บท 32 - กับดักของซาตาน
- อารัมภบท
- บทนำของคณะผู้จัดพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษ
- คำนำของผู้ประพันธ์
- บท 1 - ความพินาศของกรุงเยรูซาเล็ม
- บท 2 - การกดขี่ข่มเหงในศตวรรษต้นๆ
- บท 3 - ยุคมืดทางจิตวิญญาณ
- บท 4 - ชาววอลเดนซิส
- บท 5 - ยอห์น ไวคลิฟ
- บท 6 - ฮัสและเจอโรมี
- บท 7 - ลูเธอร์ตีตัวออกห่างจากโรม
- บท 8 - ลูเธอร์รายงานตัวต่อสภา
- บท 9 - นักปฏิรูปศาสนาชาวสวิส
- บท 10 - ความก้าวหน้าของการปฏิรูปในประเทศเยอรมนี
- บท 11 - การประท้วงของเจ้าครองแคว้นต่างๆ
- บท 12 - การปฏิรูปศาสนาในประเทศฝรั่งเศส
- บท 13 - ประเทศเนเธอร์แลนด์และแถบสแกนดิเนเวีย
- บท 14 - นักปฏิรูปศาสนาชาวอังกฤษรุ่นหลัง
- บท 15 - พระคัมภีร์กับการปฏิวัติในประเทศฝรั่งเศส
- บท 16 - บรรพบุรุษที่เป็นพิลกริม
- บท 17 - ผู้ประกาศข่าวของรุ่งอรุณ
- บท 18 -นักปฏิรูปชาวอเมริกันท่านหนึ่ง
- บท 19 - ความสว่างส่องเข้าไปในที่มืด
- บท 20 - การตื่นตัวครั้งยิ่งใหญ่ฝ่ายศาสนา
- บท 21 - คำเตือนที่ถูกปฏิเสธ
- บท 22 - เหตุการณ์เกิดขึ้นตามคำพยากรณ์
- บท 23 - สถานนมัสการคืออะไร
- บท 24 - อภิสุทธิสถาน
- บท 25 - พระบัญญัติของพระเจ้าเปลี่ยนแปลงไม่ได้
- บท 26 - ภารกิจหนึ่งของการปฏิรูป
- บท 27 - การฟื้นฟูยุคใหม่
- บท 28 - เผชิญหน้ากับหนังสือบันทึกแห่งชีวิต
- บท 29 - จุดเริ่มต้นของความชั่ว
- บท 30 - มนุษย์และซาตานเป็นศัตรูกัน
- บท 31 - สื่อวิญญาณชั่ว
- บท 32 - กับดักของซาตาน
- บท 33 - การหลอกลวงยิ่งใหญ่ครั้งแรก
- บท 34 - คนตายติดต่อกับเราได้หรือ
- บท 35 - เสรีภาพของจิตสำนึกถูกคุกคาม
- บท 36 - การขัดแย้งที่กำลังจะเกิดขึ้น
- บท 37 - พระคัมภีร์เป็นโล่ป้องกัน
- บท 38 - คำเตือนสุดท้าย
- บท 39 - เวลาแห่งความทุกข์ยาก
- บท 40 - ประชากรของพระเจ้าได้รับการช่วยกู้
- บท 41 - โลกร้างอ้างว้าง
- บท 42 - ความขัดแย้งสิ้นสุดแล้ว
Search Results
- Results
- Related
- Featured
- Weighted Relevancy
- Content Sequence
- Relevancy
- Earliest First
- Latest First
- Exact Match First, Root Words Second
- Exact word match
- Root word match
- EGW Collections
- All collections
- Lifetime Works (1845-1917)
- Compilations (1918-present)
- Adventist Pioneer Library
- My Bible
- Dictionary
- Reference
- Short
- Long
- Paragraph
No results.
EGW Extras
Directory
บท 32 - กับดักของซาตาน
สงครามยิ่งใหญ่ระหว่างพระคริสต์กับซาตานซึ่งมีมาเกือบหกพันปีใกล้จะปิดฉากลงในอีกไม่ช้า และฝ่ายอธรรมเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าเพื่อทำลายพันธกิจของพระคริสต์ที่มีต่อมนุษย์ และผูกมัดจิตวิญญาณทั้งหลายให้ติดในกับดักของมัน เพื่อเหนี่ยวรั้งคนทั้งหลายให้ตกอยู่ในความมืดและไม่สำนึกผิดในบาป จนกระทั่งการทรงเป็นคนกลางของพระผู้ช่วยให้รอดสิ้นสุดลงและไม่มีการถวายบูชาเพื่อไถ่บาปอีกต่อไป นี่คือจุดมุ่งหมายที่มันพยายามทำให้สำเร็จ {GC 518.1}GCth17 452.1
เมื่อใดที่ไม่มีความพยายามเป็นพิเศษเพื่อต่อต้านอำนาจของมัน เมื่อใดที่ความเพิกเฉยยังคงแพร่หลายทั้งในคริสตจักรและในโลก ซาตานจะไม่ใส่ใจ เพราะมันไม่ได้เสี่ยงต่อการสูญเสียเชลยที่มันชักจูงตามอำเภอใจ แต่เมื่อจิตวิญญาณเริ่มหันมาสนใจเรื่องของนิจนิรันดร์และตั้งคำถามว่า “ข้าพเจ้าจะต้องทำอย่างไรจึงจะรอดได้” มันจะตั้งมั่นหาทางประชันอำนาจของมันกับอำนาจของพระคริสต์และขัดขวางอิทธิพลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ {GC 518.2}GCth17 452.2
พระคัมภีร์เปิดเผยให้เห็นถึงเหตุการณ์หนึ่งเมื่อครั้งที่เหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าเข้าเฝ้าอยู่ต่อเบื้องพระพักตร์ของพระองค์ ซาตานเข้ามาอยู่ท่ามกลางพวกเขาด้วย (โยบ 1:6) มันไม่ได้มาเพื่อกราบนมัสการกษัตริย์แห่งนิรันดร์กาล แต่มันมาเพื่อสานต่อแผนการอันชั่วร้ายของมันเพื่อต่อต้านผู้ชอบธรรม ด้วยเป้าหมายเดียวกันนี้ มันเข้าร่วมในการประชุมเมื่อคนทั้งหลายชุมนุมนมัสการพระเจ้า ถึงแม้ว่ามันซ่อนตัวจากการมองเห็น แต่มันทำงานอย่างขยันขันแข็งเพื่อควบคุมความคิดของผู้เข้าร่วมนมัสการ เปรียบเช่นนายพลผู้มากด้วยประสบการณ์ มันวางแผนไว้ล่วงหน้า ในขณะที่มันเฝ้ามองดูผู้สื่อข่าวของพระเจ้ากำลังค้นคว้าพระคำในพระคัมภีร์ มันก็จดบันทึกหัวข้อเรื่องที่จะนำเสนอให้กับคนทั้งหลาย มันใช้เล่ห์เหลี่ยมและความเฉียบแหลมของมันควบคุมสถานการณ์เพื่อไม่ให้ข่าวสารเข้าถึงผู้ที่มันกำลังหลอกลวง ผู้ที่ต้องการคำตักเตือนมากที่สุดก็จะถูกเร่งเร้าให้ติดภารกิจการค้าที่เขาจำเป็นต้องเข้าร่วม หรือด้วยวิธีการใดวิธีหนึ่งที่จะขัดขวางเขาจากการได้ยินคำสอนที่เป็นดังเช่น “กลิ่นหอมนำไปสู่ชีวิต” {GC 518.3}GCth17 452.3
อีกครั้งหนึ่ง ซาตานเห็นผู้รับใช้ทั้งหลายขององค์พระผู้เป็นเจ้าแบกภาระหนักเพราะความมืดมนทางฝ่ายจิตวิญญาณที่ครอบงำประชาชนไว้ มันฟังคำอธิษฐานอันร้อนรนของพวกเขาเพื่อทูลขอพระคุณและพลังอำนาจของพระเจ้าให้ทำลายเวทมนตร์ของความไม่สนใจ ความมักง่าย และความเกียจคร้าน จากนั้นมันจึงลงมือใช้อุบายต่างๆ ของมันด้วยความกระตือรือร้นที่ปลุกขึ้นใหม่ มันล่อลวงมนุษย์ให้หมกมุ่นอยู่กับเรื่องของความอยากอาหารหรือสนองตัณหาของตนเองในรูปแบบอื่นใดๆ และโดยการทำเช่นนี้ความรู้สึกของพวกเขาจะชาด้านไปจนกระทั่งไม่ได้ยินสิ่งนั้นๆ ที่พวกเขาจำเป็นต้องเรียนรู้มากที่สุด {GC 519.1}GCth17 453.1
ซาตานรู้ดีว่าทุกคนที่มันชักนำให้ละเลยการอธิษฐานและการศึกษาพระคัมภีร์จะพ่ายแพ้ต่อการจู่โจมของมัน ด้วยเหตุนี้มันจึงคิดค้นเครื่องมือทุกรูปแบบเท่าที่จะทำได้เพื่อครอบงำความคิด มีคนบางกลุ่มที่แสดงตนว่าเคร่งศาสนา แต่แทนที่พวกเขาจะมุ่งแสวงหาความจริง พวกเขากลับทำศาสนาของพวกเขาให้เป็นการมองหาข้อบกพร่องในอุปนิสัยหรือจับผิดในความเชื่อของผู้ที่พวกเขาไม่เห็นด้วย คนเช่นนี้คือสมุนมือขวาของซาตาน บรรดาผู้กล่าวโทษพี่น้องมีอยู่ไม่น้อยทีเดียว และพวกเขาขยันขันแข็งเสมอเมื่อพระเจ้าทรงประกอบกิจและผู้รับใช้ของพระองค์ถวายความจงรักภักดีอย่างจริงใจ พวกเขาจะป้ายสีกล่าวเท็จใส่คำพูดและการกระทำของผู้ที่รักและปฏิบัติตามความจริง พวกเขากล่าวหาผู้รับใช้ของพระคริสต์ที่จริงใจ กระตือรือร้น และถวายตัวว่าเป็นผู้ที่ถูกหลอกหรือเป็นผู้หลอกลวง พวกเขามีหน้าที่บิดเบือนแรงจูงใจของทุกความจริงและทุกการกระทำที่ชอบธรรม พวกเขามีหน้าที่แพร่กระจายคำพูดที่เป็นนัยและที่กระตุ้นความสงสัยเข้าไปในความคิดของผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ ในทุกรูปแบบเท่าที่จะเป็นไปได้นั้น พวกเขาจะทำให้ทุกเรื่องที่บริสุทธิ์และชอบธรรมกลับกลายเป็นเรื่องโสโครกและหลอกลวง {GC 519.2}GCth17 453.2
แต่ไม่มีผู้ใดจำเป็นต้องถูกหลอกในเรื่องเหล่านี้ เราดูออกได้ง่ายว่าพวกเขาเป็นบุตรของผู้ใด แบบอย่างของใครที่พวกเขาปฏิบัติตามอยู่ และพวกเขาทำงานของผู้ใด “ พวกท่านจะรู้จักพวกเขาได้ด้วยผลของพวกเขา” มัทธิว 7:16 วิถีทางของพวกเขาคล้ายคลึงกับวิถีของซาตานผู้หมิ่นประมาทพระเจ้าด้วยความเกลียดชัง “ ผู้กล่าวหาพี่น้องของเรา” วิวรณ์ 12:10 {GC 519.3}GCth17 453.3
ผู้หลอกลวงยิ่งใหญ่ตนนี้มีตัวแทนมากมายที่พร้อมนำเสนอคำสอนผิดๆ ทุกเรื่องและทุกรูปแบบเพื่อดักจับจิตวิญญาณ คำสอนนอกรีตเหล่านี้จัดเตรียมไว้พร้อมเพื่อให้เข้ากับรสนิยมที่หลากหลายและความสามารถที่จะรับได้ของผู้ที่มันต้องการทำลาย มันมีแผนนำคนที่ไม่สัตย์ซื่อและยังไม่กลับใจเข้ามาสู่คริสตจักรเพื่อก่อให้เกิดความสงสัยและความไม่เชื่อ และขัดขวางทุกคนที่ต้องการเห็นงานของพระเจ้าเจริญก้าวหน้าและพร้อมที่จะก้าวไปกับงานนั้น มีคนจำนวนมากที่ไม่มีความเชื่อที่แท้จริงในพระเจ้าหรือในพระคำของพระองค์ได้ยอมรับหลักความจริงบางประการและอ้างว่าตนเองเป็นคริสเตียน ด้วยเหตุฉะนี้ พวกเขาจึงนำคำสอนที่ผิดๆ เข้ามาว่าเป็นหลักคำสอนของพระคัมภีร์ {GC 520.1}GCth17 454.1
การทำตัวราวกับว่ามนุษย์จะเชื่ออะไรก็ไม่มีผลต่อสิ่งที่เขาเชื่อเป็นการหลอกลวงที่เกิดผลมากที่สุดของซาตาน มันรู้ว่าความจริงที่รับไว้ด้วยใจรักจะชำระจิตวิญญาณของผู้รับ ด้วยเหตุนี้ มันจึงลงแรงหาทางอย่างต่อเนื่องเพื่อเอาทฤษฎีเทียมเท็จ เรื่องโกหกมุสา และข่าวประเสริฐอย่างอื่นเข้ามาแทนที่ นับตั้งแต่แรกเริ่ม บรรดาผู้รับใช้ของพระเจ้าได้ต่อสู้กับผู้สอนเทียมเท็จไม่ใช่ในฐานะคนชั่ว แต่ในฐานะผู้สอนความเท็จที่นำความตายมาสู่จิตวิญญาณ เอลียาห์ เยเรมีย์ และเปาโล ยืนหยัดต่อต้านอย่างมั่นคง และไม่เกรงกลัวผู้ที่นำมนุษย์ให้หันเหไปจากพระคำของพระเจ้า พวกเสรีนิยมซึ่งเห็นว่าผู้ที่มีความเชื่อที่ถูกต้องในศาสนานั้นไม่สำคัญ พวกเขาไม่ชื่นชอบบรรดาผู้พิทักษ์ความจริงผู้บริสุทธิ์เหล่านี้ {GC 520.2}GCth17 454.2
การแปลความหมายพระคัมภีร์อย่างคลุมเครือและเพ้อฝันรวมทั้งทฤษฎีขัดแย้งมากมายเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนาที่พบในโลกของคริสเตียนล้วนเป็นผลงานของศัตรูผู้ยิ่งใหญ่ของเราที่ทำให้ความคิดสับสนเพื่อพวกเขาจะมองไม่เห็นความจริง ความขัดแย้งและความแตกแยกที่เกิดขึ้นในโบสถ์ต่างๆ ของโลกคริสเตียนนั้นส่วนใหญ่เป็นผลสืบเนื่องมาจากประเพณีนิยมที่ถือปฏิบัติกันมาในเรื่องการต่อสู้กันเพื่อเอาพระคัมภีร์มาสนับสนุนทฤษฎีที่ตนโปรด แทนที่จะศึกษาพระคำของพระเจ้าอย่างเอาใจใส่ด้วยใจที่ถ่อมเพื่อที่จะรับความรู้ในเรื่องน้ำพระทัยของพระองค์ คนมากมายกลับแสวงหาเพียงเพื่อจะพบเรื่องแปลกประหลาดหรือเรื่องแปลกใหม่ {GC 520.3}GCth17 454.3
ในการที่จะรักษาหลักคำสอนที่ผิดๆ หรือแนวทางการประพฤติต่างๆ ที่ไม่ใช่แนวทางของคริสเตียนเอาไว้ บางคนจะยึดข้อความตอนหนึ่งของพระคัมภีร์ที่แยกออกจากเนื้อเรื่อง หรือบางครั้งอาจจะอ้างเพียงครึ่งหนึ่งของข้อพระคัมภีร์ข้อหนึ่งเพื่อพิสูจน์จุดยืนของตน ทั้งๆ ที่ข้อความส่วนที่เหลือของข้อพระคัมภีร์อาจจะให้ความหมายซึ่งค่อนข้างจะไปในทางตรงข้าม ด้วยความเจ้าเล่ห์ของงูเฒ่า พวกมันแอบซ่อนตัวเองอยู่ด้านหลังคำพูดอธิบายที่ไม่ต่อเนื่องเพื่อสนองความปรารถนาฝ่ายเนื้อหนังของมันเอง ด้วยวิธีเช่นนี้ คนมากมายจึงตั้งใจบิดเบือนพระคำของพระเจ้า ส่วนคนอื่นที่ช่างจินตนาการจะยึดภาพลักษณ์และเครื่องหมายในพระคำศักดิ์สิทธิ์เพื่อแปลความหมายให้เข้ากับจิตนาการของเขาเอง โดยแทบจะไม่ใส่ใจกับหลักฐานของพระคัมภีร์ที่จะใช้แปลความหมายของพระคัมภีร์เอง แล้วหลังจากนั้นพวกเขาจึงเสนอแนวคิดทั้งหลายที่ผิดปกติของตนเองว่าเป็นบรรดาคำสอนของพระคัมภีร์ {GC 521.1}GCth17 455.1
เมื่อใดก็ตามที่มีการศึกษาพระคัมภีร์โดยปราศจากวิญญาณจิตแห่งการอธิษฐาน การถ่อมใจ และการยอมเรียนรู้ ข้อความที่เข้าใจอย่างตรงไปตรงมาที่สุดและเรียบง่ายที่สุด รวมถึงข้อที่ความยากที่สุดก็จะถูกบิดเบือนไปจากความหมายที่แท้จริง ผู้นำของระบอบเปปาซีเลือกข้อพระคัมภีร์บางส่วนเพื่อใช้ตอบสนองจุดประสงค์ของตน โดยการแปลความหมายเพื่อให้เหมาะกับตนเอง แล้วนำมาเสนอให้แก่ประชาชนในขณะที่ไม่ได้ให้โอกาสพวกเขาศึกษาพระคัมภีร์และทำความเข้าใจข้อความอันศักดิ์สิทธิ์แห่งความจริงด้วยตัวเอง พระคัมภีร์ทั้งเล่มควรจะถูกมอบให้แก่พวกเขาตามที่เขียนไว้อย่างนั้น การไม่มีผู้สอนพระคัมภีร์เลยยังจะดีกว่าการมีคนสอนพระคัมภีร์ที่แปลความหมายอย่างผิดๆ {GC 521.2}GCth17 455.2
พระคัมภีร์ถูกออกแบบไว้เพื่อนำทางทุกคนที่ประสงค์จะเรียนรู้น้ำพระทัยของพระผู้สร้างของตน พระเจ้าประทานคำพยากรณ์อันเที่ยงตรงแม่นยำให้แก่มนุษย์ ทูตสวรรค์ทั้งหลายรวมทั้งพระเยซูคริสต์เองก็เสด็จมาเพื่อเปิดเผยให้กับดาเนียลและยอห์นได้เข้าใจถึงสิ่งต่างๆ ที่จะต้องเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ เรื่องสำคัญต่างๆ ที่เกี่ยวกับความรอดของเราไม่ได้ถูกทอดทิ้งให้อยู่ในความลึกลับ เรื่องเหล่านี้ไม่ได้ถูกเปิดเผยในลักษณะที่สร้างความงุนงงและนำผู้สัตย์ซื่อที่แสวงหาความจริงให้หลงทาง องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสผ่านผู้เผยพระวจนะฮาบากุกว่า “จงเขียนนิมิตนั้นลงไป…เพื่อให้คนที่วิ่งอ่านได้คล่อง” ฮาบากุก 2:2 พระคำของพระเจ้านั้นกระจ่างแจ้งสำหรับผู้ที่ศึกษาด้วยจิตใจแห่งการอธิษฐาน จิตวิญญาณที่สัตย์ซื่อจริงใจทุกดวงจะมาถึงแสงสว่างแห่งความจริง “ความสว่างถูกหว่านแก่คนชอบธรรม” สดุดี 97:11 ไม่มีคริสตจักรใดจะก้าวขึ้นสู่ความบริสุทธิ์ได้นอกจากสมาชิกของคริสตจักรนั้นๆ จะแสวงหาความจริงด้วยความร้อนรนดั่งเช่นค้นหาขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ {GC 521.3}GCth17 455.3
ด้วยเสียงประกาศที่บอกให้เปิดใจกว้างไว ตาของมนุษย์จึงบอดไปด้วยเล่ห์กลของศัตรูของพวกเขาในขณะที่มันกระทำการตลอดเวลาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เป้าหมายของมันสัมฤทธิ์ผล ขณะที่มันประสบความสำเร็จด้วยการใช้การคาดเดาต่างๆ ของมนุษย์เข้ามาแทนที่พระคัมภีร์นั้น ธรรมบัญญัติของพระเจ้าก็ถูกละเลย และคริสตจักรทั้งหลายจึงตกอยู่ภายใต้การจองจำของบาปในขณะที่พวกเขาอ้างว่าตนเองมีอิสระเสรี {GC 522.1}GCth17 456.1
สำหรับคนมากมายแล้ว การวิจัยด้านวิทยาศาสตร์กลับกลายเป็นคำสาป พระเจ้าทรงอนุญาตให้โลกรับแสงสว่างของการค้นพบทางวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ แต่กระนั้นแม้แต่ผู้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดที่สุด ถ้าหากการวิจัยค้นพบของเขาไม่ได้อยู่ภายใต้การทรงนำของพระคำของพระองค์แล้ว ความพยายามที่จะสืบค้นความสัมพันธ์ระหว่างวิทยาศาสตร์กับการเปิดเผยของพระเจ้ารังแต่จะนำมาซึ่งความสับสน {GC 522.2}GCth17 456.2
ความรู้ของมนุษย์ทางด้านวัตถุและฝ่ายจิตวิญญาณมีอยู่เพียงบางส่วนและไม่สมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้ คนมากมายจึงประสานแนวความคิดทางวิทยาศาสตร์เข้ากับข้อความในพระคัมภีร์ไม่ได้ หลายคนรับเอาเพียงทฤษฎีและการคาดเดามาเป็นข้อเท็จจริงด้านวิทยาศาสตร์ และพวกเขาคิดว่าจะต้องนำพระคำของพระเจ้ามาผ่านการทดสอบด้วยคำสอน “ที่สำคัญผิดว่าเป็นความรู้” 1 ทิโมธี 6:20 พระผู้สร้างและพระราชกิจของพระองค์อยู่เหนือความเข้าใจของพวกเขา และเนื่องจากพวกเขาอธิบายเรื่องเหล่านี้ด้วยกฎแห่งธรรมชาติไม่ได้ พวกเขาจึงถือว่าประวัติศาสตร์ในพระคัมภีร์เป็นเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ ผู้ที่สงสัยในความน่าเชื่อถือของเรื่องราวที่บันทึกไว้ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่มักจะก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ่งและสงสัยในเรื่องการดำรงอยู่ของพระเจ้า และให้เหตุผลเรื่องอำนาจที่ไม่สุดสิ้นว่าเป็นผลมาจากธรรมชาติ เมื่อพวกเขาปล่อยสมอที่ยึดมั่นไปแล้ว พวกเขาก็ถูกทอดทิ้งให้ล่องลอยไปกระทบศิลาแห่งความไม่ซื่อสัตย์ {GC 522.3}GCth17 456.3
ด้วยเหตุฉะนี้ คนมากมายจึงหลงผิดไปจากความเชื่อและถูกมารล่อลวง มนุษย์มุมานะทำตนให้เป็นคนฉลาดเหนือกว่าพระผู้สร้างของตน ปรัชญาของมนุษย์พยายามค้นหาและอธิบายความลึกลับต่างๆ ซึ่งจะไม่มีวันเปิดเผยให้ทราบตลอดชั่วนิรันดร์กาล หากเพียงแต่มนุษย์จะแสวงหาและเข้าใจถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์เองและพระประสงค์ของพระองค์แล้ว พวกเขาจะมองเห็นภาพสง่าราศี ความศักดิ์สิทธิ์ และอำนาจของพระยาห์เวห์จนทำให้พวกเขาตระหนักถึงความต่ำต้อยของตนเอง และจะพึงพอใจกับสิ่งที่ทรงเปิดเผยให้พวกเขาและบุตรทั้งหลายของพวกเขา {GC 522.4}GCth17 457.1
ผลงานชิ้นเอกแห่งการล่อลวงของซาตานคือการคอยควบคุมให้ความคิดของมนุษย์ค้นคว้าและคาดเดาอยู่กับเรื่องที่พระเจ้าไม่ทรงเปิดเผยให้ทราบและเรื่องที่พระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้เราเข้าใจ เพราะเรื่องนี้แหละที่ลูซีเฟอร์สูญเสียที่อยู่ของมันในสวรรค์ มันไม่พอใจเพราะพระเจ้าไม่ทรงเปิดเผยความลับต่างๆ ในพระประสงค์ของพระองค์ให้มันทราบ และมันไม่ใส่ใจกับสิ่งที่ทรงเปิดเผยไว้แล้วในเรื่องหน้าที่การงานในตำแหน่งสูงส่งที่ทรงโปรดมอบหมายให้มัน ด้วยการปลุกระดมความไม่พอใจเดียวกันนี้ในท่ามกลางทูตสวรรค์ที่อยู่ภายใต้การนำของมัน มันทำให้ทูตสวรรค์เหล่านั้นล้มในบาป บัดนี้มันพยายามทำให้ความคิดของมนุษย์เปรอะเปื้อนด้วยเจตนารมณ์เดียวกัน และนำมนุษย์ให้ละเลยพระบัญชาโดยตรงของพระเจ้า {GC 523.1}GCth17 457.2
บรรดาผู้ที่ไม่เต็มใจรับความจริงอันแหลมคมและเข้าใจง่ายของพระคัมภีร์ก็ยังคงตามหานวนิยายที่ถูกใจต่อไปเพื่อปราบมโนธรรมให้สงบ ยิ่งหลักคำสอนที่นำเสนอต่างๆ มีความเกี่ยวข้องกับฝ่ายจิตวิญญาณ การปฏิเสธตนและการถ่อมตนน้อยลงเท่าใด การยินดีรับไว้ด้วยความพอใจก็จะมีมากยิ่งขึ้นเท่านั้น คนเหล่านี้ทำให้พลังทางปัญญาเสื่อมลงเพื่อสนองความต้องการฝ่ายเนื้อหนัง พวกเขาฉลาดเกินไปด้วยความทะนงในปัญญาของตนเองเกินกว่าที่จะศึกษาพระคัมภีร์ด้วยใจที่สำนึกผิดและด้วยคำอธิษฐานที่ร้อนรนเพื่อขอการทรงนำจากพระเจ้า พวกเขาจึงไม่มีเกราะกำบังการล่อลวง ซาตานเตรียมพร้อมสนองความปรารถนาของหัวใจ และมันยื่นการหลอกลวงเข้าแทนที่ความจริง ด้วยวิธีเดียวกันนี้ ระบอบเปปาซีจึงได้มาซึ่งอำนาจในการครอบงำความคิดของมนุษย์ และด้วยการปฏิเสธความจริงเพราะต้องข้องเกี่ยวกับกางเขน ชาวโปเตสแตนต์ก็กำลังเดินตามแนวทางเดียวกันนี้ ทุกคนที่ละเลยพระคำของพระเจ้าเพื่อตามหาความสะดวกสบายและแนวทางที่ไม่แตกต่างไปจากชาวโลกจะถูกปล่อยให้รับคำสอนเทียมเท็จแทนความจริงในศาสนา ผู้ที่ตั้งใจปฏิเสธความจริงจะยอมรับคำสอนผิดที่น่ารังเกียจทุกรูปแบบ ผู้ที่ยืนมองการหลอกลวงด้วยความหวาดกลัวก็พร้อมที่จะรับการหลอกลวงอันดับต่อไปได้อย่างง่ายดาย อัครทูตเปาโลกล่าวถึงคนกลุ่มหนึ่งที่ “ไม่ได้รักความจริงเพื่อจะรอด” ประกาศว่า “เพราะเหตุนี้ พระเจ้าจึงทรงให้ความลุ่มหลงมาถึงพวกเขา ให้เขาเชื่อสิ่งที่เท็จ เพื่อทุกคนที่ไม่เชื่อความจริงแต่ยินดีในการอธรรม จะได้ถูกพิพากษา” 2 เธสะโลนิกา 2:10-12 ด้วยคำเตือนที่มีอยู่เบื้องหน้าเราเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่เราจะต้องคอยเฝ้าระวังตนเองว่าจะรับหลักคำสอนแบบใด {GC 523.2}GCth17 457.3
ในบรรดาสื่อที่มารผู้ล่อลวงใช้ได้ผลมากที่สุดคือคำสอนจอมปลอมและความอัศจรรย์เทียมเท็จของลัทธิทรงวิญญาณ มันแปลงตัวเป็นทูตแห่งความสว่างและกระจายตาข่ายในที่ๆ คนคาดไม่ถึง หากมนุษย์เพียงแต่ศึกษาพระคำของพระเจ้าพร้อมกับอธิษฐานอย่างจริงใจเพื่อจะเข้าใจพระคำของพระองค์แล้ว พวกเขาจะไม่ถูกทอดทิ้งให้อยู่ในความมืดเพื่อรับหลักคำสอนที่เทียมเท็จ แต่เมื่อพวกเขาปฏิเสธความจริงแล้ว พวกเขาก็จะตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง {GC 524.1}GCth17 458.1
คำสอนที่อันตรายอีกเรื่องหนึ่งคือคำสอนที่ปฏิเสธความเป็นพระเจ้าของพระคริสต์ ที่อ้างว่าพระองค์ไม่ได้ทรงดำรงอยู่ก่อนที่พระองค์จะเสด็จมายังโลกนี้ ทฤษฎีนี้ได้รับการตอบรับอย่างแพร่หลายจากชนกลุ่มใหญ่ที่อ้างตนว่าเชื่อพระคัมภีร์ แต่เป็นคำสอนที่ขัดแย้งโดยตรงกับข้อพระคัมภีร์ที่บันทึกไว้อย่างชัดเจนที่สุดของพระผู้ช่วยให้รอดของเราในเรื่องความสัมพันธ์ของพระองค์กับพระบิดา พระลักษณะความเป็นพระเจ้าของพระองค์และการทรงดำรงอยู่ก่อนเสด็จมาในโลก คำสอนนี้ไม่สามารถที่จะรับพิจารณาได้โดยปราศจากการโต้แย้งอย่างไม่มีเหตุผลที่สุดกับพระคัมภีร์ คำสอนนี้ไม่เพียงทำให้ความคิดของมนุษย์ในเรื่องพระราชกิจของการไถ่บาปตกต่ำลงเท่านั้น แต่ยังเป็นการบ่อนทำลายความเชื่อที่มีต่อพระคัมภีร์ว่าเป็นหนังสือที่ได้รับการเปิดเผยจากพระเจ้าด้วย เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ทำให้คำสอนดังกล่าวเป็นภัย แต่ยังทำให้คำสอนนี้ยอมรับได้ยากยิ่งขึ้นด้วย หากมนุษย์ปฏิเสธคำพยานของพระคัมภีร์ที่ได้รับการดลใจในเรื่องความเป็นพระเจ้าของพระคริสต์แล้ว ก็เป็นเรื่องไร้ประโยชน์ที่จะถกเถียงเรื่องนี้กับพวกเขา เพราะไม่ว่าคำโต้แย้งจะมีเหตุผลข้อสรุปที่ดีเพียงไรก็ตาม ก็ไม่อาจทำให้พวกเขาเชื่อได้ “แต่คนทั่วไปจะไม่รับสิ่งเหล่านี้ซึ่งเป็นของพระวิญญาณแห่งพระเจ้า เพราะว่าเขาเห็นว่าเป็นเรื่องโง่ และเขาไม่สามารถเข้าใจ เพราะจะเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้ก็ต้องวินิจฉัยโดยพึ่งพระวิญญาณ” 1 โครินธ์ 2:14 ผู้ที่ยึดคำสอนเทียมเท็จนี้จะไม่มีแนวคิดที่ถูกต้องเกี่ยวกับพระลักษณะนิสัย หรือพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ หรือแผนการยิ่งใหญ่ของพระเจ้าสำหรับการไถ่มนุษย์ให้รอด {GC 524.2}GCth17 458.2
ข้อผิดพลาดอีกประการหนึ่งที่ซับซ้อนและเป็นอันตราย คือความเชื่อที่แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วว่าซาตานไม่มีตัวตน ชื่อที่ปรากฏในพระคัมภีร์ก็เป็นเพียงนามสมมติที่ใช้แทนความคิดและความปรารถนาชั่วของมนุษย์ {GC 524.3}GCth17 458.3
คำสอนที่แพร่หลายดังก้องจากธรรมาสน์ที่มีชื่อเสียงว่าการเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสต์เป็นการเสด็จมาถึงบุคคลแต่ละคนเมื่อเขาเสียชีวิตลงซึ่งคำสอนนี้เป็นกลวิธีเพื่อเบี่ยงเบนความคิดของมนุษย์ไปจากการเสด็จกลับมาของพระองค์เองบนเมฆแห่งฟ้าสวรรค์ เป็นเวลานานหลายปีที่ซาตานกล่าวไว้เสมอว่า “ดูซิ ท่านผู้นั้นอยู่ที่ห้องชั้นใน” (มัทธิว 24:23-26) และจิตวิญญาณมากมายพินาศไปก็เพราะการหลอกลวงนี้ {GC 525.1}GCth17 459.1
อีกครั้ง ปัญญาฝ่ายโลกสอนว่าการอธิษฐานเป็นเรื่องไม่จำเป็น นักวิทยาศาสตร์อ้างว่า ไม่มีคำตอบแท้จริงที่ได้จากการอธิษฐาน สิ่งนี้เป็นการละเมิดกฎ ไม่มีเรื่องของการอัศจรรย์ พวกเขากล่าวว่าจักรวาลอยู่ภายใต้การควบคุมของกฎที่แน่นอนและพระเจ้าเองจะไม่ทรงกระทำสิ่งใดที่ขัดแย้งกับกฎเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้ พวกเขาอธิบายว่า กฎของพระเจ้าผูกมัดพระองค์เอง ทำราวกับว่ากฎของพระเจ้าทำงานได้โดยแยกออกไปจากเสรีภาพของพระองค์ คำสอนเช่นนี้ขัดแย้งกับคำพยานในพระคัมภีร์ พระคริสต์และอัครสาวกของพระองค์เป็นผู้ทำการอัศจรรย์ไม่ใช่หรือ พระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตาคุณพระองค์นี้ทรงพระชนม์อยู่ในวันนี้ และพระองค์ทรงเต็มพระทัยที่จะสดับฟังคำอธิษฐานแห่งความเชื่อเช่นเดียวกับสมัยที่พระองค์ทรงดำเนินอยู่ท่ามกลางมนุษย์ ธรรมชาติร่วมมือกับสภาพที่เหนือธรรมชาติ มันเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของพระเจ้าที่จะทรงตอบคำอธิษฐานแห่งความเชื่อ ซึ่งพระองค์จะไม่ประทานให้แก่เราหากเราไม่ทูลขอ {GC 525.2}GCth17 459.2
หลักคำสอนผิดและแนวคิดเพ้อฝันมีอยู่มากมายนานัปการในโบสถ์ต่างๆ ของอาณาจักรคริสเตียน เป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ที่จะประเมินผลลัพธ์ต่างๆ อันชั่วร้ายที่เกิดจากการย้ายหลักเขตหลักเดียวในบรรดาหลักเขตมากมายตามที่พระคำของพระเจ้ากำหนดให้ออกไป มีคนจำนวนเพียงเล็กน้อยที่ผจญเข้าไปในการทำเช่นนี้และยุติการกระทำด้วยการปฏิเสธความจริงเพียงเรื่องเดียว คนส่วนใหญ่ดำเนินการต่อไปในการละทิ้งหลักการแห่งความจริงไปทีละข้อทีละข้อจนพวกเขากลายเป็นคนนอกรีตไปเลยอย่างแท้จริง {GC 525.3}GCth17 459.3
ข้อผิดพลาดต่างๆ ของศาสนศาสตร์ที่เป็นที่นิยมได้ผลักดันจิตวิญญาณจำนวนมากให้ตกไปอยู่ในความสงสัย ไม่เช่นนั้นแล้วคนเหล่านี้น่าจะกลายเป็นผู้เชื่อในพระคัมภีร์ เป็นไปไม่ได้ที่จะให้พวกเขายอมรับหลักคำสอนที่ทำร้ายความรู้สึกสำนึกของความยุติธรรม ความเมตตาและความกรุณา และเนื่องจากความรู้สึกเหล่านี้เป็นคำสอนของพระคัมภีร์ พวกเขาจึงปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเป็นพระคำของพระเจ้า {GC 525.4}GCth17 459.4
นี่คือเป้าหมายที่ซาตานคอยหาทางที่จะทำให้สำเร็จ ไม่มีสิ่งใดที่มันปรารถนามากไปกว่าการทำลายความไว้วางใจในพระเจ้าและในพระคำของพระองค์ ซาตานนำอยู่ในแนวหน้าของกองทัพที่ยิ่งใหญ่ของผู้สงสัยทั้งหลาย และมันทำงานสุดอำนาจของมันที่จะหลอกล่อจิตวิญญาณให้เข้าร่วมขบวนการของมัน การสงสัยจึงกลายเป็นสิ่งที่คนนิยมทำ มีชนกลุ่มใหญ่ที่สงสัยพระคำของพระเจ้าด้วยเหตุผลเดียวกันกับที่พวกเขาสงสัยพระเจ้าของพระคัมภีร์นั่นคือเพราะพระคำตำหนิและประณามบาป ผู้ที่ไม่เต็มใจที่จะเชื่อฟังปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งหลายของพระคำก็พยายามจะล้มล้างอำนาจของพระคำนั้น พวกเขาอ่านพระคัมภีร์หรือฟังคำสอนจากธรรมาสน์ศักดิ์สิทธิ์เพียงเพื่อจับผิดพระคัมภีร์หรือคำเทศนา คนจำนวนไม่น้อยกลายเป็นคนนอกรีตเพื่อแก้ต่างให้ตนเองหรือเพื่อแก้ตัวให้กับตนเองที่ละทิ้งหน้าที่ ส่วนคนอื่นๆ รับหลักการแห่งความสงสัยเพราะความหยิ่งและความเกียจคร้าน เนื่องจากพวกเขารักความสะดวกสบายมากเกินไปจนไม่ยอมแยกตนเองออกมาเพื่อจะบรรลุความสำเร็จในสิ่งที่คู่ควรแก่คุณค่าซึ่งต้องใช้ความพยายามและการปฏิเสธตนเอง พวกเขาจึงมุ่งหวังที่จะได้มาซึ่งการยกย่องว่ามีสติปัญญาเป็นเลิศด้วยการวิพากษ์วิจารณ์พระคัมภีร์ มีเรื่องราวมากมายที่สติปัญญาอันมีขอบเขตจำกัดและไม่ได้รับความกระจ่างจากพระปัญญาของพระเจ้าจะไม่มีทางเข้าใจได้ และด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงหาโอกาสวิพากษ์วิจารณ์ มีคนอีกมากมายที่รู้สึกเสมือนว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่จะยืนเคียงข้างผู้ไม่มีความเชื่อ ผู้เยาะเย้ยและผู้ไม่มีศาสนา แต่ภายใต้การแสดงออกที่บริสุทธิ์ จะพบว่าคนเหล่านี้ถูกกระตุ้นด้วยความเชื่อมั่นในตนเองและความทะนงตน หลายคนชื่นชอบที่จะค้นหาบางเรื่องในพระคัมภีร์เพื่อทำให้ความคิดของผู้อื่นงุนงงสับสน มีบางคนในช่วงเริ่มแรกจะตำหนิและให้เหตุผลเข้าข้างฝ่ายผิดเพียงเพื่อสนองความชื่นชอบในเรื่องการโต้แย้ง พวกเขาไม่ตระหนักว่าการกระทำเช่นนี้จะนำตัวเองเข้าไปพัวพันอยู่ในบ่วงแร้วของผู้ล่าเหยื่อ แต่เมื่อพวกเขาแสดงตนอย่างเปิดเผยว่าไม่เชื่อ พวกเขารู้สึกว่าจำเป็นต้องรักษาจุดยืนของตนต่อไป ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าร่วมกับคนชั่วและปิดประตูสวรรค์ให้กับตัวของพวกเขาเอง {GC 526.1}GCth17 460.1
พระเจ้าประทานหลักฐานอย่างเพียงพอในพระคำของพระองค์เพื่อเป็นพยานหลักฐานเรื่องพระลักษณะความเป็นพระเจ้าของพระองค์ ความจริงต่างๆ อันยิ่งใหญ่ในเรื่องความรอดของเราถูกเปิดเผยไว้อย่างชัดเจน ด้วยการช่วยเหลือของพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งทรงสัญญาไว้ว่าจะประทานให้แก่ทุกคนที่แสวงหาด้วยความจริงใจ มนุษย์ทุกคนคงจะเข้าใจความจริงต่างๆ เหล่านี้ด้วยตนเองได้ พระเจ้าได้ประทานหลักฐานอันเป็นพื้นฐานที่หนักแน่นแก่มนุษย์ซึ่งบนพื้นฐานนี้พวกเขาจะวางใจในความเชื่อของพวกเขา {GC 526.2}GCth17 460.2
แต่กระนั้น ความคิดอันจำกัดของมนุษย์ไม่เพียงพอที่จะเข้าใจถึงแผนการต่างๆ และพระประสงค์ทั้งหลายของพระผู้ทรงไม่มีข้อจำกัด เราไม่มีทางที่จะพบพระเจ้าได้ด้วยการตรวจสอบค้นหา เราต้องไม่ใช้มืออวดดีเปิดม่านที่ปกปิดสง่าราศีอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า อัครทูตประกาศว่า “ข้อตัดสินของพระองค์นั้นเหลือที่จะหยั่งรู้ได้ และทางของพระองค์ก็เหลือที่จะสืบเสาะได้” โรม 11:33 เราสามารถที่จะเข้าใจวิธีการต่างๆ ที่พระองค์ทรงติดต่อกับเรา และน้ำพระทัยทั้งหลายที่พระองค์ทรงมีต่อเราได้มากพอเพื่อเราจะสามารถมองเห็นความรักและพระเมตตาคุณอันไม่มีขอบเขตซึ่งประสานเข้ากับฤทธานุภาพอันไม่มีที่สิ้นสุด พระบิดาแห่งสวรรค์ของเราทรงควบคุมสรรพสิ่งด้วยพระปัญญาและความชอบธรรม และเราจะต้องไม่เป็นผู้ที่ไม่พอใจและไม่ไว้วางใจ แต่เราจะก้มกราบลงด้วยการยอมจำนนด้วยความยำเกรง พระองค์จะทรงเปิดเผยพระประสงค์ให้เราทราบมากพอเพื่อก่อเกิดประโยชน์แก่เรา นอกเหนือจากนี้เรายังต้องไว้วางใจในพระหัตถ์อันทรงฤทธานุภาพและพระหทัยที่ทรงเปี่ยมด้วยรักของพระองค์ด้วย {GC 527.1}GCth17 461.1
ในขณะที่พระเจ้าประทานประจักษ์พยานหลักฐานมากพอสำหรับความเชื่อ พระองค์ก็จะไม่ทรงขจัดทิ้งข้อแก้ตัวทั้งหมดของการไม่เชื่อ ทุกคนที่ค้นหาตะขอเพื่อแขวนความสงสัยของเขาก็จะพบตะขอเหล่านั้น และผู้ที่ปฏิเสธที่จะรับและเชื่อฟังพระคำของพระเจ้าจนกว่าข้อโต้แย้งทุกข้อจะถูกขจัดทิ้งไป และไม่มีช่องว่างเหลือไว้สำหรับข้อสงสัยอีกต่อไป จะไม่มีทางที่จะไปถึงแสงสว่าง {GC 527.2}GCth17 461.2
การไม่วางใจในพระเจ้าเป็นผลที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของหัวใจที่ไม่ได้บังเกิดใหม่ ซึ่งเป็นปฏิปักษ์กับพระเจ้า แต่ความเชื่อได้รับการดลใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์และเจริญงอกงามขึ้นด้วยการหวงแหนไว้เท่านั้น ไม่มีมนุษย์คนใดจะเข้มแข็งในความเชื่อได้โดยปราศจากความอุตสาหะพยายามอย่างแน่วแน่ ความไม่เชื่อจะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อมันได้รับการสนับสนุน และหากมนุษย์ปล่อยตัวไปกับคำถามและการจับผิดแทนที่จะพึ่งพิงบนประจักษ์พยานหลักฐานที่พระเจ้าประทานให้เพื่อค้ำชูความเชื่อของพวกเขาแล้ว พวกเขาจะพบว่าข้อสงสัยต่างๆ ได้รับการยืนยันอย่างมั่นคงยิ่งขึ้น {GC 527.3}GCth17 461.3
แต่ผู้ที่สงสัยพระสัญญาของพระเจ้าและไม่วางใจในความเชื่อมั่นของพระคุณของพระองค์ หลู่พระเกียรติของพระองค์ อิทธิพลของพวกเขาแทนที่จะดึงผู้อื่นเข้ามาหาองค์พระเยซูคริสต์ กลับผลักไสให้ออกไปจากพระองค์ เขาเหล่านั้นเป็นเหมือนต้นไม้ที่ไม่เกิดผล ซึ่งแผ่กิ่งก้านสาขาแห่งความมืดมนกว้างและไกล บดบังต้นพืชอื่นไม่ให้ได้รับแสงแดด และทำให้พืชไม้เหล่านั้นเหี่ยวเฉาและตายภายใต้เงาอันเยือกเย็นของมัน ผลงานแห่งชีวิตของคนเหล่านี้เป็นพยานปรักปรำพวกเขาอย่างไม่สิ้นสุด พวกเขากำลังหว่านเมล็ดแห่งความไม่เชื่อและความสงสัยซึ่งจะเกิดผลเพื่อการเก็บเกี่ยวอย่างไม่เคยพลาด {GC 527.4}GCth17 461.4
มีอยู่เพียงวิถีทางเดียวให้ปฏิบัติตามสำหรับผู้ที่ปรารถนาอย่างจริงใจที่จะถูกปล่อยให้หลุดพ้นจากความสงสัย คือ แทนที่จะสงสัยและจับผิดสิ่งที่พวกเขายังไม่เข้าใจ ให้พวกเขาสนใจแสงสว่างที่ส่องมายังพวกเขาก่อนหน้านี้แล้วแทน แล้วพวกเขาจะได้รับแสงที่สว่างยิ่งขึ้น ให้พวกเขาปฏิบัติทุกหน้าที่ซึ่งได้ถูกเปิดเผยให้พวกเขาเข้าใจอย่างชัดเจน และพวกเขาก็จะเข้าใจและปฏิบัติในสิ่งเหล่านั้นที่บัดนี้พวกเขากำลังสงสัยอยู่ {GC 528.1}GCth17 462.1
ซาตานนำเสนอสิ่งปลอมแปลงที่คล้ายของจริงอย่างมากเพื่อล่อลวงผู้ที่ประสงค์จะให้มันหลอก คนเหล่านี้เป็นผู้ที่ไม่ต้องการปฏิเสธความปรารถนาของตนและไม่ยอมเสียสละตามที่ความจริงกำหนดไว้ แต่มันไม่มีทางดักเก็บจิตวิญญาณให้อยู่ในอำนาจของมันแม้เพียงจิตวิญญาณเดียวที่แสวงหาความจริงด้วยความจริงใจไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยราคาสูงเพียงใด พระคริสต์ทรงเป็นความจริงและเป็น “ความสว่างแท้ที่ทำให้มนุษย์ทุกคนเห็นความจริงได้นั้นกำลังเข้ามาในโลก” ยอห์น 1:9 พระวิญญาณแห่งความจริงได้รับบัญชาให้นำมนุษย์ไปสู่ความจริงทั้งปวง และด้วยอำนาจของพระบุตรของพระเจ้าได้ถูกประกาศไว้ว่า “จงหาแล้วจะพบ” “ถ้าใครตั้งใจประพฤติตามพระประสงค์ของพระองค์ คนนั้นก็จะรู้ว่าคำสอนนี้มาจากพระเจ้า” มัทธิว 7:7 ยอห์น 7:17 {GC 528.2}GCth17 462.2
ผู้ติดตามของพระคริสต์ทราบแต่เพียงเล็กน้อยถึงแผนต่างๆ ซึ่งซาตานและสมุนของมันจัดไว้เพื่อต่อต้านพวกเขา แต่พระองค์ผู้ประทับอยู่ในสวรรค์จะทรงใช้อำนาจบังคับเหนือการล่อลวงทั้งหมดเหล่านี้เพื่อว่าแผนการอันล้ำลึกของพระองค์จะสัมฤทธิ์ผล องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยอมให้ประชากรของพระองค์ตกสู่การทดลองที่ยากลำบากอย่างแสนสาหัส ไม่ใช่เพราะพระองค์ทรงพอพระทัยในความเศร้าโศกและความทุกข์ทรมาน แต่เป็นเพราะกระบวนการนี้จำเป็นต่อชัยชนะในบั้นปลายของพวกเขา พระองค์ป้องกันพวกเขาจากการทดลองสมดังรัศมีภาพของพระองค์ไม่ได้เพราะจุดประสงค์ที่แท้จริงของการทดลองก็เพื่อเตรียมพวกเขาให้พร้อมที่จะต่อต้านมนต์เสน่ห์ทั้งปวงของความชั่ว {GC 528.3}GCth17 462.3
ทั้งบรรดาคนชั่วหรือมารทั้งหลายก็ไม่อาจขัดขวางพระราชกิจของพระเจ้าหรือปิดซ่อนการปรากฏของพระองค์จากประชากรของพระองค์ได้ หากพวกเขาเพียงแต่จะยอมสารภาพและละทิ้งบาปต่างๆ ด้วยหัวใจที่มอบถวาย สำนึกผิด และยึดมั่นในพระสัญญาของพระองค์ด้วยความเชื่อ ทุกการทดลองและทุกอิทธิพลที่เป็นปรปักษ์ไม่ว่าจะเปิดเผยหรือในที่ลับจะถูกต้านทานได้อย่างสำเร็จ “ไม่ใช่ด้วยกำลัง ไม่ใช่ด้วยฤทธานุภาพ แต่ด้วยวิญญาณของเรา พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้แหละ” เศคาริยาห์ 4:6 {GC 529.1}GCth17 463.1
“เพราะว่าพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเฝ้าดูคนชอบธรรมและพระกรรณของพระองค์สดับคำอ้อนวอนของพวกเขา...ถ้าพวกท่านขวนขวายทำดี ใครจะทำร้ายพวกท่าน” 1 เปโตร 3:12, 13 เมื่อบาลาอัมถูกยั่วยวนด้วยคำสัญญาของรางวัลตอบแทนอันมั่งคั่งเพื่อให้สาปคนอิสราเอลและด้วยการถวายเครื่องบูชาแด่พระยาห์เวห์เพื่อให้ทรงสาปแช่งประชากรของพระองค์ พระวิญญาณของพระเจ้าตรัสห้ามความชั่วที่เขาปรารถนาจะกล่าวออกมา และบาลาอัมถูกบังคับให้อุทานขึ้นมาว่า “ข้าพเจ้าจะแช่งผู้ที่พระเจ้าไม่ทรงแช่งได้อย่างไร ข้าพเจ้าจะประณามผู้ที่พระยาห์เวห์ไม่ทรงประณามได้อย่างไร” “ขอให้ข้าพเจ้าตายเหมือนอย่างการตายของผู้ชอบธรรมและขอให้บั้นปลายชีวิตข้าพเจ้าเป็นเหมือนของเขา” หลังจากที่เขาถวายเครื่องบูชาอีกครั้งหนึ่ง ผู้เผยพระวจนะไม่ชอบธรรมคนนี้ประกาศว่า “ดูสิ ข้าพเจ้าได้รับพระบัญชาให้อวยพร เมื่อพระองค์ทรงอวยพร ข้าพเจ้าก็ไม่อาจเปลี่ยน จะไม่มีความทุกข์ในยาโคบให้ทรงเห็น และในอิสราเอลไม่ทรงพบความลำบาก พระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาสถิตกับเขาและเสียงโห่ร้องถวายพรพระราชาอยู่ท่ามกลางเขา” “ดังนั้น ไม่มีเวทมนต์ใดอาจกระทบยาโคบ ไม่มีของขลังใดอาจทำร้ายอิสราเอล บัดนี้ ยาโคบและอิสราเอลจะได้รับคำบอกกล่าวว่าพระเจ้าได้ทรงทำสิ่งใด” แต่ถึงกระนั้น มีการสร้างแท่นถวายบูชาขึ้นอีกเป็นครั้งที่สามและอีกครั้งหนึ่งบาลาอัมพยายามพูดคำสาปแช่ง แต่จากปากที่ไม่เต็มใจพูดของผู้เผยพระวจนะ พระวิญญาณของพระเจ้าได้เปิดเผยถึงความอุดมสมบูรณ์ของผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรและประณามความผิดและความผูกพยาบาทของศัตรูทั้งหลายของพวกเขา “คนที่อวยพรท่านก็จะได้รับพร ผู้ที่สาปแช่งท่านก็จะถูกสาปแช่ง” กันดารวิถี 23:8,10, 20, 21, 23; 24:9 {GC 529.2}GCth17 463.2
ในเวลานี้ชนชาติอิสราเอลภักดีต่อพระเจ้าและตราบเท่าที่พวกเขายังคงสัตย์ซื่อต่อพระบัญญัติของพระองค์ ไม่มีอำนาจใดในโลกหรือขุมนรกจะมีชัยชนะเหนือพวกเขาได้ แต่ทว่าคำสาปแช่งที่บาลาอัมไม่ได้รับอนุญาตให้กล่าวแช่งประชากรของพระเจ้านั้น ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จด้วยการล่อลวงให้พวกเขาทำบาป เมื่อพวกเขาล่วงละเมิดพระบัญญัติของพระเจ้า พวกเขาจึงแยกตัวเองออกไปจากพระองค์ และถูกทิ้งให้สัมผัสกับอำนาจของผู้ทำลาย {GC 529.3}GCth17 463.3
ซาตานรู้ดีว่าจิตวิญญาณที่อ่อนแอที่สุดเมื่อติดสนิทในพระคริสต์จะเป็นคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่าทูตแห่งความมืด และหากมันจะแสดงตนอย่างเปิดเผยแล้ว มันก็จะถูกจู่โจมและถูกต่อต้าน ด้วยเหตุนี้มันจึงหาทางที่จะดึงทหารแห่งกางเขนออกไปจากป้อมปราการที่แข็งแกร่งในขณะที่มันดักซุ่มอยู่กับสมุนของมันพร้อมที่จะออกทำลายทุกคนที่กล้าย่างกรายเข้ามายังเขตแดนของมัน มีเพียงในความไว้วางใจพระเจ้าด้วยใจที่ถ่อมสุภาพและในการเชื่อฟังปฏิบัติตามพระบัญญัติทั้งหมดของพระองค์เท่านั้นที่เราจะมั่นคงปลอดภัย {GC 530.1}GCth17 464.1
ไม่มีมนุษย์คนใดจะอยู่รอดปลอดภัยได้เกินหนึ่งวันหรือหนึ่งชั่วโมงโดยปราศจากการอธิษฐาน เราจำเป็นต้องทูลวิงวอนองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นพิเศษเพื่อขอสติปัญญาในการเข้าใจพระคำของพระองค์ พระคำจะเปิดเผยอุบายของผู้ล่อลวงและวิธีที่จะต่อต้านมันอย่างสัมฤทธิ์ผล ซาตานเป็นผู้มีความชำนาญในการอ้างข้อพระคัมภีร์ มันใส่คำแปลของมันลงไปในข้อพระคัมภีร์เพื่อหวังจะทำให้เราสะดุดล้มลง เราต้องศึกษาพระคัมภีร์ด้วยจิตใจที่ถ่อม ไม่ละสายตาจากการพึ่งพิงในพระเจ้า ในขณะที่เราต้องเฝ้าระวังเล่ห์อุบายของซาตานอยู่เสมออย่างไม่หยุดหย่อนนั้น เราจะต้องอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอไม่ว่างเว้นด้วยความเชื่อว่า “ขออย่าทรงนำพวกข้าพระองค์เข้าไปในการทดลอง” มัทธิว 6:13 {GC 530.2}GCth17 464.2