยหาสักจุดในหัวใจของมนุษย์ที่มันจะเข้ายึดครอง การเก็บถนอมความปรารถนาแห่งบาปไว้จะเป็นจุดที่การทดลองของมันจะถือสิทธิ์แสดงอำนาจให้เห็น แต่พระคริสต์ทรงประกาศถึงพระองค์เองว่า “ผู้ครองโลกกำลังจะมา ผู้นั้นไม่มีสิทธิอำนาจอะไรเหนือเรา” ยอห์น 14:30 ซาตานไม่สามารถหาจุดใดในพระบุตรของพระเจ้าที่มันจะมีชัยเหนือได้ พระองค์ทรงถือรักษาพระบัญญัติทั้งหลายของพระบิดา และไม่มีบาปในพระองค์ที่ซาตานสามารถนำมาใช้ให้ตนเองได้รับประโยชน์ คุณลักษณะเช่นนี้จะต้องเป็นของผู้ที่จะยืนหยัดอยู่ในช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยาก {GC 623.1}GCth17 540.1
ชีวิตในขณะนี้เท่านั้นที่เราจะต้องแยกบาปออกไปจากตัวเราโดยผ่านทางความเชื่อในพระโลหิตที่ลบบาปของพระคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดผู้ประเสริฐของเราทรงเชื้อเชิญเราให้เข้าติดสนิทกับพระองค์ เอาความอ่อนแอของเราผูกติดกับพระกำลังของพระองค์ เอาความโง่เขลาของเรามัดติดกับพระปัญญาของพระองค์ เอาความไม่คู่ควรของเราประสานเข้ากับคุณงามความดีของพระองค์ การทรงจัดเตรียมของพระเจ้าเป็นโรงเรียนที่เราจะต้องเข้าเรียนเพื่อเรียนรู้ถึงความอ่อนสุภาพและความถ่อมตนของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตั้งเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิตไว้ตรงหน้าเรา ซึ่งไม่ใช่หนทางที่เราเลือกซึ่งดูเหมือนง่ายกว่าและสุขสบายกว่าสำหรับตัวเรา แต่เป็นเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับเราที่จะให้ความร่วมมือกับตัวแทนต่างๆ ซึ่งพระเจ้าแห่งสรวงสวรรค์ทรงใช้ในพระราชกิจการปรับปรุงอุปนิสัยของเราให้เป็นไปตามแบบอย่างของพระเจ้า ไม่มีใครคนใดจะละเลยหรือถ่วงภาระกิจนี้ไว้โดยไม่ต้องพบกับภัยอันตรายน่ากลัวที่สุดที่เกิดกับจิตวิญญาณของพวกเขา {GC 623.2}GCth17 540.2
ในนิมิต อัครสาวกยอห์นได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นในสวรรค์ร้องประกาศว่า “วิบัติจะมีแก่แผ่นดินโลกและทะเล เพราะว่ามารได้ลงมาหาเจ้าทั้งหลายด้วยความเดือดดาลอย่างยิ่งเพราะมันรู้ว่าเวลาของมันมีน้อย” วิวรณ์ 12:12 ภาพเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดเสียงร้องประกาศที่ดังมาจากสวรรค์นี้ช่างน่ากลัวอย่างยิ่ง ความโกรธเคืองของซาตานเพิ่มขึ้นในขณะที่เวลาของมันลดน้อยลง และการหลอกลวงและการทำลายของมันมาถึงจุดสุดยอดเมื่อเวลาแห่งความทุกข์ยากมาถึง {GC 623.3}GCth17 540.3
ในเวลาอีกไม่นาน ภาพเหตุการณ์ที่มีลักษณะเหนือธรรมชาติจะปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงอำนาจของผีมารที่ทำการอัศจรรย์ วิญญาณของมารร้ายจะออกไปยังกษัตริย์ต่างๆ ของโลกนี้และไปยังทั่วทั้งโลกเพื่อผูกมัดพวกเขาไว้ในการหลอกลวงและเร่งเร้าให้เข้าร่วมกับซาตานในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายเพื่อต่อต้านรัฐบาลของสวรรค์ ผู้ปกครองและพลเมืองทั้งหลายจะถูกหลอกโดยตัวแทนเหล่านี้ด้วยเช่นกัน หลายคนจะลุกขึ้นแสร้งทำตัวว่าตนเป็นพระคริสต์ และอ้างชื่อและเรียกร้องให้ถวายการนมัสการซึ่งเป็นของพระผู้ช่วยให้รอดของโลก พวกเขาจะกระทำการอัศจรรย์ด้วยการรักษาคนป่วยและอ้างว่ามีเรื่องจากสวรรค์ที่จะเปิดเผย แต่เป็นเรื่องราวที่ขัดแย้งกับคำพยานในพระคัมภีร์ {GC 624.1}GCth17 541.1
เพื่อเป็นฉากสุดยอดในละครอันยิ่งใหญ่ของการหลอกลวง ซาตานเองจะปลอมตัวเป็นพระคริสต์ คริสตจักรได้แสดงตนมาเนิ่นนานแล้วว่าเฝ้ารอคอยการเสด็จกลับมาของพระผู้ช่วยให้รอดในฐานะที่เป็นความหวังอันบริบูรณ์ของพวกเขา บัดนี้จ้าวจอมหลอกลวงผู้ยิ่งใหญ่จะทำตัวให้ดูประหนึ่งว่าพระคริสต์เสด็จมาแล้ว ในสถานที่ต่างๆ บนโลก ซาตานจะปรากฏตัวท่ามกลางมนุษย์อย่างยิ่งใหญ่ในลักษณะที่เต็มไปด้วยแสงเจิดจ้าซึ่งคล้ายคลึงกับคำบรรยายของพระบุตรของพระเจ้าที่ยอห์นเปิดเผยไว้ในพระธรรมวิวรณ์ วิวรณ์ 1:13-15 รัศมีภาพที่ล้อมอยู่รอบตัวมันล้ำเลิศเหนือกว่าสิ่งใดๆ ที่ตาของมนุษย์ผู้ที่ต้องตายยังรอคอยที่จะเห็น เสียงตะโกนแห่งความมีชัยดังก้องขึ้นในอากาศ “พระคริสต์เสด็จมาแล้ว พระคริสต์เสด็จมาแล้ว” ประชาชนต่างก้มกราบลงต่อหน้ามันด้วยความเคารพ ในขณะที่มันชูมือทั้งสองขึ้นและประกาศอวยพรพวกเขา เหมือนพระคริสต์ทรงอวยพรสาวกทั้งหลายในขณะที่พระองค์ยังทรงดำเนินอยู่ในโลก เสียงของมันนั้นนุ่มนวลและน่าฟัง ถึงกระนั้นก็ยังเต็มไปด้วยความไพเราะ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและเมตตา มันประกาศความจริงแห่งพระคุณของสวรรค์เช่นเดียวกับที่พระผู้ช่วยให้รอดเคยตรัสไว้ มันรักษาโรคภัยของประชาชน และแล้ว ด้วยลักษณะที่เป็นเหมือนพระคริสต์ มันอ้างว่าได้เปลี่ยนวันสะบาโตเป็นวันอาทิตย์แล้ว และสั่งให้ทุกคนถือรักษาวันที่มันอวยพร มันยังประกาศอีกว่าผู้ที่ยังคงยืนกรานถือรักษาวันที่เจ็ดให้บริสุทธิ์กำลังลบหลู่นามของมันด้วยการปฏิเสธที่จะฟังทูตสวรรค์ที่นำแสงสว่างและความจริงมาให้แก่พวกเขา นี่เป็นการหลอกลวงอย่างแรงกล้ามีอำนาจแทบจะครอบงำอย่างเหลือเชื่อ เหมือนเช่นชาวสะมาเรียที่ถูกซีโมนชาวมากัสหลอก ฝูงชนตั้งแต่คนเล็กน้อยที่สุดจนถึงผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดเชื่อเวทมนตร์เหล่านี้ ต่างพูดกันว่า นี่ “คือฤทธานุภาพของพระเจ้าที่เรียกว่ามหิทธิฤทธิ์” กิจการ 8:10 {GC 624.2}GCth17 541.2
แต่ประชากรของพระเจ้าจะไม่ถูกหลอก คำสอนของพระคริสต์เทียมเท็จไม่ได้เป็นไปตามคำสอนในพระคัมภีร์ คำอวยพรของมันประกาศให้แก่ผู้ที่บูชาสัตว์ร้ายและรูปของมัน ซึ่งเป็นคนกลุ่มเดียวกันกับที่พระคัมภีร์เปิดเผยไว้ว่าจะได้รับพระพิโรธของพระเจ้าที่จะเทออกมาโดยไม่ได้เจือปนกับสิ่งใด {GC 625.1}GCth17 542.1
และยิ่งไปกว่านี้ ซาตานไม่ได้รับอนุญาตให้ปลอมแปลงวิธีการเสด็จกลับมาของพระคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดทรงเตือนประชากรของพระองค์ถึงการหลอกลวงนี้ และพระองค์ตรัสถึงลักษณะของการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ไว้อย่างชัดเจน “เพราะว่าจะมีพระคริสต์เทียมเท็จและผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จหลายคนปรากฎขึ้น แสดงหมายสำคัญและอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่เพื่อล่อลวงแม้พวกที่พระเจ้าทรงเลือกถ้าเป็นได้ นี่แน่ะ เราบอกพวกท่านไว้ก่อนแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าใครบอกท่านว่า ‘ดูซิ ท่านผู้นั้นอยู่ในถิ่นทุรกันดาร’ อย่าออกไป หรือบอกว่า ‘ดูซิ อยู่ที่ห้องชั้นใน’ ก็อย่าเชื่อ เพราะว่าฟ้าแลบจากทิศตะวันออกส่องไปจนถึงทิศตะวันตกอย่างไร การเสด็จมาของบุตรมนุษย์ก็จะเป็นอย่างนั้น” มัทธิว 24:24-27, 31; 25:31 วิวรณ์ 1:7 1 เธสะโลนิกา 4:16, 17 การเสด็จกลับมาของพระเยซูนั้นไม่มีทางที่จะปลอมแปลงได้ ทุกคนจะมองเห็นการเสด็จมาของพระองค์ ทั่วทั้งโลกจะเป็นประจักษ์พยาน {GC 625.2}GCth17 542.2
มีเฉพาะผู้ที่ศึกษาพระคัมภีร์ด้วยความขยันหมั่นเพียรเสมอมาและผู้ที่ยอมรับความรักของสัจธรรมเท่านั้นที่จะถูกปกป้องจากการหลอกลวงอันรุนแรงซึ่งจับโลกนี้ไว้เป็นเชลย ด้วยคำพยานในพระคัมภีร์ พวกเขาจะจับผิดผู้หลอกลวงที่ปลอมตัวมา เวลาแห่งการทดสอบจะมาถึงทุกคน ด้วยการฝัดร่อนของการทดลอง คริสเตียนแท้จะปรากฏให้เห็น ในเวลานี้ประชากรของพระเจ้าตั้งมั่นอยู่ในพระวจนะของพระองค์จนไม่ยอมแพ้ต่อหลักฐานทางความรู้สึกของพวกเขาหรือไม่ ในวิกฤตเช่นนี้ พวกเขาจะยังคงยึดมั่นพระคัมภีร์และพระคัมภีร์เท่านั้นหรือไม่ หากเป็นไปได้ซาตานจะกันไม่ให้พวกเขาเตรียมตัวพร้อมที่จะลุกขึ้นยืนในวันนั้น มันจะจัดการกับกิจธุระต่างๆ เพื่อขวางกั้นทางของพวกเขา และให้พวกเขาพัวพันกับทรัพย์สินทางฝ่ายโลก ทำให้พวกเขาต้องแบกภาระที่หนักและเหนื่อยล้า เพื่อจิตใจของพวกเขาจะถูกทับถมด้วยเรื่องต่างๆ ในชีวิตและวันเวลาของการทดสอบจะมาถึงเหมือนดั่งขโมยย่องเข้ามา {GC 625.3}GCth17 542.3
เมื่อผู้นำทั้งหลายในโลกคริสเตียนออกกฎหมายสั่งต่อต้านผู้ที่ถือรักษาพระบัญญัติไม่ให้ได้รับการปกป้องของรัฐบาลและปล่อยให้ตกอยู่ในมือของผู้ที่ต้องการทำลายพวกเขานั้น ประชากรของพระเจ้าจะหนีออกไปจากเมืองและหมู่บ้านและรวมตัวกันเป็นกลุ่ม อาศัยในที่เปล่าเปลี่ยวและห่างไกลที่สุด มีคนมากมายได้ที่พักพิงในภูเขาอันมั่นคงเหมือนเช่นคริสเตียนที่อาศัยอยู่ในหุบเขาพิดมอนท์ พวกเขาจะใช้ที่สูงของโลกเป็นวิหารและจะขอบคุณพระเจ้าสำหรับ “ที่ลี้ภัย….เป็นป้อมหิน” อิสยาห์ 33:16 แต่คนมากมายจากทุกชนชาติและทุกชนชั้น ทั้งคนชั้นระดับสูงและคนชั้นระดับต่ำ คนร่ำรวยและคนยากจน คนผิวดำและคนผิวขาวจะถูกจับกุมอย่างไม่ยุติธรรมและโหดเหี้ยมที่สุด ผู้ที่พระเจ้าทรงรักต้องใช้ชีวิตในช่วงวันเวลาแห่งความยากลำบากด้วยการถูกโซ่ล่ามไว้ พวกเขาถูกกักขังอยู่ในเรือนจำ ถูกตัดสินประหารชีวิต บางคนถูกปล่อยทิ้งให้อดตายในห้องกักขังใต้ดินที่เหม็นและมืด ไม่มีหูของมนุษย์คนใดได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญของพวกเขา ไม่มีมือมนุษย์คนใดที่จะยื่นเข้าไปช่วยพวกเขา {GC 626.1}GCth17 543.1
พระเจ้าทรงลืมประชากรของพระองค์ในช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากแล้วหรือ พระองค์ทรงลืมโนอาห์ผู้สัตย์ซื่อแล้วหรือเมื่อการพิพากษามายังโลกในยุคสมัยก่อนน้ำท่วมโลก พระองค์ทรงลืมโลทแล้วหรือเมื่อไฟตกลงมาจากสวรรค์เพื่อเผาเมืองในที่ราบ พระองค์ทรงลืมโยเซฟแล้วหรือในขณะที่เขาอยู่ท่ามกลางคนกราบไหว้รูปเคารพในประเทศอียิปต์ พระองค์ทรงลืมเอลียาห์แล้วหรือเมื่อเขาถูกขู่ด้วยคำสาบานของพระนางเยเซเบลที่จะทรงฆ่าเขาให้เหมือนกับที่เขาทำกับผู้ทำนายของพระบาอัล พระองค์ทรงลืมเยเรมีย์ที่ถูกคุมขังอยู่ในหลุมที่มืดและหดหู่แล้วหรือ พระองค์ทรงลืมผู้ทรงเกียรติสามคนในเตาที่ไฟลุกอยู่หรือดาเนียลในถ้ำสิงห์แล้วหรือ {GC 626.2} GCth17 543.2
“แต่ศิโยนกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์ได้ทรงละทิ้งข้าแล้ว และองค์เจ้านายทรงลืมข้าเสียแล้ว’ ‘ผู้หญิงจะลืมบุตรของนางที่ยังกินนมอยู่และไม่สงสารบุตรจากครรภ์ของนางได้หรือ’ และถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะลืมได้ แต่เราก็จะไม่ลืมเจ้า ดูสิ เราได้สลักเจ้าไว้บนฝ่ามือของเรา กำแพงเมืองของเจ้าอยู่ต่อหน้าเราเสมอ” อิสยาห์ 49:14-16 พระเจ้าจอมโยธาตรัสไว้แล้วว่า “ผู้ใดได้แตะต้องเจ้า ก็ได้แตะต้องแก้วพระเนตรของพระองค์” เศคาริยาห์ 2:8 {GC 626.3}GCth17 543.3
แม้ว่าศัตรูจะโยนพวกเขาไปไว้ในเรือนจำ แต่กระนั้นกำแพงคุกมืดไม่สามารถตัดพวกเขาออกจากการสื่อสารระหว่างจิตวิญญาณของเขากับพระคริสต์ได้ พระองค์ผู้ทรงมองเห็นความอ่อนแอทั้งหลาย พระองค์ผู้ทรงคุ้นเคยกับการทดลอง พระองค์ทรงอยู่เหนืออำนาจทั้งหมดของโลก และทูตสวรรค์จะลงมาหาพวกเขาในห้องขังอันโดดเดี่ยว เพื่อนำแสงสว่างและสันติสุขของสวรรค์มาให้ เรือนจำจะเป็นดั่งพระราชวัง เพราะว่าผู้ที่ร่ำรวยในความเชื่ออาศัยอยู่ที่นั่น และกำแพงที่เศร้าหมองจะสว่างขึ้นด้วยแสงจากสวรรค์เหมือนเมื่อสมัยเปาโลและสิลาสอธิษฐานและร้องเพลงสรรเสริญกลางดึกในคุกมืดของเมืองฟีลิปปี {GC 627.1}GCth17 544.1
การพิพากษาของพระเจ้าจะลงมายังผู้ที่พยายามกดขี่และทำลายประชากรของพระองค์ ความอดทนนานของพระองค์ที่มีต่อคนชั่วทำให้พวกเขากล้าหาญมากยิ่งขึ้นที่จะล่วงละเมิด แต่การลงโทษของพวกเขานั้นจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนและน่ากลัวเพราะถูกหน่วงเหนี่ยวไว้เป็นเวลานานแล้ว “ พระยาห์เวห์จะทรงลุกขึ้นเหมือนที่ภูเขาเปรีซิม.. พระองค์จะกริ้วเหมือนที่ในหุบเขากิเบโอนเพื่อทำพระราชกิจของพระองค์ อันเป็นพระราชกิจที่แปลก และเพื่อทำงานของพระองค์ อันเป็นงานที่ประหลาด” อิสยาห์ 28:21 พระราชกิจการลงโทษของพระเจ้าผู้ทรงความเมตตานั้นเป็นพระราชกิจที่ประหลาด “เรามีชีวิตอยู่แน่นอนอย่างไร เราไม่พอใจในความตายของคนอธรรม” เอเสเคียล 33:11 “พระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยพระกรุณาและพระคุณ พระองค์ทรงกริ้วช้า ทรงบริบูรณ์ด้วยความรักมั่นคงและความสัตย์จริง…ผู้ประทานอภัยการล่วงละเมิด การทรยศและบาป แต่จะไม่ทรงละเว้นการลงโทษอย่างแน่นอน” “พระยาห์เวห์ทรงกริ้วช้า ทรงฤทธานุภาพใหญ่ยิ่ง พระยาห์เวห์จะไม่ทรงปล่อยให้คนผิดลอยนวล” อพยพ 34:6, 7 นาฮูม 1:3 ด้วยสิ่งต่างๆ อันน่ากลัวที่อยู่ในความชอบธรรมนั้น พระองค์จะทรงแก้ต่างปกป้องสิทธิอำนาจของธรรมบัญญัติของพระองค์ที่ถูกเหยียบย่ำ ความรุนแรงของการแก้แค้นที่กำลังรอคอยผู้ล่วงละเมิดอาจจะถูกมองว่าเป็นความไม่เต็มพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทรงดำเนินการตามความยุติธรรม ชนชาติที่พระองค์ทรงอดทนมาช้านานและพระองค์จะไม่ทรงลงมือจนกระทั่งขนาดความชั่วของพวกเขาเต็มล้นในบัญชีของพระองค์ และในที่สุด พวกเขาจะต้องดื่มจากจอกแห่งพระพิโรธซึ่งไม่ได้เจือปนกับพระเมตตา {GC 627.2}GCth17 544.2
เมื่อพระคริสต์ทรงยุติการอุทธรณ์ของพระองค์ในสถานนมัสการนั้น พระพิโรธซึ่งไม่ระคนกับสิ่งใดจะขู่คุกคามผู้ที่กราบไหว้สัตว์ร้ายและรูปของมันและรับตราของมัน วิวรณ์ 14:9, 10 ภัยพิบัติที่เกิดกับชาวอียิปต์เมื่อพระเจ้าทรงใกล้จะปลดปล่อยชนชาติอิสราเอลออกมานั้น มีลักษณะคล้ายคลึงกับการพิพากษาอันน่ากลัวกว่าและรุนแรงกว่าที่จะตกลงสู่แผ่นดินโลก ซึ่งจะเกิดขึ้นเพียงก่อนเวลาที่พระเจ้าจะทรงปลดปล่อยประชากรของพระองค์เป็นครั้งสุดท้าย ผู้เขียนวิวรณ์บรรยายถึงภัยน่ากลัวเหล่านั้นไว้ว่า “คนทั้งหลายที่มีเครื่องหมายของสัตว์ร้ายและพวกที่บูชารูปของมันก็มีแผลร้ายที่เจ็บปวดเกิดขึ้นตามตัว” “ทะเลก็กลายเป็นเลือดเหมือนอย่างเลือดของคนตาย และบรรดาสิ่งที่มีชีวิตซึ่งอยู่ในทะเลนั้นก็ตายหมดสิ้น” และ “แม่น้ำและบ่อน้ำพุทั้งหลายและน้ำเหล่านั้นก็กลายเป็นเลือด” การลงโทษเหล่านี้ร้ายแรงน่ากลัวอย่างยิ่งแต่ก็พิสูจน์ให้เห็นถึงการแก้ต่างให้กับความยุติธรรมของพระเจ้าได้อย่างครบบริบูรณ์ ทูตสวรรค์ของพระเจ้าประกาศว่า “พระองค์ทรงยุติธรรม.....เพราะพระองค์ได้ทรงพิพากษาสิ่งเหล่านี้แล้ว เพราะพวกเขาทำให้โลหิตของบรรดาธรรมิกชนและผู้เผยพระวจนะไหลออกและพระองค์จึงทรงให้เขาดื่มเลือด ซึ่งเป็นสิ่งที่สมควรแล้ว” วิวรณ์ 16:2-6 ด้วยการตัดสินประหารคนของพระเจ้าให้ตาย พวกเขาทำผิดในเรื่องโลหิตจริงราวกับว่ามือของเขาทำให้โลหิตไหลออกจริง ในลักษณะเดียวกัน พระคริสต์ทรงประกาศว่าชาวยิวในสมัยของพระองค์ทำความผิดเรื่องโลหิตของผู้บริสุทธิ์ทุกคนที่ไหลออกมานับตั้งแต่สมัยของอาเบล เพราะพวกเขามีวิญญาณจิตเดียวกันและกำลังทำงานเหมือนกับฆาตกรเหล่านี้ที่สังหารผู้เผยพระวจนะทั้งหลาย {GC 627.3} GCth17 544.3
ในภัยพิบัติที่ตามมานั้น ดวงอาทิตย์มีอำนาจ “คลอกแผดเผามนุษย์ด้วยไฟ ความร้อนแรงกล้าก็แผดเผามนุษย์” วิวรณ์ 16:8, 9 ผู้เผยพระวจนะบรรยายถึงสภาพของโลกในเวลาที่น่ากลัวเช่นนี้ไว้ว่า “พื้นดินก็เศร้าโศก….ข้าวถูกทำลาย…..ต้นไม้ทั้งหมดในนาก็เหี่ยวแห้งไป ความยินดีก็ห่อเหี่ยวไปจากบรรดาบุตรของมนุษย์” “เมล็ดพืชแห้งตายอยู่ในดิน ฉางก็ร้างเปล่า……สัตว์เลี้ยงร้องครวญคราง ฝูงวัวก็สนเท่ห์ เพราะว่าไม่มีทุ่งหญ้าให้มัน…..น้ำในห้วยแห้งไปและไฟก็เผาผลาญทุ่งหญ้าของถิ่นทุรกันดาร” “พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสว่า ‘ในวันนั้น เสียงเพลงในพระวิหารจะเป็นเสียงร่ำไห้ จะมีศพมากมายทิ้งไว้ทุกแห่ง จุ๊ จุ๊ จงเงียบ” โยเอล 1:10-12, 17-20 อาโมส 8:3 {GC 628.1}GCth17 545.1
ภัยพิบัติเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นทั่วทั้งแผ่นดินโลก มิเช่นนั้นแล้วผู้ที่อาศัยในโลกจะถูกทำลายไปหมด แต่กระนั้นก็ยังเป็นการเฆี่ยนตีน่ากลัวที่สุดเท่าที่เคยเกิดกับมนุษย์ที่ต้องตาย การพิพากษาทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ก่อนประตูพระกรุณาธิคุณจะปิดลงนั้นระคนกับพระเมตตา พระโลหิตของพระคริสต์ที่อ้อนวอนอยู่นั้นได้ปกป้องคนบาปจากการต้องรับโทษเต็มขนาดของความผิดของเขา แต่ในการพิพากษาครั้งสุดท้ายนี้ พระพิโรธจะถูกเทลงมาโดยไม่มีพระเมตตาเจือปนเลย {GC 628.2}GCth17 545.2
ในวันนั้นฝูงชนอยากจะหลบภัยอยู่ในพระเมตตาของพระเจ้าซึ่งพวกเขาเคยดูแคลนมานาน “ พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสว่า ‘ ดูแน่ะ วันเวลาก็มาถึง เมื่อเราจะส่งความกันดารมาที่แผ่นดิน ไม่ใช่กันดารอาหารหรือการกระหายน้ำ แต่จะเป็นการกันดารพระวจนะของพระยาห์เวห์ พวกเขาจะเดินโซเซจากทะเลนี้ไปทะเลโน้น และจากทิศเหนือไปทิศตะวันออก เขาจะวิ่งไปวิ่งมา เพื่อแสวงหาพระวจนะของพระยาห์เวห์ แต่จะหาไม่พบ” อาโมส 8:11, 12 {GC 629.1}GCth17 545.3
ประชากรของพระเจ้าจะไม่หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมาน แต่ในขณะที่ถูกกดขี่ข่มเหงและตกอยู่ในความทุกข์ยาก ในขณะที่ต้องทนกับความอดอยากและตกทุกข์กับการขาดแคลนอาหารนั้น พวกเขาจะไม่ถูกปล่อยให้พินาศ พระเจ้าองค์นั้นที่ทรงดูแลเอลียาห์จะไม่ทรงทอดทิ้งบุตรของพระองค์แม้เพียงคนเดียวที่ยอมเสียสละตน พระองค์ผู้ทรงนับเส้นผมบนศีรษะของพวกเขาจะทรงดูแลพวกเขา และในเวลากันดารอาหาร พวกเขาจะได้รับการเลี้ยงดูจนอิ่ม ในขณะที่คนชั่วกำลังตายด้วยความหิวและโรคระบาด ทูตสวรรค์จะปกป้องคนชอบธรรมทั้งหลายและเติมสิ่งที่พวกเขาขาดแคลน พระเจ้าประทานคำสัญญาให้กับ “ผู้ดำเนินอย่างชอบธรรม” ว่า “จะมีผู้ให้อาหารเขา น้ำดื่มของเขาจะมีแน่” เมื่อ “คนจนและคนขัดสนแสวงหาน้ำ แต่ไม่พบ และลิ้นของเขาก็แห้งผากด้วยความกระหาย เรา ยาห์เวห์ จะตอบพวกเขาเอง เรา พระเจ้าของอิสราเอลจะไม่ทอดทิ้งเขา” อิสยาห์ 33:15, 16; 41:17 {GC 629.2}GCth17 545.4
“ แม้ต้นมะเดื่อไม่มีดอกบาน หรือเถาองุ่นไม่มีผล ผลมะกอกก็ขาดไป ทุ่งนามิได้ผลิตอาหาร แม้ฝูงแพะแกะขาดไปจากคอก และไม่มีฝูงวัวที่ในโรง” แต่ถึงกระนั้นผู้ที่ยำเกรงพระองค์ “ จะเปรมปรีดิ์ในพระเจ้า” และจะปีติยินดีในพระเจ้าผู้ทรงช่วยเขาให้รอด ฮาบากุก 3:17, 18 {GC 629.3}GCth17 545.5
“พระยาห์เวห์ทรงเป็นผู้อารักขาท่าน พระยาห์เวห์ทรงเป็นร่มเงาที่ขวามือของท่าน ดวงอาทิตย์จะไม่โจมตีท่านในเวลากลางวัน หรือดวงจันทร์ในเวลากลางคืน พระยาห์เวห์จะทรงอารักขาท่านให้พ้นภยันตรายทั้งสิ้น พระองค์จะทรงอารักขาชีวิตของท่าน” “เพราะพระองค์จะทรงช่วยกู้ท่านให้พ้นจากกับของพรานนก และพ้นจากโรคภัยร้ายแรงนั้น พระองค์จะทรงปกท่านไว้ด้วยปีกของพระองค์ และท่านจะลี้ภัยอยู่ใต้ปีกของพระองค์ ความซื่อสัตย์ของพระองค์เป็นโล่และเป็นดั้ง ท่านจะไม่กลัวความสยดสยองในกลางคืน หรือลูกธนูที่ปลิวไปในกลางวัน หรือกลัวโรคภัยที่ไล่มาในความมืด หรือความหายนะซึ่งทำลายในเที่ยงวัน พันคนจะล้มอยู่ข้างๆ ท่าน หมื่นคนที่ขวามือของท่าน แต่ภัยนั้นจะไม่มาใกล้ท่าน ท่านจะเพียงเห็นกับตาเอง และเห็นการตอบแทนคนอธรรม เพราะท่านได้ทำให้พระยาห์เวห์ผู้เป็นที่ลี้ภัยของข้าพเจ้า คือองค์ผู้สูงสุด เป็นที่พักพิงของท่าน ไม่มีเหตุร้ายใดๆ จะเกิดแก่ท่าน ไม่มีภัยพิบัติมาใกล้เต็นท์ของท่าน” สดุดี 121:5-7; 91:3-10 {GC 629.4}GCth17 545.6
แต่ถึงกระนั้น ในสายตาของมนุษย์แล้ว ประชากรของพระเจ้าจะต้องประทับคำพยานของพวกเขาด้วยเลือดของพวกเขาเองเช่นเดียวกับผู้ที่ยอมพลีชีพเพื่อความเชื่อก่อนหน้าพวกเขา พวกเขาเองเริ่มกลัวว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงทอดทิ้งพวกเขาให้ล้มลงด้วยมือของศัตรูของพวกเขา มันเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์อันน่าสะพรึงกลัว พวกเขาร้องทูลขอพระเจ้าให้ทรงช่วยกู้ทั้งกลางวันและกลางคืน คนชั่วปรีดาและส่งเสียงร้องเยาะเย้ยให้ได้ยินว่า “ความเชื่อของท่านหายไปไหน ถ้าหากท่านเป็นคนของพระเจ้าจริงๆ แล้ว ทำไมพระองค์จึงไม่ทรงช่วยให้ท่านหลุดพ้นจากมือของเรา” แต่เหล่าผู้ที่รอคอยจำได้ว่า ในขณะที่พระเยซูทรงกำลังสิ้นพระชนม์บนกางเขนคาลวารีนั้น พวกมหาปุโรหิตและผู้ปกครองต่างตะโกนขึ้นอย่างเย้ยหยันว่า “เขาช่วยคนอื่นให้รอดได้ แต่ช่วยตัวเองไม่ได้ เขาเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล ให้เขาลงมาจากกางเขนเดี๋ยวนี้เถิด เราจะได้เชื่อบ้าง” มัทธิว 27:42 พวกเขาปล้ำสู้กับพระเจ้าเช่นเดียวกับยาโคบ สีหน้าของพวกเขาบ่งบอกถึงการดิ้นรนที่มีอยู่ภายใน ใบหน้าของทุกคนมีแต่ความซีดเซียว แต่ถึงกระนั้น พวกเขาไม่ได้ยุติการทูลขออ้อนวอนอย่างจริงใจของพวกเขา {GC 630.1}GCth17 546.1
หากมนุษย์จะมองด้วยสายตาของชาวสวรรค์แล้ว พวกเขาจะมองเห็นทูตสวรรค์ผู้เต็มไปด้วยพลังยิ่งใหญ่จำนวนมากยืนห้อมล้อมบรรดาผู้ถือรักษาพระวจนะของพระคริสต์ด้วยความอดทน ด้วยความอ่อนโยนเห็นใจ ทูตสวรรค์เฝ้ามองดูพวกเขาทนทุกข์ลำเค็ญและได้ยินคำอธิษฐานของพวกเขา พวกเขากำลังรอคอยคำบัญชาจากพระผู้ทรงเป็นนายที่จะให้ช่วยคนเหล่านี้ให้หลุดพ้นจากภัยอันตราย แต่ทูตสวรรค์เหล่านี้จำเป็นที่จะต้องรอคอยไปอีกระยะเวลาหนึ่ง ประชากรของพระเจ้าจะต้องดื่มจากจอกนั้นและเข้าร่วมในบัพติศมา การรอคอยเช่นนี้เป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับคำทูลขอ แต่ช่างเป็นสิ่งที่เจ็บปวดเหลือเกินสำหรับเหล่าทูตสวรรค์ ในขณะที่ประชากรของพระเจ้าเพียรรอคอยให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำการให้แก่พวกเขาด้วยความไว้วางใจนั้น พวกเขาก็จะได้ฝึกฝนความเชื่อ ความหวังใจและความอดทนนาน ซึ่งพวกเขาไม่ค่อยได้ฝึกปฏิบัติในประสบการณ์ทางศาสนาช่วงที่ผ่านมา แต่เพื่อเห็นแก่ผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้แล้วนั้น เวลาแห่งความทุกข์นี้จะสั้นลง “พระเจ้าจะไม่ประทานความยุติธรรมแก่คนที่พระองค์ทรงเลือกไว้คือพวกที่ร้องถึงพระองค์ทั้งกลางวันกลางคืนหรือ……. เราบอกพวกท่านว่า พระองค์จะประทานความยุติธรรมแก่พวกเขาโดยเร็ว แต่เมื่อบุตรมนุษย์มา ท่านยังจะพบความเชื่อในแผ่นดินโลกหรือ” ลูกา 18:7, 8 เวลาสิ้นยุคจะมาถึงเร็วกว่าที่มนุษย์คาดหมายไว้ ต้นข้าวจะถูกรวบรวมและมัดไว้เป็นฟ่อนเก็บเข้ายุ้งฉางของพระเจ้า ส่วนต้นข้าวละมานจะถูกมัดรวมกันเพื่อเผาทำลายเสียในกองไฟ {GC 630.2}GCth17 546.2
คนเฝ้ายามชาวสวรรค์ผู้ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายไว้ด้วยความซื่อสัตย์จะยังคงเฝ้าต่อไป ถึงแม้ว่าคำสั่งกฎหมายกำหนดวันประหารผู้ถือรักษาพระบัญญัติจะถูกประกาศออกไปทั่วแล้วก็ตาม ในบางกรณี ศัตรูบางคนจะทำการนี้ก่อนถึงวันกำหนดที่ประกาศไว้ ศัตรูเหล่านี้หมายที่จะเอาชีวิตของพวกเขา แต่ไม่มีผู้ใดจะฝ่าผู้พิทักษ์ยิ่งใหญ่ที่ยืนล้อมรอบจิตวิญญาณทุกดวงที่ซื่อสัตย์เข้าไปได้ ศัตรูบางคนจู่โจมขณะที่คนเหล่านี้กำลังหนีออกจากเมืองและหมู่บ้าน แต่ดาบที่ชูขึ้นต่อสู้คนของพระเจ้านั้นจะหักและตกลงมาอย่างไร้อำนาจเหมือนดั่งฟางแห้ง ส่วนคนอื่นๆ จะมีทูตสวรรค์ในสภาพนักรบมาปกป้องพวกเขาไว้ {GC 631.1}GCth17 546.3
ในทุกยุคสมัย พระเจ้าทรงให้การค้ำจุนและช่วยเหลือประชากรของพระองค์โดยทรงทำการผ่านทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์ ชาวสวรรค์มีส่วนร่วมอยู่ในกิจกรรมของมนุษย์ พวกเขาปรากฏให้เห็นในชุดที่สว่างเจิดจ้าดั่งสายฟ้าแลบ พวกเขามาปรากฏเป็นมนุษย์ในสภาพของผู้ร่วมเดินทาง ทูตสวรรค์มาปรากฏต่อหน้าคนของพระเจ้าในสภาพของมนุษย์ พวกเขาพักผ่อนใต้ต้นโอ๊คในเวลาเที่ยงวันทำราวกับว่าเหนื่อยอ่อน พวกเขาเคยได้รับการต้อนรับอย่างเป็นมิตรในบ้านของมนุษย์ พวกเขาเคยทำหน้าที่เป็นผู้นำทางให้แก่คนเดินทางในยามค่ำคืนที่มืดมิด พวกเขาใช้มือจุดไฟบนแท่นเผาบูชา พวกเขาเปิดประตูเรือนจำและปลดปล่อยผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้เป็นอิสระ พวกเขามาในชุดของชาวสวรรค์เพื่อกลิ้งก้อนหินออกจากปากอุโมงค์ฝังศพของพระผู้ช่วยให้รอด {GC 631.2}GCth17 546.4
บ่อยครั้งที่เหล่าทูตสวรรค์จะปรากฏในสภาพมนุษย์เข้าร่วมประชุมกับผู้ชอบธรรม และเยี่ยมการชุมนุมของคนอธรรมเหมือนเช่นที่ไปยังเมืองโสโดมเพื่อจดบันทึกการกระทำชั่วของพวกเขา เพื่อดูว่าคนเหล่านั้นทำเกินกว่าขอบเขตความอดทนนานของพระเจ้าแล้วหรือยัง องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพอพระทัยความเมตตาและเพื่อเห็นแก่คนเพียงไม่กี่คนที่รับใช้พระองค์อย่างแท้จริง พระองค์จึงทรงห้ามหายนะและยืดเวลาความสงบสุขให้แก่คนเป็นอันมาก คนบาปที่ต่อต้านพระเจ้าแทบจะไม่สำนึกเลยว่า ชีวิตของพวกเขานั้นเป็นหนี้ต่อผู้ที่ซื่อสัตย์เพียงไม่กี่คนที่เขาล้อเลียนและกดขี่ {GC 631.3}GCth17 547.1
แม้ผู้ปกครองของโลกนี้จะไม่ทราบ แต่มีอยู่บ่อยครั้งที่ทูตสวรรค์เป็นผู้พูดในที่ประชุมของพวกเขา สายตาของมนุษย์เคยมองเห็นพวกเขา หูของมนุษย์เคยฟังคำอ้อนวอนของพวกเขา ริมฝีปากของมนุษย์พูดต่อต้านข้อเสนอแนะและเยาะเย้ยคำแนะนำของพวกเขา มือของมนุษย์คอยกลั่นแกล้งและเอาเปรียบพวกเขา ในที่ประชุมสภาและศาลยุติธรรม ผู้สื่อข่าวชาวสวรรค์เหล่านี้แสดงความคุ้นเคยส่วนตัวกับประวัติศาสตร์ของมวลมนุษย์ พวกเขาได้พิสูจน์ตนเองแล้วว่า สามารถแก้ต่างให้กับผู้ที่ถูกกดขี่ได้ดีกว่าทนายที่เก่งกาจและพูดจาคล่องที่สุด พวกเขาเคยเอาชนะความมุ่งมั่นและหยุดยั้งบรรดาความชั่วร้ายที่อาจจะทำให้งานของพระเจ้าต้องชะลอไปอย่างมากและอาจจะนำความทุกข์ยากอันยิ่งใหญ่มาสู่ประชากรของพระองค์ ในเวลาที่อันตรายและทุกข์ยากเช่นนี้ “ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ได้ตั้งค่ายล้อมบรรดาผู้ที่ยำเกรงพระองค์ และช่วยกู้พวกเขา” สดุดี 34:7 {GC 632.1}GCth17 547.2
ประชากรของพระเจ้ารอคอยเครื่องหมายของการเสด็จมาของพระราชาของพวกเขาด้วยความหวังที่จริงใจ ขณะที่คนเฝ้ายามถูกซักถามว่า “คนยามเอ๋ย ดึกเท่าไรแล้ว” คำตอบที่ได้มาอย่างไม่ลังเลคือ “เช้ามาถึง กลางคืนก็มาด้วย” อิสยาห์ 21:11, 12 แสงสว่างส่องประกายแวววาวอยู่บนเมฆเหนือยอดภูเขา ในไม่ช้า พระสิริของพระเจ้ากำลังจะปรากฏให้เห็น ดวงอาทิตย์แห่งความชอบธรรมกำลังจะส่องแสงออกมา เวลาเช้าและเวลากลางคืนกำลังมาใกล้แล้ว นั่นคือ จุดเริ่มต้นของวันอันไม่วันสิ้นสุดสำหรับผู้ชอบธรรมและการปักหลักของกลางคืนชั่วนิรันดร์สำหรับคนอธรรม {GC 632.2}GCth17 547.3
ในขณะผู้ที่ปล้ำสู้วิงวอนทูลขอต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้านั้น ม่านที่ตาเปล่ามองไม่เห็นซึ่งกั้นระหว่างตัวเขากับโลกที่มองไม่เห็นดูเหมือนจะถูกยกขึ้น ท้องฟ้าส่องประกายขึ้นด้วยรุ่งอรุณของวันแห่งนิรันดร และคำพูดที่พวกเขาได้ยินนั้นเป็นดั่งเสียงดนตรีอันไพเราะของเพลงแห่งทูตสวรรค์ว่า “จงยืนหยัดในความภักดี การช่วยเหลือกำลังจะมา” พระคริสต์ พระผู้ทรงมีชัยยิ่งใหญ่กำลังยื่นมงกุฎแห่งรัศมีอมตะให้กับเหล่าทหารผู้เมื่อยล้า และพระสุรเสียงของพระองค์ดังออกมาจากประตูที่เปิดกว้างว่า “ดูเถิด เราอยู่กับเจ้า อย่ากลัวเลย เราคุ้นเคยกับความเศร้าโศกทั้งหมดของเจ้า เราแบกความทุกข์ของเจ้าไว้แล้ว เจ้าไม่ได้ต่อสู้กับศัตรูที่ไม่เคยมีการทดสอบมาก่อน เราต่อสู้ในสงครามเพื่อเจ้าแล้ว และในนามของเรา เจ้านั้นเป็นยิ่งกว่าผู้มีชัยชนะ” {GC 632.3}GCth17 547.4
พระผู้ช่วยให้รอดผู้ประเสริฐจะประทานความช่วยเหลือในเวลาที่เรากำลังต้องการพอดี หนทางไปสู่สวรรค์ถูกอุทิศด้วยรอยพระบาทของพระองค์ ทุกเสี้ยนหนามที่ทำให้เท้าของเราเป็นบาดแผลนั้นทำให้พระองค์ทรงบาดเจ็บด้วย กางเขนทุกอันที่เราต้องแบกรับนั้น พระองค์ทรงเคยแบกมาแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอนุญาตให้ความขัดแย้งเกิดขึ้นเพื่อตระเตรียมจิตวิญญาณสำหรับสันติสุข เวลาแห่งความทุกข์ยากเป็นการทดสอบอันน่ากลัวสำหรับประชากรของพระเจ้า แต่นั่นเป็นเวลาที่ผู้เชื่อซื่อสัตย์ทุกคนจะมองขึ้นไป และด้วยความเชื่อเขาจะมองเห็นสายรุ้งแห่งพระสัญญาล้อมอยู่รอบตัวเขา {GC 633.1}GCth17 548.1
“พวกที่ไถ่ไว้แล้วของพระยาห์เวห์จะกลับมา และจะมายังศิโยนด้วยการร้องเพลง ความชื่นบานเป็นนิตย์จะอยู่บนศีรษะของพวกเขา เขาจะได้รับความชื่นบานและความยินดี ความโศกเศร้าและการถอนหายใจจะหนีไป เราเอง คือเราเองผู้ชูใจเจ้า เจ้าเป็นใครเล่าที่กลัวคนซึ่งจะต้องตาย คือกลัวมนุษย์ซึ่งถูกทำให้เหมือนหญ้า เจ้าลืมพระยาห์เวห์ผู้สร้างของเจ้า.....และเจ้ากลัวอยู่เรื่อยไปตลอดวัน เพราะความเกรี้ยวกราดของผู้บีบบังคับ เมื่อเขาตั้งตัวขึ้นที่จะทำลาย แต่ความเกรี้ยวกราดของผู้บีบบังคับอยู่ที่ไหนเล่า นักโทษจะได้รับการปลดปล่อยโดยเร็ว เขาจะไม่ตายในที่กักขัง และอาหารของเขาก็ไม่ขาดแคลน เพราะเราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ผู้กวนทะเลให้คลื่นของมันคะนอง (พระนามของพระองค์คือพระยาห์เวห์จอมทัพ) และเราใส่ถ้อยคำของเราไว้ในปากของเจ้า และซ่อนเจ้าไว้ในร่มมือของเรา เราตั้งฟ้าสวรรค์และวางรากฐานแผ่นดินโลก และกล่าวกับศิโยนว่า ‘เจ้าเป็นชนชาติของเรา’” อิสยาห์ 51:11-16 {GC 633.2}GCth17 548.2
“ฉะนั้น จงฟังข้อนี้เถิด ท่านผู้ถูกข่มใจ ผู้ซึ่งมึนเมา แต่ไม่ใช่ด้วยเหล้าองุ่น องค์เจ้านายของท่าน คือพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ผู้ทรงสู้คดีเพื่อชนชาติของพระองค์ ตรัสดังนี้ว่า ‘นี่แน่ะ เราได้เอาจอกแห่งความโซเซมาจากมือของเจ้าแล้ว ถ้วยแห่งความพิโรธของเรา เจ้าจะไม่ต้องดื่มต่อไป และเราจะใส่มันไว้ในมือของพวกที่ทรมานเจ้า คือพวกที่พูดกับเจ้าว่า ‘จงหมอบลง แล้วเราจะเดินข้ามเจ้าไป’ แล้วเจ้าทำให้หลังของเจ้าเหมือนพื้นดิน และเหมือนถนนเพื่อให้คนเดินข้ามไป” อิสยาห์ 51:21-23 {GC 633.3}GCth17 548.3
พระเนตรของพระเจ้าทรงมองผ่านยุคต่างๆ ไปจับอยู่กับวิกฤตที่ประชากรของพระองค์จะต้องเผชิญ เมื่ออำนาจฝ่ายโลกจะโหมกระหน่ำลงมายังคนเหล่านั้น ดั่งเชลยที่ถูกเนรเทศ พวกเขาจะกลัวความตายที่เกิดจากการอดอยากและความรุนแรง แต่พระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ผู้ทรงแยกทะเลแดงออกต่อหน้าชนชาติอิสราเอลจะทรงสำแดงอำนาจยิ่งใหญ่ของพระองค์และทรงปลดปล่อยพวกเขาจากการจับกุม “พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า ‘เขาทั้งหลายจะเป็นคนของเรา เป็นกรรมสิทธิ์พิเศษของเรา ในวันที่เราจะประกอบกิจ และเราจะเมตตาคนเหล่านี้ดังชายที่เมตตาบุตรผู้ปรนนิบัติเขา’” มาลาคี 3:17 หากเลือดของพยานผู้สัตย์ซื่อของพระคริสต์จะต้องไหลออกในช่วงเวลานี้ เลือดนี้จะไม่เหมือนกับเลือดของผู้ยอมพลีชีพที่เป็นเหมือนเมล็ดที่หว่านออกไปเพื่อรอคอยวันแห่งการเก็บเกี่ยวของพระเจ้า ความจงรักภักดีของพวกเขาจะไม่เป็นพยานเพื่อโน้มน้าวคนอื่นถึงสัจธรรม เพราะหัวใจอันแข็งกระด้างบีบบังคับให้คลื่นแห่งความเมตตาซัดกลับไปจนไม่หันกลับมาอีกเลย หากในเวลานี้จะปล่อยให้ผู้ชอบธรรมล้มลงไปเป็นเหยื่อของศัตรูแล้ว เจ้าชายแห่งความมืดก็จะได้รับชัยชนะ ผู้ประพันธ์สดุดีกล่าวไว้ว่า “เพราะพระองค์จะทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้ในที่ประทับของพระองค์ ในยามยากลำบาก พระองค์จะทรงกำบังข้าพเจ้าไว้ในที่กำบังแห่งพลับพลาของพระองค์ พระองค์จะทรงตั้งข้าพเจ้าไว้สูงบนศิลา” สดุดี 27:5 พระคริสต์ตรัสไว้แล้วว่า “มาเถิด ชนชาติของข้าพเจ้าเอ๋ย จงเข้าในห้องของท่าน และปิดประตูเสีย จงซ่อนตัวอยู่สักพักหนึ่ง จนกว่าพระพิโรธจะผ่านไป เพราะ ดูเถิด พระยาห์เวห์กำลังเสด็จออกมาจากสถานที่ของพระองค์ เพื่อลงโทษชาวแผ่นดินโลก เพราะความบาปผิดของเขาทั้งหลาย และแผ่นดินโลกจะเผยโลหิต ซึ่งหลั่งอยู่บนมัน และจะไม่ปิดบังผู้ถูกฆ่าของมันไว้อีก” อิสยาห์ 26:20, 21 การช่วยให้รอดของผู้ที่รอคอยการเสด็จมาของพระองค์ด้วยความอดทนนานและเป็นผู้มีชื่ออยู่ในหนังสือแห่งชีวิตนั้นจะงดงามรุ่งโรจน์อย่างยิ่งใหญ่ {GC 634.1}GCth17 549.1