บท 40 - ประชากรของพระเจ้าได้รับการช่วยกู้
- อารัมภบท
- บทนำของคณะผู้จัดพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษ
- คำนำของผู้ประพันธ์
- บท 1 - ความพินาศของกรุงเยรูซาเล็ม
- บท 2 - การกดขี่ข่มเหงในศตวรรษต้นๆ
- บท 3 - ยุคมืดทางจิตวิญญาณ
- บท 4 - ชาววอลเดนซิส
- บท 5 - ยอห์น ไวคลิฟ
- บท 6 - ฮัสและเจอโรมี
- บท 7 - ลูเธอร์ตีตัวออกห่างจากโรม
- บท 8 - ลูเธอร์รายงานตัวต่อสภา
- บท 9 - นักปฏิรูปศาสนาชาวสวิส
- บท 10 - ความก้าวหน้าของการปฏิรูปในประเทศเยอรมนี
- บท 11 - การประท้วงของเจ้าครองแคว้นต่างๆ
- บท 12 - การปฏิรูปศาสนาในประเทศฝรั่งเศส
- บท 13 - ประเทศเนเธอร์แลนด์และแถบสแกนดิเนเวีย
- บท 14 - นักปฏิรูปศาสนาชาวอังกฤษรุ่นหลัง
- บท 15 - พระคัมภีร์กับการปฏิวัติในประเทศฝรั่งเศส
- บท 16 - บรรพบุรุษที่เป็นพิลกริม
- บท 17 - ผู้ประกาศข่าวของรุ่งอรุณ
- บท 18 -นักปฏิรูปชาวอเมริกันท่านหนึ่ง
- บท 19 - ความสว่างส่องเข้าไปในที่มืด
- บท 20 - การตื่นตัวครั้งยิ่งใหญ่ฝ่ายศาสนา
- บท 21 - คำเตือนที่ถูกปฏิเสธ
- บท 22 - เหตุการณ์เกิดขึ้นตามคำพยากรณ์
- บท 23 - สถานนมัสการคืออะไร
- บท 24 - อภิสุทธิสถาน
- บท 25 - พระบัญญัติของพระเจ้าเปลี่ยนแปลงไม่ได้
- บท 26 - ภารกิจหนึ่งของการปฏิรูป
- บท 27 - การฟื้นฟูยุคใหม่
- บท 28 - เผชิญหน้ากับหนังสือบันทึกแห่งชีวิต
- บท 29 - จุดเริ่มต้นของความชั่ว
- บท 30 - มนุษย์และซาตานเป็นศัตรูกัน
- บท 31 - สื่อวิญญาณชั่ว
- บท 32 - กับดักของซาตาน
- บท 33 - การหลอกลวงยิ่งใหญ่ครั้งแรก
- บท 34 - คนตายติดต่อกับเราได้หรือ
- บท 35 - เสรีภาพของจิตสำนึกถูกคุกคาม
- บท 36 - การขัดแย้งที่กำลังจะเกิดขึ้น
- บท 37 - พระคัมภีร์เป็นโล่ป้องกัน
- บท 38 - คำเตือนสุดท้าย
- บท 39 - เวลาแห่งความทุกข์ยาก
- บท 40 - ประชากรของพระเจ้าได้รับการช่วยกู้
- บท 41 - โลกร้างอ้างว้าง
- บท 42 - ความขัดแย้งสิ้นสุดแล้ว
Search Results
- Results
- Related
- Featured
- Weighted Relevancy
- Content Sequence
- Relevancy
- Earliest First
- Latest First
- Exact Match First, Root Words Second
- Exact word match
- Root word match
- EGW Collections
- All collections
- Lifetime Works (1845-1917)
- Compilations (1918-present)
- Adventist Pioneer Library
- My Bible
- Dictionary
- Reference
- Short
- Long
- Paragraph
No results.
EGW Extras
Directory
บท 40 - ประชากรของพระเจ้าได้รับการช่วยกู้
เมื่อการปกป้องของกฎหมายมนุษย์ที่คุ้มครองบรรดาผู้ที่ถวายเกียรติธรรมบัญญัติของพระเจ้าจะถูกยกเลิกไปแล้ว จะเกิดขบวนการในประเทศต่างๆ ขึ้นพร้อมกันเพื่อทำลายพวกเขา เมื่อเวลากำหนดตามที่ระบุไว้ในกฎหมายใกล้จะมาถึงแล้วนั้น ประชาชนจะร่วมกันออกอุบายถอนรากถอนโคนนิกายที่พวกเขาเกลียดชัง พวกเขาตั้งใจเข้าจู่โจมให้เสร็จสิ้นภายในคืนเดียวเพื่อกำจัดเสียงที่ขัดแย้งและตำหนิให้เงียบไปอย่างเด็ดขาด {GC 635.1}GCth17 550.1
ประชากรของพระเจ้าบ้างก็ถูกขังอยู่ในคุก บ้างก็ซ่อนตัวอยู่ในที่โดดเดี่ยวตามป่าและภูเขา คนเหล่านี้ยังคงอธิษฐานอ้อนวอนขอการคุ้มครองจากพระเจ้า ในขณะที่คนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งมีอาวุธครบมือและได้รับการหนุนหลังจากทูตสวรรค์ชั่วกำลังเตรียมพร้อมเพื่อทำงานแห่งความตาย บัดนี้เป็นเวลายากแค้นลำบากที่สุดซึ่งพระเจ้าของอิสราเอลจะทรงเข้ามาขัดขวางเพื่อช่วยกู้ผู้ที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้แล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “พวกท่านจะมีบทเพลงเหมือนอย่างคืนที่มีเทศกาลเลี้ยงศักดิ์สิทธิ์ และมีใจยินดีอย่างคนที่ออกเดิน…….ไปยังภูเขาของพระยาห์เวห์เจ้า ถึงพระศิลาของอิสราเอล และพระยาห์เวห์จะทรงทำให้คนได้ยินพระสุรเสียงทรงพลังของพระองค์ และจะทรงทำให้ได้เห็นพระกรของพระองค์ที่ฟาดลงด้วยความกริ้วอย่างเกรี้ยวกราด และด้วยเปลวเพลิงเผาผลาญ รวมทั้งฝนตกหนักกับพายุ และลูกเห็บ” อิสยาห์ 30:29, 30 {GC 635.2}GCth17 550.2
ด้วยเสียงตะโกนโห่ร้องอย่างมีชัย ด้วยเสียงเย้ยหยันและแช่งด่า หมู่คนชั่วร้ายกำลังจะวิ่งเข้าไล่ฟันเหยื่อของพวกเขา ดูเถิด ความมืดหนาทึบยิ่งกว่ากลางคืนได้แผ่มาปกคลุมแผ่นดินโลก จากนั้นปรากฏรุ้งซึ่งส่องแสงเรืองด้วยรัศมีที่มาจากพระที่นั่งของพระเจ้าทอดโค้งข้ามท้องฟ้าและดูราวกับจะมาห้อมล้อมกลุ่มคนที่กำลังอธิษฐานอยู่แต่ละกลุ่ม ฝูงชนที่โกรธเคืองหยุดนิ่งในทันทีทันใด เสียงร้องเยาะเย้ยของพวกเขาเงียบหายไป เป้าหมายที่จะทำด้วยความบ้าคลั่งร้ายแรงถูกลืมไปหมดสิ้น ด้วยความรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่น่ากลัวพวกเขาจ้องมองไปยังเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาของพระเจ้าและปรารถนาที่จะหนีไปให้พ้นจากแสงเจิดจ้าซึ่งมีอำนาจมากนั้น {GC 635.3}GCth17 550.3
ส่วนประชากรของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงหนึ่งที่สดใสชัดเจนและไพเราะดังมาว่า “จงเงยหน้าขึ้นไป” พวกเขาเงยหน้ามองขึ้นไปยังท้องฟ้า และมองเห็นรุ้งแห่งคำสัญญา เมฆดำจัดน่ากลัวที่ปกคลุมอยู่ทั่วท้องฟ้าเคลื่อนตัวแยกออกจากกัน และเช่นเดียวกับสเทเฟน พวกเขาได้จ้องมองเข้าไปในท้องฟ้าและเห็นพระสิริของพระเจ้าและของบุตรมนุษย์ประทับอยู่บนพระที่นั่งของพระองค์ พวกเขามองเห็นพระองค์อยู่ในสภาพของพระเจ้าและมองเห็นเครื่องหมายแห่งความอัปยศปรากฏอยู่บนพระวรกายของพระองค์ และพวกเขาได้ยินคำทูลขอจากพระโอษฐ์ของพระองค์ที่เสนอต่อพระบิดาและทูตสวรรค์บริสุทธิ์ทั้งหลายว่า “ข้าแต่พระบิดา ข้าพระองค์ปรารถนาให้คนเหล่านั้นที่พระองค์ประทานแก่ข้าพระองค์อยู่กับข้าพระองค์ในที่ที่ข้าพระองค์อยู่นั้น” ยอห์น 17:24 มีเสียงที่ไพเราะดั่งดนตรีและด้วยชัยชนะดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งว่า “พวกเขามาแล้ว พวกเขามาแล้ว บริสุทธิ์ เป็นผู้บริสุทธิ์ ปราศจากอุบาย ไร้มลทิน พวกเขาถือรักษาถ้อยคำแห่งความอดทนนานของเราและจะเดินอยู่ท่ามกลางทูตสวรรค์” แล้วริมฝีปากที่ซีดและสั่นเทาของบรรดาผู้ที่ยึดมั่นในความเชื่อจะโห่ร้องด้วยความมีชัยอย่างแท้จริง {GC 636.1}GCth17 551.1
มันเป็นเวลาเที่ยงคืนที่พระเจ้าทรงสำแดงฤทธานุภาพของพระองค์เพื่อการช่วยประชากรของพระองค์ ดวงอาทิตย์ปรากฏและส่องแสงสว่างอย่างแรงกล้า หมายสำคัญและการอัศจรรย์ต่างๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วติดต่อกันเป็นลำดับ คนชั่วมองเหตุการณ์เหล่านี้ด้วยความหวาดกลัวและประหลาดใจ ในขณะที่คนชอบธรรมมองดูด้วยความสุขอย่างเคร่งขรึมว่านี่เป็นหมายสำคัญแห่งการช่วยกู้ของพวกเขา ดูประหนึ่งว่าทุกสิ่งในธรรมชาติจะหันเหออกไปจากวิถีของมัน ลำธารหยุดไหล เมฆดำหนาทึบปรากฏและต่างชนกระแทกเข้าใส่กัน ในท่ามกลางท้องฟ้าที่กำลังปั่นป่วนนั้นมีช่องว่างที่มีรัศมีสุกใสที่เกินคำบรรยายส่องออกมา พระสุรเสียงของพระเจ้าดังลอดผ่านช่องนั้นมา เป็นเสียงที่ดังเหมือนเสียงธารน้ำไหลมากมายตรัสว่า “สำเร็จแล้ว” วิวรณ์ 16:17 {GC 636.2}GCth17 551.2
เสียงนั้นสั่นสะเทือนฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก “เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงซึ่งตั้งแต่มนุษย์เกิดขึ้นมาบนแผ่นดินโลก ไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงน่ากลัวอย่างนั้นเลย” วิวรณ์ 16:17, 18 ดูเสมือนว่าท้องฟ้าจะเปิดๆ ปิดๆ รัศมีภาพจากพระที่นั่งของพระเจ้าดูราวกับจะส่องผ่านเมฆออกมา ภูเขาสั่นสะเทือนเหมือนต้นอ้อถูกลมพัดและเศษก้อนหินขรุขระกระเด็นกระจัดกระจายไปทั่วรอบทิศ มีเสียงคำรามประหนึ่งเสียงพายุที่กำลังจะพัดเข้ามา ทะเลซัดปั่นป่วนราวกับโกรธแค้น เสียงลมสลาตันพัดดังกึกก้องราวกับเสียงร้องของภูตผีที่ออกไปทำหน้าที่แห่งการทำลายล้าง โลกทั้งใบกระเพื่อมและพองออกเหมือนคลื่นในทะเล พื้นผิวโลกกำลังปริออก ราวกับว่ารากฐานของแผ่นดินโลกจะพังทลาย เทือกเขากำลังจมลง เกาะที่มีผู้คนอาศัยอยู่จมหายไป ท่าเรือที่เหมือนเมืองโสโดมเนื่องด้วยความชั่วนั้นถูกคลื่นร้ายกลืนไป มหานครบาบิโลนเข้ามาอยู่ในความทรงจำของพระเจ้าเพื่อ “ทรงให้ถ้วยเหล้าองุ่นแห่งพระพิโรธรุนแรงของพระองค์” แก่เธอ ลูกเห็บขนาดยักษ์ “หนักประมาณห้าสิบกิโลกรัม” กระทำการแห่งการทำลายล้าง วิวรณ์ 16:19, 21 เมืองหยิ่งผยองที่สุดในโลกกำลังถูกทำลายจนราบเรียบ คฤหาสน์ราชวังที่งามสง่าซึ่งบรรดาเจ้านายในแผ่นดินโลกใช้จ่ายทรัพย์สมบัติอย่างฟุ่มเฟือยเพื่อทำให้ตนเองได้รับเกียรตินั้นพังพินาศไปต่อหน้าต่อตา กำแพงคุกแยกออกและประชากรของพระเจ้าที่ถูกกักขังอยู่อันเนื่องมาจากความเชื่อได้ถูกปลดปล่อยให้อิสระ {GC 636.3}GCth17 551.3
หลุมฝังศพเปิดออกและ “คนเป็นอันมากในพวกที่หลับในผงคลีแห่งแผ่นดินโลกจะตื่นขึ้น บ้างเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ บ้างเข้าสู่ความอับอายและความขายหน้านิรันดร์” ดาเนียล 12:2 ทุกคนที่ตายไปพร้อมกับความเชื่อในข่าวทูตสวรรค์องค์ที่สามจะเป็นขึ้นจากหลุมศพด้วยรัศมีภาพเพื่อฟังพระสัญญาแห่งสันติสุขของพระเจ้าพร้อมกับบรรดาผู้ถือรักษาธรรมบัญญัติของพระองค์ “คนทั้งหลายที่แทงพระองค์” วิวรณ์ 1:7 คนที่หัวเราะและเยาะเย้ยเมื่อพระองค์กำลังจะสิ้นพระชนม์ด้วยความทุกข์ทรมาน และคนที่ต่อต้านความจริงและต่อต้านประชากรของพระองค์อย่างรุนแรงที่สุด คนเหล่านี้จะเป็นขึ้นจากตายมามองดูพระองค์ในขณะที่ทรงพระสิริอันยิ่งใหญ่และเห็นพระองค์ประทานเกียรติยศให้แก่ผู้ที่ซื่อสัตย์และเชื่อฟังพระองค์ {GC 637.1}GCth17 552.1
เมฆหนาทึบยังคงปกคลุมท้องฟ้า แต่กระนั้นแสงอาทิตย์ส่องผ่านเมฆออกมาเป็นครั้งคราวมองดูคล้ายกับพระเนตรที่โกรธแค้นของพระยาห์เวห์ แสงฟ้าแลบที่ดุร้ายพุ่งออกมาจากท้องฟ้าล้อมรอบโลกไว้ในเปลวไฟที่เป็นแพ และเหนือเสียงคำรามของฟ้าร้องอันน่ากลัวนั้น มีเสียงลึกลับและน่ากลัวดังขึ้นประกาศวาระสุดท้ายของคนอธรรม ไม่ใช่ทุกคนที่ได้ยินเสียงนั้นจะเข้าใจ แต่ครูสอนเทียมเท็จจะเข้าใจเสียงนั้นได้อย่างชัดเจน ผู้ที่ก่อนหน้านี้เพียงเล็กน้อยเป็นคนไร้เหตุผล อวดใหญ่และดื้อดึง สนุกสนานกับความทารุณโหดเหี้ยมต่อประชากรของพระเจ้าที่ถือรักษาพระบัญญัติของพระองค์ บัดนี้กลับท่วมท้นด้วยความตะลึงและสั่นสะท้านด้วยความกลัว เสียงร้องโหยหวนของพวกเขาดังกว่าเสียงจากธรรมชาติ พวกผีมารร้ายต่างยอมรับว่าพระคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าและสั่นสะท้านอยู่เบื้องหน้าอำนาจของพระองค์ ส่วนมนุษย์กำลังทูลขอความเมตตาและกลิ้งไปมาด้วยความหวาดกลัวอย่างน่าเวทนา {GC 637.2}GCth17 552.2
ผู้เผยพระวจนะในอดีตกาลกล่าวถึงวันแห่งพระเจ้าจากที่เห็นในนิมิตอันศักดิ์สิทธิ์ว่า “จงร้องไห้ซิ เพราะวันแห่งพระยาห์เวห์มาใกล้แล้ว วันนั้นจะมาเหมือนอย่างการทำลายจากองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ” อิสยาห์ 13:6 “จงหลบเข้าไปอยู่ในหิน และซ่อนตัวในผงคลี ให้พ้นจากความน่าเกรงกลัวของพระยาห์เวห์และจากพระรัศมีแห่งความโอ่อ่าตระการของพระองค์ ท่าทีอันผยองของมนุษย์จะต่ำต้อยลง และความจองหองของคนจะตกต่ำ พระยาห์เวห์องค์เดียวจะเป็นผู้เทิดทูนในวันนั้น เพราะว่าพระยาห์เวห์จอมทัพทรงเตรียมวันหนึ่งซึ่งจะต่อสู้กับสารพัดที่เย่อหยิ่งและโอหัง ทั้งกับสารพัดที่ถูกยกชูขึ้นซึ่งจะต่ำต้อยลง” “ในวันนั้นคนจะเหวี่ยงรูปเคารพของเขาที่ทำด้วยเงินและรูปเคารพที่ทำด้วยทองคำ ซึ่งพวกเขาทำให้กับตัวเองเพื่อใช้กราบไหว้นั้นออกไปยังตัวตุ่นและตัวค้างคาว เพื่อจะเข้าถ้ำหินและเข้าซอกผาให้พ้นจากความน่าเกรงกลัวของพระยาห์เวห์และพ้นจากพระรัศมีแห่งความโอ่อ่าตระการของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงลุกขึ้นทำให้โลกสั่นสะท้าน” อิสยาห์ 2:10-12, 20, 21 {GC 638.1}GCth17 552.3
มีดาวดวงหนึ่งส่องประกายผ่านช่องเมฆ ความสว่างเจิดจ้าของดาวดวงนี้เพิ่มขึ้นเป็นสี่เท่าในความมืด บ่งบอกความหวังและความสุขใจให้แก่ผู้ซื่อสัตย์ แต่เป็นความรุนแรงและความโกรธเคืองให้กับผู้ล่วงละเมิดธรรมบัญญัติของพระเจ้า บัดนี้ ผู้ที่ยอมเสียสละทุกสิ่งเพื่อพระคริสต์ปลอดภัยแล้ว พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในที่ลี้ลับของพลับพลาขององค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเขาผ่านการตรวจทดสอบมาแล้วและประจักษ์ต่อหน้าคนทั้งโลกและต่อหน้าผู้ที่ดูแคลนสัจธรรมถึงความซื่อสัตย์ที่พวกเขามีต่อพระองค์ผู้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อพวกเขา มีการเปลี่ยนแปลงอย่างอัศจรรย์เกิดขึ้นกับผู้ที่ยึดมั่นในความซื่อตรงของพวกเขาแม้ต้องเผชิญหน้ากับความตาย พวกเขาได้รับการช่วยกู้โดยฉับพลันจากความมืดและความเหี้ยมโหดของมนุษย์ที่แปรเปลี่ยนกลายเป็นปีศาจ ใบหน้าของพวกเขาซึ่งก่อนหน้านี้ไม่นานดูซีดเผือด วิตกกังวลและเศร้าหมอง แต่บัดนี้อิ่มเอิบด้วยความอัศจรรย์ใจ ความเชื่อและความรัก พวกเขาเปล่งเสียงร้องเพลงแห่งชัยชนะว่า “พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยและเป็นกำลังของเรา เป็นความช่วยเหลือที่พร้อมอยู่ในยามยากลำบาก ฉะนั้นเราจะไม่กลัว แม้ว่าแผ่นดินโลกจะเปลี่ยนแปลงไป แม้ว่าภูเขาทั้งหลายจะโคลงเคลงลงสู่สะดือทะเล แม้ว่าน้ำทะเลคึกคะนองและฟองฟู แม้ว่าภูเขาสั่นสะเทือนเพราะทะเลอลวนนั้น” สดุดี 46:1-3 {GC 638.2}GCth17 552.4
ในขณะที่ถ้อยคำซึ่งแสดงออกถึงความไว้วางใจอันบริสุทธิ์เหล่านี้ลอยไปถึงพระเจ้านั้น เมฆถูกกวาดออกไปและจะมองเห็นท้องฟ้าเปล่งประกายดังดวงดาวเป็นรัศมีที่เจิดจ้าเหนือกว่าคำบรรยายใดๆ และแตกต่างจากท้องฟ้าทั้งสองด้านซึ่งมืดมนปั่นป่วน รัศมีของเมืองสวรรค์ส่องออกมาจากประตูที่เปิดอยู่ จากนั้นปรากฏมือซึ่งกำลังถือแผ่นศิลาสองแผ่นที่ประกบติดกันอยู่ทาบขึ้นมาบนท้องฟ้า ผู้เผยพระวจนะกล่าวว่า “ฟ้าสวรรค์ประกาศความชอบธรรมของพระองค์ เพราะพระเจ้านั่นแหละทรงเป็นผู้พิพากษา” สดุดี 50:6 ธรรมบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นความชอบธรรมของพระเจ้าซึ่งถูกประกาศ ณ ภูเขาซีนายท่ามกลางเสียงฟ้าร้องและเปลวเพลิงเพื่อให้เป็นแนวทางในการดำรงชีวิตนั้น บัดนี้ถูกเปิดเผยให้แก่มนุษย์เพื่อใช้เป็นกฎเกณฑ์ในการพิพากษา พระหัตถ์นั้นทรงกางแผ่นศิลาออกและมองเห็นข้อกำหนดของพระบัญญัติสิบประการถูกบันทึกไว้ด้วยปากกาไฟ ข้อความเหล่านั้นชัดเจนจนทุกคนอ่านออก ความทรงจำหวนกลับมา และความมืดมนแห่งความงมงายและความเชื่อที่ผิดถูกกวาดไปจากสมองของทุกคน และพระวจนะทั้งสิบประการของพระเจ้าที่กระชับ เข้าใจง่าย และมีอำนาจถูกนำมาให้ทุกคนที่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้มองเห็น {GC 639.1}GCth17 553.1
เป็นเรื่องสุดวิสัยที่จะบรรยายถึงความกลัวและความสิ้นหวังของคนทั้งหลายที่เหยียบย่ำข้อกำหนดศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายของพระเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานธรรมบัญญัติของพระองค์ให้แก่พวกเขาเพื่อที่พวกเขาจะใช้เปรียบเทียบกับอุปนิสัยของพวกเขาและเรียนรู้ข้อบกพร่องของตนเองในขณะที่ยังมีโอกาสกลับใจและปฏิรูปได้ แต่เพื่อที่จะได้รับความนิยมชมชอบจากชาวโลก พวกเขาปัดกฎหมายของพระเจ้าทิ้งไปและสอนผู้อื่นให้ละเมิดกฎหมายนั้นด้วย พวกเขาพยายามบังคับประชากรของพระองค์ให้ทำวันสะบาโตของพระองค์เป็นมลทิน บัดนี้ พวกเขาถูกปรับโทษโดยธรรมบัญญัตินั้นที่พวกเขาเคยหมิ่นประมาท พวกเขามองเห็นด้วยความชัดเจนอย่างน่ากลัวว่า พวกเขาไม่มีข้อแก้ตัว พวกเขาได้เลือกผู้ที่พวกเขาต้องการปรนนิบัติและนมัสการแล้ว “แล้วเจ้าจะสังเกตเห็นความแตกต่างระหว่าง คนชอบธรรมและคนอธรรม ระหว่างคนที่ปรนนิบัติพระเจ้ากับคนที่ไม่ปรนนิบัติพระองค์ได้อีกครั้งหนึ่ง” มาลาคี 3:18 {GC 639.2}GCth17 553.2
ศัตรูของธรรมบัญญัติของพระเจ้า นับตั้งแต่อาจารย์ทั้งหลายลงไปจนถึงผู้ที่เล็กน้อยที่สุดล้วนมีความคิดเห็นใหม่เกี่ยวกับสัจธรรมและหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ แต่กว่าที่พวกเขาจะเข้าใจว่าวันสะบาโตของพระบัญญัติข้อที่สี่เป็นตราประทับของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์นั้นก็เป็นเวลาที่สายเกินไปแล้ว กว่าพวกเขาจะเห็นว่าธาตุแท้ของวันสะบาโตเทียมเท็จและรากฐานที่พวกเขาใช้ก่อสร้างนั้นเป็นเพียงแค่ทรายก็สายเกินไปแล้ว พวกเขารู้แล้วว่าพวกเขาได้ต่อสู้กับพระเจ้า บรรดาครูสอนศาสนาได้นำจิตวิญญาณลงไปสู่ความพินาศในขณะที่แสดงตนว่ากำลังนำจิตวิญญาณเหล่านั้นไปยังประตูสวรรค์ พวกเขาไม่มีทางรู้เลยจนกระทั่งถึงวันที่จะมีการคิดบัญชีครั้งสุดท้ายว่าความรับผิดชอบของผู้ที่อยู่ในตำแหน่งศักดิ์สิทธิ์นั้นยิ่งใหญ่เพียงไรและผลลัพธ์ของความไม่สัตย์ซื่อของพวกเขานั้นน่ากลัวเพียงไร เฉพาะในเวลาของนิรันดร์กาลเท่านั้นที่เราจะสามารถประเมินได้อย่างถูกต้องถึงความสูญเสียของจิตวิญญาณเพียงดวงเดียว วาระสุดท้ายของผู้ที่พระเจ้าจะตรัสว่า “เจ้าผู้กระทำชั่ว จงออกไปเสีย” นั้น เป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งนัก {GC 640.1}GCth17 554.1
พระสุรเสียงของพระเจ้าดังมาจากท้องฟ้า ประกาศวันและชั่วโมงที่พระเยซูจะเสด็จมาและจะทรงนำพันธสัญญาชั่วนิรันดร์มาให้แก่ประชากรของพระองค์ พระดำรัสของพระองค์กระจายออกตลอดทั่วทั้งโลกดั่งเสียงที่ดังกระหึ่มของฟ้าร้องที่ดังที่สุด ชาวอิสราเอลของพระเจ้ายืนฟังด้วยดวงตาที่จ้องมองขึ้นไปเบื้องบน ใบหน้าของพวกเขาอิ่มเอิบไปด้วยพระสิริของพระองค์ และส่องประกายออกมาเหมือนกับใบหน้าของโมเสสขณะเดินลงมาจากภูเขาซีนาย คนอธรรมมองหน้าของพวกเขาไม่ได้ และเมื่อผู้ที่ถวายเกียรติพระเจ้าด้วยการถือรักษาวันสะบาโตให้บริสุทธิ์ได้รับการประกาศว่าเป็นพวกที่ได้รับพระพร ก็มีเสียงโห่ร้องแห่งชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ดังขึ้น {GC 640.2}]GCth17 554.2
ไม่นานต่อมา มีเมฆสีดำก้อนเล็กๆ ปรากฏขึ้นทางทิศตะวันออก เมฆนั้นมีขนาดเท่าครึ่งฝ่ามือมนุษย์ เป็นก้อนเมฆที่ห้อมล้อมรอบพระผู้ช่วยให้รอดไว้และดูไกลๆ ราวกับว่าถูกหุ้มห่อด้วยความมืด ประชากรของพระเจ้าทราบดีว่านี่คือหมายสำคัญของพระบุตรของพระเจ้า พวกเขาจ้องมองขึ้นไปด้วยความเงียบขรึมในขณะที่เมฆก้อนนั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้โลกมากขึ้นเรื่อยๆ แสงสว่างและรัศมีภาพก็มีมากขึ้น มากขึ้น จนกระทั่งกลายเป็นเมฆสีขาวขนาดใหญ่ ฐานของเมฆนั้นมีรัศมีภาพเหมือนดังไฟที่เผาผลาญ และเหนือเมฆก็เป็นสายรุ้งแห่งคำมั่นสัญญา พระเยซูประทับอยู่อย่างผู้มีชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ บัดนี้พระองค์ไม่ได้เป็น “คนที่รับความเจ็บปวด” อิสยาห์ 53:3 เพื่อดื่มจอกแห่งความขมขื่นด้วยความอับอายและความทุกข์ระทม พระองค์เสด็จมาเป็นผู้มีชัยในสวรรค์และแผ่นดินโลก เพื่อพิพากษาทั้งคนเป็นและคนตาย “ซื่อสัตย์และสัตย์จริง” “พระองค์ทรงพิพากษาและทรงต่อสู้ด้วยความชอบธรรม” และ “กองทัพทั้งหลายในสวรรค์…..ตามเสด็จพระองค์ไป” วิวรณ์ 19:11, 14 หมู่ทูตสวรรค์บริสุทธิ์จำนวนมากที่ไม่อาจนับจำนวนได้ร้องเพลงสรรเสริญด้วยทำนองชาวสวรรค์ขณะเดินทางมาพร้อมกับพระองค์ในการเสด็จมานี้ ดูประหนึ่งว่ามีทูตสวรรค์สว่างสดใสเต็มไปทั่วท้องฟ้า “นับจำนวนเป็นแสนๆ เป็นล้านๆ” ไม่มีปากกาของมนุษย์คนใดจะบรรยายภาพเหตุการณ์นี้ได้ ไม่มีสมองของมนุษย์ที่ต้องตายสามารถเข้าใจถึงความยิ่งใหญ่นี้ได้ “ความสง่างามของพระองค์คลุมทั่วฟ้าสวรรค์ และโลกก็เต็มด้วยคำสรรเสริญพระองค์ พระรัศมีของพระองค์ดังแสงสว่าง” ฮาบากุก 3:3, 4 เมื่อเมฆที่มีชีวิตนี้เคลื่อนที่เข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น นัยน์ตาทุกดวงจะมองเห็นเจ้าชายแห่งชีวิต บัดนี้ ไม่มีมงกุฎหนามที่ทำให้พระเศียรศักดิ์สิทธิ์เปรอะเปื้อนอีกแล้ว แต่มีมงกุฎที่เต็มด้วยสง่าราศีวางอยู่บนหน้าผากบริสุทธิ์ของพระองค์ พระพักตร์ของพระองค์ส่องสว่างยิ่งกว่าความเจิดจ้าของดวงอาทิตย์เที่ยงวัน “พระองค์ทรงมีพระนามจารึกที่ฉลองพระองค์ และที่ต้นพระอูรุพระองค์ว่า กษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลายและเจ้านายเหนือเจ้านายทั้งหลาย” วิวรณ์ 19:16 {GC 640.3}GCth17 554.3
เมื่อผู้ที่ปฏิเสธพระเมตตาคุณของพระเจ้าอยู่ต่อเบื้องพระพักตร์ของพระองค์ “หน้าตาทุกคนจึงซีดไป” พวกเขาเกิดความหวาดกลัวด้วยความสิ้นหวังชั่วนิรันดร์ “หัวใจสลายและหัวเข่าก็สั่นคลอน…..ใบหน้าทุกคนซีดเซียว” เยเรมีย์ 30:6 นาฮูม 2:10 คนชอบธรรมตัวสั่นร้องว่า “ใครจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้เล่า” วิวรณ์ 6:17 เสียงเพลงของทูตสวรรค์เงียบไป และความเงียบที่น่ากลัวก็เกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่ง และแล้วพระสุรเสียงของพระเยซูดังมาว่า “พระคุณของเราก็เพียงพอกับเจ้า” 2 โครินธ์ 12:9 สีหน้าของผู้ชอบธรรมสดใสขึ้นมา และความสุขก็เต็มล้นในใจของพวกเขาทุกคน แล้วทูตสวรรค์จะเปล่งเสียงด้วยโน้ตที่มีเสียงสูงยิ่งขึ้น และเริ่มขับร้องเพลงอีกครั้งหนึ่งในขณะที่พวกเขาเคลื่อนเข้ามาใกล้โลกมากยิ่งขึ้น {GC 641.1}GCth17 555.1
กษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลายเสด็จลงมาในหมู่เมฆที่ห้อมล้อมด้วยไฟที่ลุกไหม้อยู่ ท้องฟ้าก็ม้วนตัวออกไปราวกับม้วนหนังสือ โลกสั่นสะเทือนอยู่เบื้องพระพักตร์ของพระองค์ และภูเขาทุกลูกและเกาะทุกเกาะต่างเคลื่อนออกไปจากที่ของมัน “พระเจ้าของเราเสด็จมา พระองค์มิได้ทรงเงียบอยู่ เพลิงเผาผลาญมาข้างหน้าพระองค์และรอบพระองค์มีพายุพัดรุนแรง พระองค์ทรงเรียกฟ้าสวรรค์เบื้องบน และแผ่นดินโลกเพื่อจะทรงพิพากษาประชากรของพระองค์” สดุดี 50:3, 4 {GC 641.2}GCth17 555.2
“ แล้วกษัตริย์ทั้งหลายในโลก พวกคนใหญ่คนโต บรรดานายทหารใหญ่ พวกเศรษฐี พวกผู้มีอำนาจ และทุกคนทั้งที่เป็นทาสหรือเสรีชนต่างซ่อนตัวอยู่ในถ้ำและโขดหินตามภูเขา พวกเขาร้องบอกกับภูเขาและโขดหินว่า จงล้มทับเราเถิด จงซ่อนเราไว้ ให้พ้นจากพระพักตร์ของพระองค์ผู้ประทับอยู่บนพระที่นั่ง และจากพระพิโรธของพระเมษโปดกเพราะว่าวันสำคัญแห่งพระพิโรธของพระองค์มาถึงแล้ว และใครจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้เล่า” วิวรณ์ 6:15-17 {GC 642.1}GCth17 555.3
คำพูดล้อเลียนเย้ยหยันยุติลง ริมฝีปากที่พูดปดหยุดนิ่งเงียบไป เสียงดังของอาวุธ เสียงอึกทึกครึกโครมของสงคราม “กระทืบจนสั่นสะเทือนและเสื้อคลุมทุกตัวที่เกลือกอยู่ในโลหิต” อิสยาห์ 9: 5 ก็หยุดนิ่งไป บัดนี้ไม่มีเสียงอื่นใดให้ได้ยินนอกจากเสียงอธิษฐานและเสียงร่ำไห้และเสียงร้องไห้คร่ำครวญ ริมฝีปากของผู้ที่เยาะเย้ยก่อนหน้านี้ระเบิดเสียงร้องออกมาว่า “เพราเะว่าวันสำคัญแห่งพระพิโรธของพระองค์มาถึงแล้ว และผู้ใดจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้เล่า” วิวรณ์ 6:17 คนอธรรมทั้งหลายวิงวอนอยากถูกฝังตัวอยู่ใต้ก้อนหินของภูเขามากกว่าที่จะต้องเผชิญหน้ากับพระองค์ที่พวกเขาดูหมิ่นและปฏิเสธดูแคลนมาตลอด {GC 642.2}GCth17 555.4
พวกเขารู้จักพระสุรเสียงนั้นที่แทงทะลุเข้าไปในหูของคนตาย บ่อยครั้งเพียงไรที่น้ำเสียงโศกเศร้าและอ่อนโยนร้องเรียกพวกเขาให้กลับใจ บ่อยครั้งเพียงไรที่พวกเขาได้ยินคำร้องขอที่จับใจจากเพื่อน จากพี่ชายและจากพระผู้ช่วยให้รอด สำหรับผู้ที่ปฏิเสธพระคุณของพระองค์แล้ว ไม่มีเสียงอื่นใดจะเต็มล้นด้วยคำตำหนิและด้วยภาระหนักของการประณามเทียบเท่าได้กับพระสุรเสียงนั้นที่ร้องอ้อนวอนมาเนิ่นนานว่า “จงหันกลับ จงหันกลับจากทางชั่วของเจ้า” เอเสคียล 33:11 โอ พวกเขาทำกับพระสุรเสียงราวกับเป็นเสียงของคนแปลกหน้า พระเยซูตรัสว่า “ข้าได้เรียกแล้ว แต่พวกเจ้าปฏิเสธ ข้ายื่นมือออก แต่ไม่มีใครใส่ใจ พวกเจ้าเพิกเฉยคำแนะนำทุกอย่างของข้าและไม่ยอมรับคำตักเตือนของข้าเลย” สุภาษิต 1:24, 25 พระสุรเสียงนั้นปลุกความทรงจำที่เขาใฝ่ฝันจะลบทิ้งไป ซึ่งได้แก่คำเตือนต่างๆ ที่พวกเขาเกลียดชัง การเชื้อเชิญที่พวกเขาปฏิเสธและโอกาสที่พวกเขาดูแคลน {GC 642.3}GCth17 555.5
มีบางคนในนั้นเป็นกลุ่มคนที่เยาะเย้ยพระคริสต์ในขณะที่ทรงถ่อมพระองค์ลงมาเป็นมนุษย์ พระดำรัสของพระผู้ทรงทนทุกข์ที่ตรัสขณะเมื่อมหาปุโรหิตสั่งพระองค์ได้หวนกลับเข้ามาในความนึกคิดของพวกเขาด้วยอำนาจอันเร้าใจ ในเวลานั้นพระองค์ทรงประกาศอย่างเคร่งขรึมว่า “ตั้งแต่นี้ไป พวกท่านจะเห็นบุตรมนุษย์ประทับข้างขวาของผู้ทรงฤทธิ์เดช และเสด็จมาบนเมฆแห่งฟ้าสวรรค์” มัทธิว 26:64 บัดนี้ พวกเขามองเห็นพระองค์บริบูรณ์ด้วยพระสิริและพวกเขายังจะได้เห็นต่อไปว่าพระองค์ประทับนั่งอยู่ที่เบื้องขวาของพระราชอำนาจ {GC 643.1}GCth17 556.1
ผู้ที่เคยหัวเราะเยาะพระดำรัสของพระองค์ที่ทรงอ้างความเป็นพระบุตรของพระเจ้านั้นบัดนี้พูดไม่ออก ณ ที่นั่นมีกษัตริย์เฮโรดผู้หยิ่งยโสที่ทรงหัวเราะเยาะพระราชตำแหน่งของพระองค์ และทรงรับสั่งให้ทหารเยาะเย้ยพระองค์ด้วยการมอบตำแหน่งกษัตริย์ให้แก่พระองค์ ณ ที่นั่น มีบรรดาผู้ที่ใช้มืออันไม่บังควรสวมเสื้อคลุมสีม่วงลงบนพระองค์ สวมมงกุฎหนามลงบนพระเศียรศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์และเอาคทาจำลองไปใส่ไว้ในพระหัตถ์ที่ไม่ขัดขืนของพระองค์และก้มคำนับลงต่อเบื้องพระพักตร์ด้วยอาการล้อเล่นดูหมิ่น ชายทั้งหลายเหล่านั้นที่เคยตบตีและถ่มน้ำลายใส่พระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าชายแห่งชีวิตพระองค์นั้น บัดนี้ พวกเขาต้องหันหน้าหนีไปจากสายพระเนตรแห่งการตรวจสอบและหาทางที่จะหนีไปให้พ้นจากพระสิริแห่งการทรงอยู่ของพระองค์ซึ่งเต็มล้นด้วยอำนาจ คนเหล่านั้นที่ตอกตะปูลงบนพระหัตถ์และพระบาทของพระองค์รวมถึงทหารที่แทงสีข้างของพระองค์ต่างมองดูรอยแผลเหล่านี้ด้วยความหวาดกลัวและสำนึกผิด {GC 643.2}GCth17 556.2
ปุโรหิตและผู้ปกครองทั้งหลายต่างหวนคิดถึงภาพเหตุการณ์ของคาลวารีด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่น พวกเขานึกถึงภาพเหตุการณ์เหล่านั้นได้อย่างชัดเจนยิ่ง พวกเขาจำได้ดีว่าพยักหน้าแสดงความชื่นชมปรีดาในความชั่วร้ายอย่างไร พวกเขาร้องตะโกนว่า “เขาช่วยคนอื่นให้รอดได้ แต่ช่วยตัวเองไม่ได้ เขาเป็นกษัตริย์ของชาติอิสราเอล ให้เขาลงมาจากกางเขนเดี๋ยวนี้เถิด เราจะได้เชื่อบ้าง เขาวางใจพระเจ้า ถ้าพระองค์พอพระทัยตัวเขาขอให้ทรงช่วยเขาเดี๋ยวนี้เถิด เพราะเขากล่าวว่าเขาเป็นพระบุตรของพระเจ้า” มัทธิว 27:42, 43 {GC 643.3}GCth17 556.3
พวกเขาระลึกขึ้นได้อย่างชัดเจนถึงอุปมาของพระผู้ช่วยให้รอดเรื่องคนทำสวนที่ไม่ยอมคืนผลจากสวนองุ่นให้แก่เจ้าของสวน อีกทั้งยังทารุณบ่าวและฆ่าลูกชายของเจ้าของสวน พวกเขายังจำได้ถึงคำตัดสินที่ตัวเขาเองประกาศออกมาว่า เจ้าของสวนจะ “ฆ่าคนร้ายเหล่านั้นให้ตายอย่างทุกข์ทรมาน” มัทธิว 21:41 ปุโรหิตและผู้ปกครองมองเห็นแนวทางปฏิบัติของตัวเองและวาระสุดท้ายที่ยุติธรรมของพวกเขาเองในความบาปและการถูกลงโทษของชายที่ไม่ซื่อสัตย์เหล่านั้น และบัดนี้ มีเสียงร้องของร่างกายที่เจ็บปวดอย่างรุนแรงดังขึ้นมา เป็นเสียงที่ดังยิ่งกว่าเสียงที่เคยตะโกนว่า “เอาไปตรึง เอาไปตรึงที่กางเขน” ลูกา 23:21 ที่เคยดังก้องทั่วท้องถนนของกรุงเยรูซาเล็ม เสียงร้องไห้คร่ำครวญที่เต็มไปด้วยความผิดหวังอย่างน่ากลัวนี้ดังขึ้นมาว่า “พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเมสสิยาห์องค์แท้” พวกเขาหาทางที่จะหนีไปให้พ้นจากเบื้องพระพักตร์ของพระองค์ผู้ทรงเป็นจอมกษัตริย์ พวกเขาพยายามที่จะหลบซ่อนตัวลึกลงไปใต้แผ่นดินโลกที่แยกตัวออกจากกันด้วยแรงกระแทกของสิ่งต่างๆ ทั้งหลายนั้น แต่ก็ไร้ผล {GC 643.4}GCth17 556.4
ในชีวิตของทุกคนที่ปฏิเสธสัจธรรมนั้น จะมีบางช่วงเวลาเมื่อสามัญสำนึกรู้สึกตัวขึ้นมา เมื่อความทรงจำรื้อฟื้นเรื่องทรมานจิตใจเก่าๆ ของชีวิตที่น่าไหว้หลังหลอก และจิตวิญญาณรู้สึกถูกคุกคามด้วยความเสียใจที่ไร้ผล แต่สิ่งเหล่านี้จะเทียบกับความเสียใจของวันนั้น “เมื่อความกลัวมากระทบพวกเจ้าอย่างพายุร้ายและความหายนะของพวกเจ้ามาถึงอย่างพายุหมุน” ได้อย่างไร สุภาษิต 1:27 บัดนี้ ผู้ที่ต้องการทำลายพระคริสต์และประชากรที่ซื่อสัตย์ของพระองค์จะเป็นพยานเห็นถึงรัศมีที่หยุดนิ่งอยู่บนพวกเขา ในท่ามกลางความหวาดกลัวนั้น พวกเขาได้ยินเสียงของธรรมิกชนเปล่งเสียงด้วยความชื่นชมยินดีว่า “ดูสิ นี่คือพระเจ้าของเรา เรารอคอยพระองค์เพื่อพระองค์จะทรงช่วยเราให้รอด” อิสยาห์ 25:9 {GC 644.1}GCth17 557.1
ท่ามกลางความปั่นป่วนของโลก แสงฟ้าแลบและเสียงฟ้าร้อง พระสุรเสียงของพระบุตรของพระเจ้าทรงเรียกธรรมิกชนที่นอนหลับอยู่ให้ตื่นขึ้น พระองค์ทรงทอดพระเนตรไปยังหลุมฝังศพของผู้ชอบธรรมทั้งหลาย แล้วทรงชูพระหัตถ์ขึ้นไปยังสวรรค์เบื้องบน พระองค์ตรัสสั่งว่า “จงตื่นเถิด ตื่นเถิด ตื่นเถิด ท่านที่หลับอยู่ในผงคลีและจงลุกขึ้น” ตลอดทั่วทั้งความยาวและความกว้างของโลก คนตายจะได้ยินพระสุรเสียงนั้นและผู้ที่ได้ยินเสียงนั้นจะมีชีวิต และทั่วทั้งโลกจะดังก้องด้วยเสียงย่ำเท้าของกองทหารยิ่งใหญ่ของชนทุกชาติ ทุกเผ่าพันธุ์ ทุกภาษาและทุกคน พวกเขาก้าวออกมาจากห้องกักขังแห่งความตาย ตกแต่งกายด้วยรัศมีภาพของชีวิตอมตะ พวกเขาร้องเสียงดังว่า “โอ ความตาย ชัยชนะของเจ้าอยู่ที่ไหน โอ ความตาย เหล็กไนของเจ้าอยู่ที่ไหน ” 1 โครินธ์ 15:55 และผู้ชอบธรรมที่มีชีวิตร่วมกับธรรมิกชนที่กลับเป็นขึ้นจากความตายจะโห่ร้องอย่างมีชัยร่วมกันด้วยความชื่นชมยินดีเป็นเวลายาวนาน {GC 644.2}GCth17 557.2
รูปร่างของทุกคนที่ออกมาจากหลุมฝังศพจะเหมือนกับเมื่อตอนที่เข้าไปในหลุมฝังศพ อาดัมซึ่งยืนอยู่ในท่ามกลางเหล่าคนที่ถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากความตายนั้นมีรูปร่างสง่า สูงใหญ่และงดงาม เขามีรูปร่างเล็กกว่าพระบุตรของพระเจ้าเพียงเล็กน้อย อาดัมจะมีลักษณะแตกต่างจากคนในยุคต่อๆ มาอย่างเห็นได้ชัด ในแง่นี้ทำให้เรามองเห็นถึงการถดถอยที่ยิ่งใหญ่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่ทุกคนเป็นขึ้นมาจากความตายด้วยความสดชื่นและความแข็งแรงของวัยหนุ่มสาวซึ่งคงอยู่ชั่วนิรันดร์ ในปฐมกาล พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เหมือนพระองค์ ไม่เพียงในด้านของอุปนิสัยเท่านั้น แต่ให้เหมือนกับพระองค์ในรูปร่างและหน้าตาด้วย บาปทำให้เสียโฉมและเกือบจะลบพระฉายาของพระเจ้าไปจนหมดสิ้น แต่พระคริสต์เสด็จมาเพื่อนำสิ่งที่สูญหายไปกลับคืนมา พระองค์ทรงเปลี่ยนร่างกายที่เลวร้ายของเราและปั้นแต่งขึ้นมาใหม่ให้เป็นเหมือนพระวรกายอันสง่างามของพระองค์ รูปกายที่ต้องตายและเปื่อยเน่า ปราศจากความสวยงาม ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเปื้อนด้วยบาป จะถูกเปลี่ยนเป็นร่างกายที่สมบูรณ์แบบ สวยงามและมีชีวิตอมตะ ตำหนิทุกอันและความพิการทั้งหมดจะถูกทิ้งไว้ในหลุมฝังศพ บรรดาผู้ที่ได้รับการไถ่จากบาปจะกลับไปยังต้นไม้แห่งชีวิตในสวนเอเดนที่สูญเสียไปนานแล้ว พวกเขาจะ “เติบใหญ่” ขึ้น (มาลาคี 4:2) จนมีขนาดความสูงเต็มบริบูรณ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในความรุ่งโรจน์ของสมัยยุคแรกเริ่ม ร่องรอยสุดท้ายของการสาปแช่งจากบาปจะถูกกำจัดออกไปจนหมดสิ้นและบรรดาผู้ซื่อสัตย์ของพระคริสต์จะปรากฏตัวด้วย “ความงามของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์” สดุดี 90:17 Thai KJV ในความคิดและจิตวิญญาณและร่างกายล้วนสะท้อนถึงพระฉายาอันบริบูรณ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา โอ ช่างเป็นการทรงไถ่บาปอันประเสริฐเสียนี่กระไร เป็นเรื่องที่ได้กล่าวขานถึงมานานแล้ว และเป็นความหวังที่ได้รอคอยมาเนิ่นนาน เป็นความมุ่งหวังที่ใคร่ครวญด้วยความร้อนรน แต่ยังไม่เคยเข้าใจได้อย่างเต็มที่ {GC 644.3}GCth17 557.3
คนชอบธรรมที่ยังมีชีวิตอยู่จะถูกเปลี่ยนแปลงไป “ในชั่วขณะเดียวในพริบตาเดียว” 1 โครินธ์ 15:52 ด้วยพระสุรเสียงของพระเจ้านั้น พวกเขาได้รับศักดิ์ศรีแล้ว บัดนี้ พวกเขาถูกทำให้เป็นอมตะ และพร้อมกับเหล่าธรรมิกชนที่เป็นขึ้นมาจากความตายถูกรับขึ้นไปเพื่อพบกับองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ ทูตสวรรค์จะ “รวบรวมคนทั้งหมดที่พระองค์ทรงเลือกไว้แล้วจากทั้งสี่ทิศนั้นตั้งแต่ที่สุดฟ้าข้างนี้จนถึงที่สุดฟ้าข้างโน้น” มัทธิว 24:31 ทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์จะอุ้มเด็กเล็กๆ ไปยังอ้อมแขนของมารดา มิตรสหายที่ตายจากกันไปนานจะได้พบกันอีกครั้งและจะไม่จากกันอีกแล้ว และด้วยเสียงเพลงแห่งความชื่นชมยินดีพวกเขาจะถูกรับขึ้นไปพร้อมกันไปสู่เมืองของพระเจ้า {GC 645.1}GCth17 558.1
ด้านข้างแต่ละด้านของราชรถที่เป็นเมฆ จะมีปีก ใต้ราชรถนี้จะมีล้อที่มีชีวิต และขณะที่ราชรถแล่นขึ้นสู่เบื้องบน ล้อเหล่านั้นจะร้องว่า “บริสุทธิ์” และขณะที่ราชรถเคลื่อนที่ไปนั้น ปีกจะร้องว่า “บริสุทธิ์” และทูตสวรรค์ทั้งกลุ่มที่ติดตามจะร้องว่า “บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ องค์พระผู้เป็นเจ้าคือพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด” และผู้ที่ได้รับการไถ่จากบาปแล้วจะร้องเสียงดังว่า “อาเลลูยา” ในขณะที่ราชรถเลื่อนสูงขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มใหม่ {GC 645.2}GCth17 558.2
ก่อนที่จะก้าวเข้าไปยังเมืองของพระเจ้านั้น พระผู้ช่วยให้รอดทรงมอบเครื่องหมายแห่งชัยชนะให้แก่ผู้ที่ติดตามพระองค์และสวมเครื่องหมายแสดงถึงฐานันดรศักดิ์ให้แก่พวกเขา ขบวนอันน่าประทับใจต่างล้อมเป็นลานจัตุรัสรอบพระราชาของพวกเขา พระองค์ทรงมีรูปร่างสูงสง่ากว่าธรรมิกชนและทูตสวรรค์ พระพักตร์ของพระองค์เปล่งรอยยิ้มอย่างอ่อนโยนมายังพวกเขาด้วยความรักที่เต็มล้น สายตาของคนทั้งหมดที่ได้รับการไถ่จากบาป ซึ่งมีจำนวนนับไม่ถ้วนเพ่งมองไปยังพระองค์ ดวงตาทุกดวงมองเห็นพระสิริของพระองค์ พระผู้ทรงมี “หน้าตา…..เสียโฉมมากเหลือที่จะเหมือนคน และรูปร่าง…..ก็เสียโฉมเหลือที่จะเหมือนมนุษย์” อิสยาห์ 52:14 พระหัตถ์ของพระองค์สวมมงกุฎแห่งสง่าราศีลงบนศีรษะของผู้ที่มีชัยชนะ ทุกคนได้รับมงกุฎที่จารึก “ชื่อใหม่” (วิวรณ์ 2:17) และจารึกข้อความ “ถวายความบริสุทธิ์แด่พระเจ้า” ในมือของทุกคนมีทางตาลแห่งชัยชนะและพิณเงางาม เมื่อทูตสวรรค์ผู้บัญชาการเริ่มต้นบรรเลง ทุกคนจะดีดพิณด้วยความชำนาญ เสียงเพลงที่ไพเราะนุ่มนวลก็ดังออกมา ความปลาบปลื้มใจที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดเต็มล้นเข้าไปในจิตใจของทุกคน และทุกเสียงต่างร่วมกันสรรเสริญด้วยความสำนึกในพระคุณว่า “พระองค์ทรงรักเรา ทรงปลดปล่อยเราจากบาปของเราด้วยพระโลหิตของพระองค์และทรงตั้งเราให้เป็นอาณาจักรและเป็นพวกปุโรหิตของพระเจ้าพระบิดาของพระองค์ ขอพระเกียรติและอานุภาพจงมีแด่พระองค์สืบๆไปเป็นนิตย์” วิวรณ์ 1:5, 6 {GC 645.3}GCth17 558.3
สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของบรรดาผู้ที่ถูกไถ่ให้รอดแล้วนั้นคือเมืองบริสุทธิ์ พระเยซูทรงเปิดประตูมุกออกกว้างและประชาชาติเหล่านั้นที่ได้ถือรักษาสัจธรรมตลอดมาเดินเข้าไป พวกเขามองเห็นสวรรค์ของพระเจ้าซึ่งเป็นบ้านของอาดัมในสมัยที่เขายังเป็นคนบริสุทธิ์ และแล้วพระสุรเสียงที่ไพเราะยิ่งกว่าดนตรีใดๆ ที่หูของคนที่ต้องตายเคยได้ยินนั้นดังมาว่า “การต่อสู้ของท่านทั้งหลายสิ้นสุดลงแล้ว” “ท่านทั้งหลายที่ได้รับพรจากพระบิดาของเรา จงมารับเอาราชอาณาจักรซึ่งเตรียมไว้สำหรับท่านทั้งหลายตั้งแต่แรกสร้างโลก” มัทธิว 25:34 {GC 646.1} GCth17 559.1
บัดนี้คำอธิษฐานของพระผู้ช่วยให้รอดที่ทรงอธิษฐานเผื่อสาวกของพระองค์ก็สำเร็จ “ข้าพระองค์ปรารถนาให้คนเหล่านั้นที่พระองค์ประทานแก่ข้าพระองค์อยู่กับข้าพระองค์” ยอห์น 17:24 “อยู่เบื้องหน้าพระสิริของพระองค์โดยปราศจากตำหนิและมีความร่าเริงยินดี” (ยูดา 24) พระคริสต์ทรงนำผู้ที่พระองค์ทรงไถ่ด้วยพระโลหิตของพระองค์เองมายังพระบิดาและทรงประกาศว่า “ข้าพระองค์อยู่ที่นี่ พร้อมกับเหล่าลูกๆ ที่พระองค์ประทานให้แก่ข้าพระองค์” “ข้าพระองค์ก็พิทักษ์รักษาเขา ผู้ซึ่งพระองค์ประทานแก่ข้าพระองค์ไว้โดยพระนามของพระองค์” ยอห์น 17:12 โอ ความรักแห่งการไถ่ให้พ้นจากบาปนี้ช่างประเสริฐเพียงไร เวลาแห่งความปรีดาจะเกิดขึ้นเมื่อพระบิดาผู้ทรงไม่มีที่สิ้นสุดทอดพระเนตรมายังคนทั้งหลายที่ถูกไถ่ให้รอดแล้ว และทรงมองเห็นพระฉายาของพระองค์ ความขัดแย้ง/ความบาดหมางของบาปถูกกำจัดจนหมดสิ้น สาเหตุของบาปถูกขจัดออกไป และมนุษย์จะประสานเข้าเป็นหนึ่งร่วมกับพระเจ้าได้อีกครั้ง {GC 646.2}GCth17 559.2
ด้วยความรักอันสุดที่จะพรรณนาได้ พระเยซูทรงต้อนรับผู้สัตย์ซื่อทั้งหลายของพระองค์เพื่อให้เข้าร่วมความสุขกับพระองค์ พระผู้ช่วยให้รอดทรงชื่นชมยินดีที่ทรงเห็นจิตวิญญาณซึ่งพระองค์ทรงช่วยให้รอดด้วยความเจ็บปวดและความอัปยศของพระองค์ได้เข้ามายังราชอาณาจักรแห่งพระสิรินี้ และบรรดาผู้ที่ได้รับการไถ่จากบาปจะเป็นผู้แบ่งปันความสุขของพระองค์ ในขณะที่พวกเขามองไปยังผู้ที่ได้รับพระพรเหล่านี้ พวกเขาก็มองเห็นคนเหล่านั้นที่ถูกนำให้มาหาพระคริสต์อันเนื่องมาจากคำอธิษฐานของพวกเขาและการทำงานของพวกเขาและความรักที่เสียสละของพวกเขายืนอยู่ในท่ามกลางคนเหล่านี้ด้วย ในขณะที่พวกเขาชุมนุมกันรอบพระที่นั่งสีขาวอันยิ่งใหญ่ ความชื่นชมยินดีที่ไม่อาจบรรยายด้วยคำพูดจะท่วมท้นอยู่ในใจของพวกเขา เมื่อมองดูผู้ที่พวกเขานำให้มาหาพระคริสต์ และเห็นว่าคนนั้นชักนำคนอื่นๆ และคนอื่นเหล่านี้ก็ชักนำคนอื่นต่อๆ กันไป และคนทั้งหมดนี้ได้เข้ามายังที่พักพิงแห่งการพักผ่อน ณ ที่นั่น พวกเขาจะวางมงกุฎลงที่พระบาทของพระเยซูและถวายสรรเสริญพระองค์ตลอดชั่วนิรันดร์กาล {GC 647.1}GCth17 560.1
ในขณะที่กำลังต้อนรับบรรดาผู้ที่ถูกไถ่ให้รอดเข้าไปยังนครของพระเจ้าอยู่นั้น มีเสียงร้องถวายเกียรติชื่นชมปรีดาดังขึ้นในอากาศ อาดัมทั้งสองกำลังจะพบกัน พระบุตรของพระเจ้าทรงกางแขนออกเพื่อต้อนรับบิดาของเผ่าพันธุ์มนุษยชาติของเราซึ่งเป็นมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างและได้ทำบาปต่อพระผู้สร้างของเขา และเพื่อความบาปของเขาทำให้เกิดรอยแผลจากการตรึงกางเขนติดอยู่บนพระวรกายของพระผู้ช่วยให้รอด ขณะที่อาดัมมองดูรอยตะปูที่โหดเหี้ยม เขาไม่ได้ซบหน้าลงที่พระอุระของพระองค์ แต่เขาทรุดตัวลงแทบพระบาทของพระองค์ด้วยความถ่อมตนและร้องขึ้นว่า “พระเมษโปดกผู้ถูกปลงพระชนม์แล้วนั้นทรงสมควรได้รับฤทธานุภาพ” วิวรณ์ 5:12 พระผู้ช่วยให้รอดทรงพยุงเขาให้ลุกขึ้นยืนด้วยความรักปรานีและชี้ให้เขามองไปยังสวนเอเดนซึ่งเป็นบ้านที่เขาถูกขับออกมาเนิ่นนานแล้ว {GC 647.2}GCth17 560.2
หลังจากที่อาดัมถูกขับออกจากสวนเอเดน ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ใบไม้ทุกใบที่แห้งเฉาไป สัตว์ทุกตัวที่นำมาถวายเป็นเครื่องถวายบูชา ทุกสิ่งที่ทำลายธรรมชาติอันสวยงาม ทุกสิ่งที่สร้างรอยมลทินให้แก่ความบริสุทธิ์ของมนุษย์ สิ่งเหล่านี้คอยย้ำเตือนถึงบาปของเขาอยู่เสมอ เขาต้องปวดร้าวด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งเมื่อมองเห็นความชั่วที่มีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง และเมื่อเขาเตือน เขาก็จะได้คำตำหนิตอบโต้มาว่าเขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้บาปเกิดขึ้น เขาต้องแบกรับการลงโทษของความผิดนี้ด้วยความถ่อมตัวอย่างอดทนเป็นเวลานานเกือบหนึ่งพันปี เขาสารภาพความบาปของเขาด้วยความสัตย์ซื่อและวางใจในคุณความดีของพระผู้ช่วยให้รอดที่ทรงสัญญาไว้ และเขาตายไปพร้อมกับความหวังที่จะกลับเป็นขึ้นจากความตาย พระบุตรของพระเจ้าทรงไถ่มนุษย์จากความล้มเหลวและการล้มลง และบัดนี้ โดยพระราชกิจของการลบมลทินบาป อาดัมก็ได้รับสิทธิการปกครองของเขากลับคืนมา {GC 647.3}GCth17 560.3
อาดัมมีความสุขอย่างล้นเหลือเมื่อเขามองไปยังต้นไม้ที่เขาเคยชื่นชอบ เป็นต้นที่เขาเคยเก็บผลจากต้นไม้ต้นนี้ในสมัยที่เขายังเป็นคนบริสุทธิ์และมีความสุข เขาเห็นเถาวัลย์ที่มือของเขาเคยตกแต่ง ดอกไม้ต้นเดียวกับที่เขาชอบดูแล สมองของเขาจับภาพที่เป็นจริง เขาเข้าใจอย่างดีว่าแท้จริงแล้วนี่คือสวนเอเดนที่ถูกนำกลับคืนมาใหม่ บัดนี้ สวยงามกว่าเมื่อก่อนที่เขาจะถูกขับออกไป พระผู้ช่วยให้รอดทรงนำเขาไปยังต้นไม้แห่งชีวิตและทรงเด็ดผลไม้ที่สวยงามและทรงยื่นให้เขารับประทาน เขามองไปรอบๆ และเห็นคนมากมายจากครอบครัวของเขาที่ได้รับการไถ่จากบาปยืนอยู่ในแดนสวรรค์ของพระเจ้า แล้วเขาวางมงกุฎเปล่งประกายลงแทบพระบาทของพระเยซู และซบอยู่ที่พระอุระของพระองค์และกอดพระผู้ไถ่ไว้ เขาดีดพิณทองคำและเสียงเพลงแห่งชัยชนะก็ดังกังวานขึ้นไปทั่วท้องฟ้า “พระเมษโปดกผู้ทรงถูกปลงพระชนม์และทรงพระชนม์อีกแล้วนั้นเป็นผู้ทรงสมควรได้รับฤทธิ์เดช” สมาชิกในครอบครัวของอาดัมร้องรับและถอดมงกุฎของพวกเขาออกมาวางแทบพระบาทของพระผู้ช่วยให้รอดในขณะที่ก้มกราบลงถวายบูชาต่อเบื้องพระพักตร์พระองค์ {GC 648.1}GCth17 561.1
การได้พบกันใหม่ในครั้งนี้มีทูตสวรรค์ที่ร่ำไห้เมื่ออาดัมล้มลงในบาปเป็นพยานอยู่ด้วย ทูตสวรรค์เหล่านี้ชื่นชมยินดีเมื่อพระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตายและเสด็จกลับสู่สวรรค์ และทูตสวรรค์เหล่านี้จะเป็นผู้ที่เปิดหลุมฝังศพของคนทั้งปวงที่เชื่อในพระนามของพระองค์ บัดนี้ ทูตเหล่านี้เห็นพระราชกิจของการทรงไถ่ให้พ้นจากบาปนั้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว และพวกเขาต่างประสานเสียงร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า {GC 648.2}GCth17 561.2
ที่ทะเลใสเหมือนแก้วหน้าพระที่นั่งซึ่งดูคล้ายกับทะเลแก้วปนไฟที่ยิ่งงามอร่ามเมื่อกระทบกับพระสิริของพระเจ้านั้น มีชนกลุ่มหนึ่งที่มาชุมนุมกัน พวกเขา “มีชัยชนะต่อสัตว์ร้าย และต่อรูปของมัน และต่อตัวเลขของชื่อมัน” พวกเขายืนอยู่กับพระเมษโปดกที่บนภูเขาศิโยน “ถือพิณของพระเจ้า” เป็นคนแสนสี่หมื่นสี่พันคนที่ได้รับการทรงไถ่แล้วออกมาจากท่ามกลางมนุษย์ และที่นั่นได้ยินเสียงราวกับเสียงน้ำมากหลายและดุจเสียงฟ้าร้องสนั่นซึ่งเป็น “เสียงของผู้ดีดพิณกำลังเล่นพิณของพวกเขาอยู่” และพวกเขา “ร้องเพลงบทใหม่หน้าพระที่นั่ง” ซึ่งเป็นบทเพลงที่ไม่มีใครสามารถร้องได้ ยกเว้นคนหนึ่งแสนสี่หมื่นสี่พันคนนั้น มันเป็นบทเพลงของโมเสสและเพลงของพระเมษโปดก ซึ่งเป็นบทเพลงแห่งการช่วยกู้ ไม่มีผู้ใดเลยนอกจากคนแสนสี่หมื่นสี่พันคนนี้เท่านั้นที่เรียนรู้ที่จะร้องเพลงนั้นได้ เพราะเป็นบทเพลงแห่งประสบการณ์ของพวกเขาซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีคนกลุ่มใดเคยมีมาก่อน พวกเขา “ติดตามพระเมษโปดกไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ไหน” พวกเขาเป็นคนที่ถูกรับขึ้นมายังสวรรค์ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาจึงถูกจัดว่าเป็น “ผลแรกถวายแด่พระเจ้าและแด่พระเมษโปดก” วิวรณ์ 15:2, 3 (TKJV); 14:1-5 “คนเหล่านี้เป็นคนที่มาจากความยากลำบากครั้งยิ่งใหญ่” พวกเขาผ่านช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากลำบากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนนับตั้งแต่ครั้งมีประชาชาติมา พวกเขาทนกับความทุกข์ลำเค็ญในช่วงเวลาแห่งความทุกข์ของยาโคบ พวกเขายืนหยัดอยู่ได้โดยปราศจากผู้อุทธรณ์จนถึงช่วงเวลาสุดท้าย คือเมื่อพระเจ้าทรงเทคำพิพากษาลงมา แต่พวกเขาทั้งหลายได้รับการปลดปล่อยออกมาเพราะ “พวกเขาชำระล้างเสื้อผ้าของเขาด้วยพระโลหิตของพระเมษโปดกจนขาวสะอาด” “ปากของพวกเขาไม่พบความเท็จ เขาเป็นคนที่ปราศจากตำหนิ” ต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้า “เพราะเหตุนี้ เขาทั้งหลายจึงได้อยู่หน้าพระที่นั่งของพระเจ้าและปรนนิบัติพระองค์ในพระวิหารของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืนและพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งจะทรงคุ้มครองพวกเขา” พวกเขาเห็นการกันดารอาหารและโรคระบาดซึ่งทำลายแผ่นดินโลก ดวงอาทิตย์มีพลังความร้อนอย่างแรงเพื่อเผาผลาญมนุษย์ และตัวพวกเขาเองอดทนต่อความลำบาก ความหิวโหย และความกระหาย แต่ “พวกเขาจะไม่หิวหรือกระหายอีกเลย ดวงอาทิตย์และความร้อนจะไม่แผดเผาเขาอีกต่อไป เพราะว่าพระเมษโปดกผู้ทรงอยู่กลางพระที่นั่งนั้นจะทรงเลี้ยงดูพวกเขาและจะทรงนำเขาไปยังน้ำพุแห่งชีวิตและพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาของเขาทั้งหลาย” วิวรณ์ 7:14-17 14:5 {GC 648.3}GCth17 561.3
ในทุกยุคทุกสมัย บรรดาผู้ที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงเลือกสรรไว้แล้วจะต้องผ่านการเรียนรู้และฝึกฝนในโรงเรียนของการทดลอง ทางเดินของพวกเขาในโลกนี้คับแคบ พวกเขาจะต้องถูกชำระให้บริสุทธิ์ในเตาไฟแห่งความยากลำบาก พวกเขาต้องอดทนต่อการต่อต้าน ความเกลียดชัง และการกล่าวร้ายเพื่อเห็นแก่องค์พระเยซู พวกเขาติดตามพระองค์ในการต่อสู้ที่ร้ายกาจ พวกเขาอดทนกับการเสียสละ และต้องพบกับความผิดหวังอันขมขื่น ด้วยประสบการณ์ที่เจ็บปวดของตัวพวกเขาเองนั้น พวกเขาจึงได้เรียนรู้ถึงความชั่วร้ายของบาป อำนาจของมัน ความผิดของมัน ความทุกข์ยากของมัน และพวกเขามองดูบาปด้วยความรังเกียจ ความรู้สึกสำนึกต่อการเสียสละอันไร้ขอบเขตเพื่อรักษาบาปให้หายทำให้พวกเขาถ่อมตนลงในสายตาของพวกเขาเองและทำให้หัวใจของพวกเขาท่วมท้นด้วยการขอบพระคุณและการสรรเสริญ ซึ่งผู้ที่ไม่เคยล้มในบาปจะไม่มีทางเข้าใจ พวกเขารักมากเพราะได้รับอภัยมาก พวกเขาเข้าร่วมทนทุกข์ของพระคริสต์ พวกเขาจึงสมควรได้รับสง่าราศีร่วมกับพระองค์ {GC 649.1}GCth17 562.1
บรรดาผู้ที่ได้รับมรดกของพระเจ้าออกมาจากห้องใต้หลังคา จากกระท่อมปรักหักพัง จากคุกมืดใต้ดิน จากตะแลงแกง จากภูเขา จากทะเลทราย จากถ้ำใต้พื้นโลก และจากซอกหินใต้ทะเลลึก ขณะที่พวกเขามีชีวิตอยู่ในโลก พวกเขาเป็นคน “สิ้นเนื้อประดาตัว ตกระกำลำบากและถูกทำทารุณ” ฮีบรู 11:37 คนจำนวนนับล้านๆ ลงไปยังหลุมฝังศพด้วยความรู้สึกอับอายเพราะว่าพวกเขายืนหยัดปฏิเสธไม่ยอมต่อการเรียกร้องสิทธิที่หลอกลวงของซาตาน พวกเขาถูกตัดสินจากการพิพากษาของมนุษย์ว่าเป็นอาชญากรที่เลวร้ายที่สุด แต่บัดนี้ พระเจ้า “ทรงเป็นผู้พิพากษา” สดุดี 50:6 การพิจารณาคำตัดสินของโลกจะถูกพลิกกลับ พระองค์ “จะทรงเอาการลบหลู่แห่งชนชาติของพระองค์ไปจากทั้งแผ่นดินโลก” อิสยาห์ 25:8 “คนทั้งหลายจะเรียกพวกเขาว่าชนชาติบริสุทธิ์ ผู้รับไถ่ไว้แล้วของพระยาห์เวห์” พระองค์ทรงกำหนดที่จะ “ให้มงกุฎแทนขี้เถ้าแก่พวกเขา และให้น้ำมันแห่งความยินดีแทนการไว้ทุกข์ เสื้อคลุมแห่งการสรรเสริญแทนจิตวิญญาณที่ท้อแท้” อิสยาห์ 62:12; 61:3 พวกเขาจะไม่อ่อนล้า ไม่ทุกข์ทรมาน ไม่ต้องกระจัดกระจายและไม่ต้องถูกกดขี่ข่มเหงอีกต่อไปแล้ว ต่อแต่นี้ไป พวกเขาจะอยู่ร่วมกับองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดกาล พวกเขายืนอยู่เบื้องหน้าพระที่นั่ง สวมใส่เครื่องนุ่งห่มที่มีความงามมากยิ่งกว่าของบรรดาผู้สูงศักดิ์ของโลกที่เคยสวมใส่กัน พวกเขาสวมมงกุฎที่งามสง่ากว่ามงกุฎใดๆ ที่มหากษัตริย์พระองค์ใดในแผ่นดินโลกทรงเคยสวมใส่ วันเวลาแห่งความเจ็บปวดและการร่ำไห้สิ้นสุดไปแล้วตลอดกาล กษัตริย์ผู้ทรงพระสิริทรงเช็ดน้ำตาจากใบหน้าของทุกคน ต้นเหตุของความโศกเศร้าทั้งหมดถูกกำจัดออกไป ท่ามกลางกิ่งตาลที่โบกสะบัดไปมานั้น พวกเขาเปล่งเสียงร้องสรรเสริญ ชัดเจน หวานชื่น และเป็นหนึ่งเดียวกัน ทุกเสียงร้องรับกันจนกระทั่งเพลงสรรเสริญดังกังวานไปทั่วทั้งสวรรค์ “ความรอดขึ้นอยู่กับพระเจ้าของเราผู้ประทับบนพระที่นั่งและขึ้นอยู่กับพระเมษโปดก” และทุกชีวิตที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินสวรรค์พากันร้องตอบว่า “อาเมน คำสดุดี พระสิริ พระปัญญา คำขอบพระคุณ พระเกียรติ ฤทธานุภาพและพระกำลังจงมีแด่พระเจ้าของเราตลอดไปเป็นนิตย์” วิวรณ์ 7:10, 12 {GC 650.1}GCth17 562.2
ในช่วงชีวิตของเราในโลกนี้ เราเพียงแค่เริ่มที่จะเข้าใจถึงเรื่องราวอันอัศจรรย์ของการทรงไถ่บาป ด้วยความเข้าใจอันจำกัดของเรานั้น เราอาจพิจารณาอย่างจริงใจที่สุดในเรื่องความอัปยศและสง่าราศี ชีวิตและความตาย ความยุติธรรมและพระเมตตาคุณซึ่งประสานเข้ารวมกันที่บนกางเขนนั้น แต่กระนั้น ถึงแม้เราจะใช้พลังสมองของเราทั้งหมดเท่าที่เราจะคิดได้ เราก็ยังไม่สามารถเข้าใจถึงความสำคัญทั้งหมดของมันได้ เราหยั่งรู้ถึงความกว้างและความยาว ความสูงและความลึกของความรักแห่งการทรงไถ่ให้รอดได้เพียงแค่เลือนราง ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใจแผนการแห่งการทรงไถ่ให้พ้นจากบาปได้อย่างบริบูรณ์ แม้กระทั่งเมื่อผู้ที่ถูกไถ่ให้รอดแล้วได้เห็นสิ่งที่เห็นและได้รู้สิ่งที่ถูกเปิดเผยให้รู้ แต่ตลอดชั่วนิรันดร์กาล สัจธรรมใหม่ๆ จะถูกเปิดเผยอยู่ตลอดเวลาให้แก่สมองที่มีความนึกคิดและชื่นชมยินดี ถึงแม้ความโศกเศร้า ความเจ็บปวดและการทดลองในแผ่นดินโลกจะสิ้นสุดไปและสาเหตุที่ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้จะถูกกำจัดทิ้งไปแล้วก็ตาม ประชากรของพระเจ้าจะได้รู้อย่างชัดเจนและมีความเข้าใจดีว่าราคาที่ต้องจ่ายไปเพื่อความรอดของพวกเขานั้นจะต้องเสียค่าใช้จ่ายด้วยสิ่งใด {GC 651.1}GCth17 563.1
กางเขนของพระคริสต์จะเป็นศาสตร์และบทเพลงของผู้ที่ได้รับการไถ่จากบาปไปตลอดชั่วนิรันดร์ เมื่อพวกเขามองดูพระคริสต์ขณะทรงรับเกียรติยศ พวกเขาก็จะแลเห็นพระคริสต์ขณะที่ทรงถูกตรึงบนกางเขน พวกเขาจะไม่มีวันลืมว่าพระองค์ผู้ทรงมีอำนาจในการทรงสร้างและค้ำจุนโลกจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ในห้วงอวกาศกว้างใหญ่ พระองค์ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของพระเจ้า พระองค์ผู้ทรงฤทธานุภาพยิ่งใหญ่ในสวรรค์ พระองค์ที่เหล่าเครูบและเสราฟิมที่ส่องแสงสุกใสกราบบูชาด้วยความชื่นชม พระองค์ผู้นี้ได้ทรงถ่อมพระองค์เองลงมาเพื่อยกระดับมนุษย์ที่ล้มลงในบาปให้สูงขึ้น พวกเขาจะไม่มีวันลืมว่าพระองค์ทรงแบกความผิดและความอับอายของบาปรวมถึงการซ่อนพระพักตร์ของพระบิดาจนกระทั่งความทุกข์โศกเศร้าของโลกที่สูญเสียไปทำให้พระทัยของพระองค์แตกสลายและบีบคั้นทำลายชีวิตของพระองค์บนกางเขนคาลวารี เรื่องราวของพระเจ้าพระผู้สร้างโลก พระเจ้าผู้ทรงตัดสินชะตากรรมทั้งปวง พระผู้ทรงรักมนุษย์ในโลกนี้มากจนได้ละสง่าราศีของพระองค์และลดเกียรติถ่อมพระองค์เองลงมา เรื่องราวเหล่านี้จะทำให้ทั่วทั้งจักรวาลระลึกถึงด้วยความอัศจรรย์ใจและเคารพบูชาไปจนตลอดกาล ขณะที่เหล่าชนชาติทั้งปวงที่ได้รับความรอดจะมองไปยังพระผู้ไถ่ และมองเห็นพระสิริอันไม่รู้จบสิ้นของพระบิดาที่ส่องอยู่บนพระพักตร์ของพระองค์นั้น ขณะที่พวกเขามองดูพระที่นั่งของพระองค์ที่มีอยู่ตลอดทุกยุคทุกสมัยนั้น และทราบดีว่าอาณาจักรของพระองค์จะไม่มีวันสิ้นสุด พวกเขาจะร้องเพลงด้วยความปีติยินดีว่า “พระเมษโปดกผู้ถูกปลงพระชนม์แล้วนั้นทรงสมควรได้รับฤทธานุภาพ และด้วยพระโลหิตล้ำค่าของพระองค์เองทรงไถ่พวกเราให้รอดพ้นจากบาปกลับคืนมายังพระเจ้า” {GC 651.2}GCth17 563.2
ความลึกลับของกางเขนอธิบายความลึกลับอื่นๆ ทั้งปวง ภายใต้แสงสว่างที่ส่องออกมาจากกางเขนคาลวารีนั้น พระลักษณะต่างๆ ของพระเจ้าที่เคยทำให้เราเต็มล้นด้วยความกลัวและความตะลึงพรึงเพริดจะปรากฏออกมาเป็นความงดงามและน่าดึงดูด เราจะมองเห็นความเมตตากรุณา ความอ่อนโยนและความรักแบบบิดามารดาประสานอย่างกลมเกลียวกันเข้ากับความบริสุทธิ์ ความยุติธรรมและอำนาจ ในขณะที่เรามองดูความยิ่งใหญ่ของพระที่นั่งของพระองค์ที่สูงตระหง่านและเป็นที่เทิดทูนนั้นเราจะมองเห็นพระลักษณะของพระองค์ที่แสดงออกถึงความเมตตากรุณาและเราจะเข้าใจอย่างที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อนถึงความสำคัญของพระนามซึ่งเป็นที่รักนั้นคือ “พระบิดาของเรา” {GC 652.1}GCth17 563.3
เราจะมองเห็นว่าพระเจ้าผู้ทรงกอปรด้วยพระปัญญาอันไร้ขอบเขตจำกัดจะไม่ทรงวางแผนการแห่งความรอดบาปของเราด้วยวิธีอื่นใดนอกจากการเสียสละของพระบุตรของพระองค์ ผลตอบแทนของการเสียสละนี้คือความสุขของการมีผู้ที่ถูกไถ่ให้รอดบาปแล้วที่บริสุทธิ์ มีความสุขและมีชีวิตอมตะอยู่เต็มแผ่นดินโลก ผลของความขัดแย้งระหว่างพระผู้ช่วยให้รอดกับอำนาจมืด คือความสุขของผู้ที่ได้รับการไถ่ให้รอดจากบาปย้อนกลับไปถวายพระสิริแด่พระเจ้าตลอดชั่วนิรันดรกาล และนี่คือคุณค่าของจิตวิญญาณที่พระบิดาทรงพอพระทัยกับราคาที่ทรงชำระในการไถ่ และองค์พระคริสต์เองทรงมองดูผลของการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ด้วยความพึงพอพระทัยยิ่งนัก {GC 652.2}GCth17 563.4