Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents
สงครามครั้งยิ่งใหญ่ - Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First

    บท 8 - ลูเธอร์รายงานตัวต่อสภา

    ชาร์ลส์ที่ 5 [Charles V] ทรงเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ที่ขึ้นครองราชย์ในประเทศเยอรมนี และผู้แทนของโรมรีบส่งสารแสดงความยินดีมาทันทีและโน้มน้าวให้พระราชาใช้อำนาจต่อต้านการปฏิรูปศาสนา ในทางกลับกัน อิเล็กเตอร์แห่งแซกโซนีซึ่งจักรพรรดิชาร์ลส์เป็นหนี้บุญคุณจากการได้ขึ้นครองราชย์กลับทรงขอร้องให้พระองค์อย่าทรงกระทำการใดต่อต้านลูเธอร์จนกว่าพระองค์จะทรงให้โอกาสฟังเขาเสียก่อน จักรพรรดิจึงทรงตกที่นั่งลำบากและเสียหน้าอย่างยิ่ง เหล่าผู้นิยมระบอบเปปาซีจะไม่พึงพอใจกับสิ่งใดเลยจนกว่าจะมีพระบัญชากำหนดโทษประหารชีวิตลูเธอร์ อิเล็กเตอร์เคยทรงประกาศอย่างแข็งขันแล้วว่า “พระราชาหรือบุคคลอื่นใดก็ยังไม่เคยพิสูจน์ว่าผลงานเขียนของลูเธอร์ผิด” ดังนั้นพระองค์จึงทรงขอให้ “จัดหาการคุ้มครองความปลอดภัยให้กับ ดร. ลูเธอร์เพื่อเขาจะปรากฏตัวต่อหน้าการไต่สวนของคณะผู้พิพากษาที่มีความรู้ มีจริยธรรมและไม่ลำเอียง” D’Aubigné เล่มที่ 6 บทที่ 11 {GC 145.1}GCth17 122.1

    บัดนี้ หลังจากที่จักรพรรดิชาร์ลส์ขึ้นครองราชสมบัติไม่นาน ทุกฝ่ายหันความสนใจไปที่การประชุมสภาของรัฐต่างๆ ของประเทศเยอรมนีซึ่งจัดขึ้นที่เมืองวอร์มส์ มีปัญหาการเมืองและเรื่องน่าสนใจที่ต้องให้ที่ประชุมสภาแห่งชาตินี้พิจารณา เป็นครั้งแรกที่เจ้าผู้ครองแคว้นทั้งหลายของประเทศเยอรมนีจะเข้าเฝ้าจักรพรรดิหนุ่มในการประชุมที่ปรึกษานี้ เจ้าหน้าที่ชั้นสูงของคริสตจักรและของรัฐจากทุกมุมของบ้านเกิดต่างเดินทางมาที่นี่ เจ้านายทางฝ่ายโลก คนที่เกิดในตระกูลชั้นสูง คนมีอำนาจและหวงในศักดิ์ศรีชาติตระกูลของตน คณะสงฆ์ที่โอ่อ่า ภาคกูมิด้วยความรู้สึกที่เหนือกว่าผู้อื่นทั้งฐานะและอำนาจ อัศวินจากพระราชสำนักกับมหาดเล็กดูแลอาวุธของตนและทูตานุทูตจากดินแดนต่างชาติที่ห่างไกล ต่างมาชุมนุมกันที่เมืองวอร์มส์ กระนั้นเรื่องที่ปลุกความสนใจอย่างลึกซึ้งของผู้ชุมนุมจำนวนมากนั้นเป็นเรื่องของนักปฏิรูปชาวแซกโซนท่านนั้น {GC 145.2}GCth17 122.2

    ก่อนหน้านี้ จักรพรรดิชาร์ลส์ทรงแนะอิเล็กเตอร์ให้นำลูเธอร์มาที่ประชุมรัฐสภาด้วยโดยทรงรับรองเรื่องความปลอดภัยและทรงสัญญาที่จะให้มีการอภิปรายหารือปัญหาที่โต้แย้งกันอยู่อย่างเสรีกับผู้รอบรู้และมีความสามารถ ลูเธอร์มีความกระตือรือร้นที่จะมาปรากฏตัวต่อเบื้องพระพักตร์จักรพรรดิ บัดนี้ สุขภาพของเขาไม่สู้แข็งแรงนัก แต่ถึงกระนั้นเขาเขียนจดหมายถึงอิเล็กเตอร์มีใจความว่า “หากข้าพเจ้าไปเมืองวอร์มส์ในสภาพที่แข็งแรงไม่ได้ ก็ให้หามข้าพเจ้าไป ไม่ว่าข้าพเจ้าจะเจ็บป่วยมากเพียงไร เพราะว่าเมื่อจักรพรรดิทรงเรียกข้าพเจ้าให้เข้าเฝ้าแล้ว ข้าพเจ้าไม่สงสัยเลยว่านั่นคือการทรงเรียกของพระเจ้า หากพวกเขาปรารถนาที่จะใช้ความรุนแรงต่อข้าพเจ้าและเป็นเรื่องที่มีโอกาสเป็นไปได้มาก (เพราะนี่ไม่ใช่เป็นคำสั่งของพวกเขาเองที่เรียกข้าพเจ้าให้ปรากฏตัว) ข้าพเจ้าขอมอบเรื่องนี้ไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้า พระองค์ผู้ทรงปกป้องรักษาชายหนุ่มทั้งสามจากเตาหลอมที่ไฟลุกรุนแรงนั้นยังทรงพระชนม์และทรงครองอำนาจอยู่ หากพระองค์จะไม่ทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอด ชีวิตของข้าพเจ้าก็มีความสำคัญเพียงเล็กน้อย ขอเพียงให้เราปกป้องข่าวประเสริฐไว้ไม่เปิดโอกาสให้คนชั่วดูแคลนและให้เรายอมหลั่งเลือดเพื่อข่าวประเสริฐด้วยเกรงว่าพวกเขาจะได้ชัยชนะ ไม่ใช่เป็นเรื่องของข้าพเจ้าที่จะมาตัดสินว่าชีวิตหรือความตายของข้าพเจ้าจะมีส่วนช่วยให้คนอื่นๆ ทั้งหมดได้รับความรอดหรือไม่........ท่านอาจคาดหวังทุกสิ่งจากข้าพเจ้าได้.....นอกจากการวิ่งหนีและถอนคำพูด ข้าพเจ้าบินไม่ได้และถอนคำพูดก็ยิ่งทำไม่เป็น” Ibid. เล่มที่ 7 บทที่ 1 {GC 146.1}GCth17 122.3

    ข่าวเรื่องลูเธอร์จะปรากฏตัวต่อที่ประชุมรัฐสภาซึ่งกระจายไปทั่วเมืองวอร์มส์นั้นสร้างความตื่นเต้นไปทั่ว อาเลียนเดอร์ผู้แทนของพระสันตะปาปาที่ได้รับมอบหมายให้ติดตามคดีนี้เป็นพิเศษรู้สึกตื่นตระหนกและโกรธจัด เขาเห็นว่าผลลัพธ์ของเรื่องนี้จะส่งผลร้ายต่อระบอบเปปาซี การอนุญาตให้สอบสวนคดีที่พระสันตะปาปาทรงตัดสินประหารชีวิตแล้วนั้นจะเป็นการดูแคลนอำนาจเด็ดขาดของพระสันตะปาปา นอกจากนี้เขายังกลัวว่าวาทศิลป์และการโต้แย้งอันทรงพลังของชายคนนี้อาจเปลี่ยนใจผู้ครองแคว้นจำนวนมากให้ออกห่างจากวิถีของพระสันตะปาปา ดังนั้นเขาจึงทัดทานด้วยท่าทีเร่งด่วนที่สุดกับจักรพรรดิชาร์ลส์ให้คัดค้านการปรากฏตัวของลูเธอร์ที่เมืองวอร์มส์ ในเวลานั้นคำสั่งของพระสันตะปาปาให้บัพพาชนียกรรมลูเธอร์ได้ประกาศไปแล้วและบวกกับคำเรียกร้องของผู้แทนพระสันตะปาปาโน้มน้าวให้จักรพรรดิยอมจำนน พระองค์ทรงเขียนจดหมายไปถึงอิเล็กเตอร์ว่าหากลูเธอร์ไม่ยอมถอนคำพูดเขาก็ต้องอยู่ที่เมืองวิตเทนเบิร์กต่อไป {GC 146.2}GCth17 122.4

    อาเลียนเดอร์ไม่พอใจกับชัยชนะครั้งนี้ ด้วยกำลังและเล่ห์เหลี่ยมเขาเพียรพยายามด้วยอำนาจทั้งปวงที่เขามีเพื่อกำหนดโทษลูเธอร์ให้ได้ ด้วยความไม่ลดละเพื่ออุดมการณ์ที่ดีกว่า เขาผลักดันให้เจ้าผู้ครองแคว้น พระราชาคณะ และสมาชิกอื่นๆ ของสภาให้หันมาสนใจเรื่องนี้ โดยกล่าวหานักปฏิรูปผู้นี้ว่า “ก่อความไม่สงบ กบฏ ไม่เคร่งครัดในศาสนาและหมิ่นประมาทพระเจ้า” แต่ความรุนแรงและอารมณ์ที่ผู้แทนของพระสันตะปาปาแสดงออกนั้นเปิดเผยอย่างชัดเจนถึงวิญญาณที่หนุนเขาอยู่ “เขาดำเนินไปด้วยความเกลียดชังและการแก้แค้น” “มากกว่าด้วยความกระตือรือร้นและฝักใฝ่ทางศาสนา” เป็นคำวิจารณ์ของคนทั่วไป Ibid. เล่มที่ 7 บทที่ 1 สมาชิกส่วนใหญ่ของที่ประชุมรัฐสภามีความโน้มเอียงที่จะชื่นชอบอุดมการณ์ของลูเธอร์ {GC 147.1}GCth17 123.1

    อาเลียนเดอร์เพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าเพื่อโน้มน้าวจักรพรรดิถึงหน้าที่ที่จะต้องทำตามประกาศิตต่างๆ ของระบอบเปปาซีให้สำเร็จ แต่ภายใต้กฎหมายของประเทศเยอรมนีเรื่องนี้ทำไม่ได้หากปราศจากความเห็นชอบของบรรดาเจ้าผู้ครองแคว้น และในที่สุดจักรพรรดิชาร์ลส์ทรงแพ้ต่อการรบเร้าของผู้แทนพระสันตะปาปาจึงทรงขอให้ผู้แทนเสนอเรื่องของเขาเข้าที่ประชุมรัฐสภา “เป็นวันที่ภาคภูมิใจสำหรับทูตของพระสันตะปาปา การประชุมสภานั้นยิ่งใหญ่ อุดมการณ์นั้นยิ่งใหญ่กว่า อาเลียนเดอร์จะเป็นผู้เรียกร้องเพื่อโรม…..ผู้เป็นมารดาและมีอำนาจสิทธิ์ขาดของคริสตจักรทั้งปวง” เขาจะแก้ต่างให้แก่อาณาจักรของเปโตรต่อหน้าเจ้านายของอาณาจักรคริสเตียนที่ร่วมประชุมกัน “เขามีของประทานของการพูดอย่างคล่องแคล่วและเขาใช้โอกาสได้อย่างยิ่งใหญ่และเหมาะเจาะ พระเจ้าทรงจัดเตรียมและสั่งการให้นักพูดผู้มีความสามารถที่สุดของโรมมาปรากฏตัวและอ้อนวอนต่อหน้าบัลลังก์ศาลที่สง่างามน่าเคารพที่สุดนี้ ก่อนที่โรมจะถูกกำหนดโทษ” Wylie เล่มที่ 6 บทที่ 4 ผู้ที่สนับสนุนนักปฏิรูปคาดคะเนผลคำกล่าวหาของอาเลียนเดอร์ด้วยความหวาดหวั่นเล็กน้อย อิเล็กเตอร์แห่งแซกโซนีไม่ได้เสด็จมาร่วมประชุม แต่พระองค์ทรงสั่งการให้สมาชิกสภาบางคนที่เข้าร่วมประชุมอยู่ที่นั่นจดบันทึกคำแถลงของผู้แทนของพระสันตะปาปา {GC 147.2}GCth17 123.2

    อาเลียนเดอร์ตั้งใจใช้พลังความรู้และวาทศิลป์ทั้งหมดเพื่อล้มล้างสัจธรรม เขาโจมตีลูเธอร์ด้วยข้อหาชุดแล้วชุดเล่า เรื่องการเป็นศัตรูกับคริสตจักรและรัฐ คนเป็นและคนตาย บรรพชิตและฆารวาส สภาและคริสเตียนทั่วไป เขาประกาศว่า “ ความผิดของลูเธอร์นั้นมีมากจนเป็นเหตุผลเท่าเทียมกับที่จะเผาคนนอกรีตทั้งเป็นได้ถึงแสนคน” {GC 148.1}GCth17 123.3

    ในตอนสรุปเขาพยายามโยนความเหยียดหยามใส่ผู้ที่สนับสนุนความเชื่อของการปฏิรูป “พวกลูเธอร์เรนเหล่านี้เป็นใครกันนะ พวกครูจองหองอวดดี พวกพระเลวทราม นักบวชเหลวไหลเสเพล ทนายที่รู้ไม่เท่าทันและขุนนางที่เสื่อมกับประชาชนทั่วไปที่ถูกชักนำและบิดเบือนให้หลงทาง ศักยภาพและอำนาจของคาทอลิกนั้นเหนือกว่าพวกเขาเพียงไร คำตัดสินเอกฉันท์จากสภาอันทรงเกียรตินี้จะสร้างความกระจ่างแก่คนธรรมดา เตือนคนที่ไม่รอบคอบ ช่วยการตัดสินของคนที่ไม่มั่นใจและเสริมกำลังแก่คนอ่อนแอ” D’Aubigné เล่มที่ 7 บทที่ 3 {GC 148.2}GCth17 123.4

    ผู้สนับสนุนสัจธรรมในทุกยุคถูกอาวุธเช่นนี้โจมตี คำโต้แย้งแบบเดียวกันถูกยัดเยียดใส่ผู้ที่กล้านำเสนอคำสอนอันเรียบง่ายและตรงไปตรงมาของพระวจนะของพระเจ้าเพื่อคัดค้านข้อผิดพลาดของคริสตจักร ผู้ที่ชื่นชอบศาสนายอดนิยมมักอุทานว่า “นักเทศน์หลักข้อเชื่อแนวใหม่เหล่านี้คือผู้ใดเล่า พวกเขาไม่มีการศึกษา มีไม่กี่คนและแถมยังเป็นคนชนชั้นยากจน กระนั้นพวกเขาก็อ้างว่ามีความจริงและเป็นคนที่พระเจ้าทรงเลือกสรรไว้แล้ว พวกเขาขาดความรู้และถูกหลอก คริสตจักรของเรามีจำนวนคนและอิทธิพลเหนือกว่าพวกเขามากเพียงไร บุคคลยิ่งใหญ่และมีความรู้สูงจำนวนมากเพียงไรที่อยู่ท่ามกลางพวกเรา ฝ่ายเรามีพละกำลังมากกว่าเพียงไร” สิ่งเหล่านี้คือข้อโต้แย้งที่ส่งอิทธิพลต่อโลก แต่ปัจจุบันนี้ก็ไม่อาจสรุปใดๆ ได้มากไปกว่าในสมัยของนักปฏิรูป {GC 148.3}GCth17 124.1

    การปฏิรูปศาสนาไม่ได้จบลงที่ลูเธอร์ตามที่หลายคนคิด แต่จะดำเนินต่อไปจนประวัติศาสตร์โลกปิดฉากลง ลูเธอร์ทำงานยิ่งใหญ่ที่สะท้อนความกระจ่างซึ่งพระเจ้าทรงอนุญาตให้ส่องไปอยู่ในตัวเขา อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้รับความกระจ่างทั้งหมดที่ต้องประทานแก่ชาวโลก จากสมัยนั้นจนมาถึงยุคนี้ ความกระจ่างใหม่ๆ ยังส่องมาสู่พระคัมภีร์และสัจธรรมใหม่ก็เปิดเผยออกมาอยู่ตลอดเวลา {GC 148.4}GCth17 124.2

    คำปราศรัยของผู้แทนพระสันตะปาปาฝังความประทับใจที่ลึกซึ้งต่อที่ประชุมรัฐสภา ลูเธอร์ไม่ได้อยู่ที่นั่นเพื่อเอาสัจธรรมที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือของพระวจนะของพระเจ้ามาตอบโต้ผู้แทนของระบอบเปปาซี ไม่มีความพยายามใดๆ เลยที่จะปกป้องนักปฏิรูปผู้นี้ มีการแสดงออกถึงอารมณ์โดยทั่วไปที่ไม่เพียงเพื่อกำหนดโทษเขาและประณามหลักคำสอนของเขาเท่านั้นแต่หากเป็นไปได้จะถอนรากถอนโคนคำสอนนอกรีตนี้ด้วย โรมใช้ประโยชน์จากโอกาสที่ได้เปรียบที่สุดในการปกป้องอุดมการณ์ของเธอ ทุกสิ่งที่โรมน่าจะพูดเพื่อแก้ข้อที่ถูกกล่าวหาของตนเองนั้น เธอก็พูดหมดไปแล้ว แต่ชัยชนะที่ปรากฏออกมาเป็นสัญญาณบอกถึงความพ่ายแพ้ ต่อแต่นี้ไปความแตกต่างระหว่างความจริงและความผิดนั้นจะปรากฏให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อทั้งสองฝ่ายจะลงสนามสู้รบกันอย่างเปิดเผย ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาโรมจะไม่ได้ยืนอย่างมั่นคงเหมือนที่เคยยืนมาก่อนอีกเลย {GC 149.1}GCth17 124.3

    ในขณะที่สมาชิกส่วนใหญ่ของที่ประชุมรัฐสภาไม่ลังเลที่จะมอบลูเธอร์ให้โรมชำระแค้นยังมีสมาชิกอีกจำนวนมากที่เห็นและเศร้าใจกับความชั่วช้าที่เกิดขึ้นในคริสตจักร และปรารถนาที่จะยับยั้งการกระทำทารุณต่างๆ ที่คนเยอรมันต้องทนทุกข์ทรมานซึ่งเป็นผลจากความเหลวแหลกและความโลภของสภาการปกครองของสงฆ์ ผู้แทนของพระสันตะปาปาเสนอกฎของระบอบเปาปาซีออกมาอย่างสมเหตุสมผล บัดนี้พระเจ้าทรงดลใจสมาชิกของที่ประชุมรัฐสภาท่านหนึ่งให้กล่าวคำบรรยายอย่างถูกต้องถึงผลของความโหดเหี้ยมของระบอบเปปาซี ดิวค์ จอร์จแห่งแซกโซนีลุกขึ้นยืนในที่ประชุมอันทรงเกียรติและอธิบายด้วยความแม่นยำอย่างยิ่งถึงการหลอกลวงและเรื่องน่ารังเกียจของหลักคำสอนและพิธีกรรมของระบอบเปปาซีและผลลัพธ์ที่ร้ายกาจของสิ่งเหล่านี้ เขาปิดท้ายด้วยการพูดว่า {GC 149.2}GCth17 124.4

    “สิ่งเหล่านี้เป็นการละเมิดบางประการที่ร้องโอดครวญถึงโรม ความละอายทั้งสิ้นถูกปัดทิ้งและเป้าหมายเดียวของพวกเขาคือ……เงิน เงิน เงิน…..จนนักเทศน์ซึ่งควรสอนเรื่องสัจธรรมไม่กล่าวถึงเรื่องใดเลยนอกจากความเท็จและไม่ใช่ผู้ฟังยอมทนฟังเท่านั้น แต่ยังมอบรางวัลตอบแทนอีกด้วยเพราะยิ่งโกหกเท่าไร พวกเขาก็จะได้ประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น น้ำโสโครกเช่นนี้ไหลออกมาจากบ่อน้ำพุเหม็นเน่านี้เอง ความเสเพลยื่นมือออกไปสู่ความโลภ…….โอ อนิจจังเรื่องอับอายอื้อฉาวที่คณะสงฆ์ก่อ ทำให้จิตวิญญาณที่น่าสงสารมากมายถูกเหวี่ยงสู่ความหายนะนิรันดร์กาล จะต้องมีการปฏิรูปอย่างทั่วถึงเกิดขึ้นให้ได้” Ibid. เล่มที่ 7 บทที่ 4 {GC 149.3}GCth17 124.5

    ลูเธอร์เองคงไม่อาจเสนอคำต่อว่าระบอบเปปาซีที่รุนแรงและได้ผลดีกว่านี้ และความจริงมีอยู่ว่า ผู้พูดเป็นศัตรูที่มีความตั้งใจแน่วแน่ของนักปฏิรูปกลับสร้างอิทธิพลอันยิ่งใหญ่แก่คำพูดของเขา {GC 150.1}GCth17 125.1

    หากดวงตาของที่ประชุมสภาเปิดกว้างออกได้มากกว่านี้ พวกเขาน่าจะมองเห็นทูตสวรรค์ของพระเจ้าอยู่ท่ามกลางพวกเขา ส่องลำแสงแห่งความกระจ่างขวางความมืดแห่งความผิดและเปิดสมองและจิตใจเพื่อให้รับสัจธรรม อำนาจของพระเจ้าแห่งสัจธรรมและสติปัญญาที่ควบคุมแม้กระทั่งศัตรูของการปฏิรูปศาสนา ดังนี้แล้วจึงเตรียมทางให้กับงานยิ่งใหญ่ที่กำลังจะบรรลุผล มาร์ติน ลูเธอร์ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมสภาแห่งนี้ แต่พระสุรเสียงของพระองค์ผู้ทรงยิ่งใหญ่กว่าลูเธอร์ดังขึ้นจนได้ยินทั้งสภา {GC 150.2}GCth17 125.2

    ที่ประชุมรัฐสภาจึงตั้งกรรมการขึ้นทันที เพื่อเตรียมหนังสือแจกแจงการกดขี่ข่มเหงของระบอบเปปาซีที่สร้างภาระหนักหน่วงต่อชาวเยอรมัน คณะกรรมการยื่นหนังสือนี้ที่ประกอบด้วยรายละเอียดละเมิดถึงหนึ่งร้อยกับอีกหนึ่งข้อต่อจักรพรรดิพร้อมกับเรียกร้องให้พระองค์ทรงรีบจัดการแก้ไขข้อละเมิดเหล่านี้ ผู้ที่ทูลข้อเสนอพูดว่า “ช่างเป็นการสูญเสียจิตวิญญาณของคริสเตียนอะไรปานนี้ ช่างเป็นการปล้นสะดม การขูดเลือดอะไรเช่นนี้กับเรื่องอื้อฉาวที่ห้อมล้อมอยู่รอบผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณของโลกคริสเตียน เป็นหน้าที่ของเราที่จะป้องกันความหายนะและการเสียเกียรติยศชื่อเสียงคนของเรา ด้วยเหตุนี้เราจึงร้องขอด้วยความถ่อมใจและเร่งด่วนที่สุดให้พระองค์ทรงโปรดสั่งการให้มีการปฏิรูปอย่างทั่วถึงและดำเนินจนบรรลุผลสำเร็จ” Ibid. เล่มที่ 7 บทที่ 4 {GC 150.3}GCth17 125.3

    บัดนี้สภาเรียกร้องให้นักปฏิรูปศาสนาเข้ารายงานตัวต่อพวกเขา ในที่สุดจักรพรรดิทรงยอมตามคำเรียกร้องแม้ว่าอาเลียนเดอร์จะอ้อนวอน คัดค้านและข่มขู่ก็ตามทีและลูเธอร์ได้รับหมายเรียกให้ปรากฏตัวต่อหน้าที่ประชุมรัฐสภา หมายเรียกนี้มาพร้อมใบรับรองความปลอดภัยเพื่อนำเขากลับไปยังที่ที่มั่นคงปลอดภัย พนักงานป่าวประกาศคนหนึ่งเป็นผู้นำสาส์นเหล่านี้มายังเมืองวิตเทนเบิร์กและเขาได้รับภารกิจให้นำลูเธอร์ไปยังเมืองวอร์มส์ด้วย {GC 150.4}GCth17 125.4

    มิตรสหายของลูเธอร์หวั่นวิตกและเป็นทุกข์ พวกเขาตระหนักถึงอคติและความเกลียดชังที่มีต่อเขา พวกเขากลัวว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะไม่เคารพแม้คำรับรองความปลอดภัยและขอร้องให้เขาอย่านำชีวิตของตนไปหาภัยอันตราย เขาตอบว่า “บรรดาผู้นิยมระบอบเปปาซีไม่ได้ปรารถนาที่จะให้ข้าพเจ้ามาเมืองวอร์มส์แต่ต้องการกำหนดโทษและความตายของข้าพเจ้า นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ไม่ต้องอธิษฐานเผื่อข้าพเจ้า แต่อธิษฐานเผื่อพระวจนะของพระเจ้า.....พระคริสต์จะประทานพระวิญญาณของพระองค์ให้ข้าพเจ้าที่จะเอาชนะอาจารย์แห่งความเท็จเหล่านี้ ในชีวิตนี้ข้าพเจ้าชังพวกเขา ด้วยความตายข้าพเจ้าจะมีชัยเหนือพวกเขา พวกเขาทำงานยุ่งที่เมืองวอร์มส์เพื่อบังคับให้ข้าพเจ้าถอนคำพูดและนี่คือการถอนคำพูดของข้าพเจ้า ก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าบอกว่าพระสันตะปาปาเป็นผู้แทนของพระคริสต์ บัดนี้ข้าพเจ้ายืนยันว่าพระองค์เป็นปฏิปักษ์ของพระคริสต์และเป็นอัครสาวกของมาร” Ibid. เล่มที่ 7 บทที่ 6 {GC 150.5}GCth17 125.5

    การเดินทางอันตรายเช่นนี้ ลูเธอร์ไม่ได้ไปตามลำพังคนเดียว นอกจากผู้ส่งสาส์นของสำนักพระราชวังแล้ว ยังมีมิตรสหายสนิทที่สุดของเขาสามคนตั้งใจที่จะไปกับเขาด้วย เมลังค์ธอนปรารถนาอย่างจริงใจที่จะเข้าร่วมกับพวกเขา หัวใจของเขาผูกติดอยู่กับหัวใจของลูเธอร์และต้องการที่จะติดตามเขาไป หากจำเป็นแม้จะต้องถูกขังหรือพบกับความตายก็ตามที แต่คำร้องขอของเขาถูกปฏิเสธ หากลูเธอร์จะพินาศ ความหวังของการปฏิรูปศาสนาจะต้องตกอยู่กับผู้ร่วมงานหนุ่มของเขา นักปฏิรูปศาสนาพูดกับเมลังค์ธอนขณะที่ลาจากกันว่า “หากข้าพเจ้าไม่กลับมาและศัตรูของข้าพเจ้าฆ่าข้าพเจ้าให้ตาย จงเทศนาสอนต่อไปและยืนหยัดอยู่ในสัจธรรม จงทำงานแทนข้าพเจ้า.....หากท่านรอด ความตายของข้าพเจ้าก็เป็นความเสียหายอันน้อยนิด” Ibid. เล่มที่ 7 บทที่ 7 นักศึกษาและประชาชนที่ร่วมชุมนุมกันเพื่อเป็นพยานในการออกเดินทางของลูเธอร์นั้นรู้สึกเร้าใจกับเหตุการณ์นั้นอย่างมาก ชนกลุ่มใหญ่ที่หัวใจได้รับการสัมผัสของข่าวประเสริฐแล้วพากันมาร่วมร่ำไห้ลาเขา ด้วยบรรยากาศเช่นนี้ นักปฏิรูปศาสนาและผู้ติดตามจึงออกเดินทางจากเมืองวิตเทนเบิร์ก {GC 151.1}GCth17 126.1

    ระหว่างการเดินทาง พวกเขาพบว่าจิตใจของประชาชนถูกครอบงำด้วยความหวาดกลัวที่หดหู่ ในบางเมืองไม่มีเกียรติยศที่จะมอบให้พวกเขา เมื่อหยุดพักแรมในยามค่ำคืน มีบาทหลวงหวังดีคนหนึ่งแสดงความวิตกของตนโดยการให้ลูเธอร์ดูภาพของนักปฏิรูปชาวอิตาเลียนที่ต้องพลีชีพเพื่อความเชื่อ วันรุ่งขึ้นพวกเขาได้รับข่าวว่างานเขียนของลูเธอร์ถูกประณามที่เมืองวอร์มส์ ผู้ส่งข่าวของสำนักพระราชวังกำลังประกาศคำสั่งของจักรพรรดิและเรียกร้องให้ประชาชนนำงานเขียนเหล่านั้นไปให้เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง ผู้นำสาส์นที่นำเขามาหวาดหวั่นต่อความปลอดภัยของลูเธอร์ในที่สภาและคิดว่าความตั้งใจของเขาคงหวั่นไหวจึงถามเขาว่ายังคิดที่จะเดินทางต่อไปหรือไม่ เขาตอบว่า “แม้จะถูกสั่งห้ามในทุกเมือง ข้าพเจ้าก็จะมุ่งหน้าต่อไป” Ibid. เล่มที่ 7 บทที่ 7 {GC 151.2}GCth17 126.2

    ที่เมืองเออร์เฟิร์ท ลูเธอร์ได้รับการต้อนรับอย่างมีเกียรติ ฝูงชนที่ชื่นชอบเขาต่างมาห้อมล้อมเขาไว้ เขาเดินไปตามถนนที่เขาเคยย่ำเท้ามาก่อนแล้วพร้อมกับถุงเงินขอทานของเขา เขาไปเยี่ยมห้องคอนแวนต์ของเขาและใคร่ครวญถึงการต่อสู้ผ่านทางความกระจ่างที่เขาได้รับมอบซึ่งบัดนี้กำลังปกคลุมทั่วประเทศเยอรมนี ชาวบ้านขอร้องให้ลูเธอร์เทศนาซึ่งเป็นเรื่องที่เขาถูกสั่งห้ามกระทำ แต่ผู้นำสาส์นอนุญาตให้เขาเทศน์และบัดนี้นักบวชภราดรที่ครั้งหนึ่งเคยทำงานจำเจที่คอนแวนต์แห่งนี้ก็ก้าวขึ้นธรรมาสน์ {GC 152.1}GCth17 126.3

    ต่อหน้าฝูงชนที่แออัดกันหนาแน่น เขาย้ำถึงพระคำของพระคริสต์ว่า “ขอให้สันติสุขจงเป็นของท่าน” “บรรดานักปรัชญา ดุษฎีบัณฑิตและนักเขียนทั้งหลายพยายามสอนมนุษย์ไปให้ถึงวิถีที่จะได้ชีวิตนิรันดร์ แต่พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จ บัดนี้ข้าพเจ้าจะมาบอกวิธีแก่ท่าน.....พระเจ้าทรงเรียกชายคนหนึ่งให้กลับเป็นขึ้นจากความตาย คือพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเพื่อพระองค์จะทรงทำลายความตาย กำจัดบาปและปิดประตูนรก นี่เป็นงานของการช่วยให้รอด.....พระคริสต์ทรงได้ชัยชนะแล้ว นี่เป็นข่าวแห่งความยินดีและเราได้รับความรอดโดยการกระทำของพระองค์และไม่ใช่โดยการกระทำของเราเอง.....พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราตรัสว่า ‘สันติสุขจงมีแก่ท่านทั้งหลาย จงดูที่มือของเรา’ พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ โอ มนุษย์ทั้งหลาย ดูเถิด เพราะเรา เราผู้เดียวเท่านั้น ผู้ซึ่งกำจัดบาปของท่าน และไถ่ท่านให้เป็นไท บัดนี้ท่านมีสันติสุขแล้ว พระเจ้าตรัสดังนี้” {GC 152.2}GCth17 126.4

    เขาพูดต่อ ชี้ให้เห็นว่าความเชื่อที่แท้จริงนั้นจะปรากฎให้เห็นด้วยชีวิตที่บริสุทธิ์ “เนื่องจากพระเจ้าทรงช่วยเราให้รอดแล้ว ก็ขอให้เราจัดการกับงานของเราให้เข้าที่เข้าทางเพื่อจะให้พระองค์ทรงยอมรับ ท่านเป็นคนร่ำรวยหรือ ก็ขอให้สมบัติของท่านเลี้ยงดูความต้องการของผู้ขัดสน ท่านเป็นคนยากจนหรือ ขอให้งานการรับใช้ของท่านเป็นที่ยอมรับของคนร่ำรวย หากงานของท่านมีประโยชน์ต่อตัวท่านเองเท่านั้น งานรับใช้ของท่านที่ท่านแสร้งทำเพื่อถวายพระเจ้านั้นเป็นการมุสาโดยสิ้นเชิง” Ibid. เล่มที่ 7 บทที่ 7 {GC 152.3}GCth17 126.5

    ประชาชนฟังอย่างตะลึงหลงใหล อาหารแห่งชีวิตที่แบ่งปันให้แก่จิตวิญญาณที่หิวกระหาย พระคริสต์ได้รับการเทิดทูนต่อหน้าผู้ฟังให้อยู่เหนือพระสันตะปาปา ผู้แทนพระองค์ จักรพรรดิและพระราชา ลูเธอร์ไม่ได้กล่าวถึงภัยอันตรายที่คุกคามตนเองเลย เขาไม่ได้พยายามทำให้ตัวเองเป็นเป้าหมายให้คนห่วงใยหรือเห็นใจเลย เขาใคร่ครวญถึงพระคริสต์จนลืมตนเองไป เขาซ่อนตัวอยู่ด้านหลังพระองค์แห่งกางเขนคาลวารี คอยหาทางที่จะนำเสนอพระเยซูในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดของคนบาปเท่านั้น {GC 152.4}GCth17 126.6

    ในขณะที่นักปฏิรูปศาสนาเดินทางต่อไป ทุกที่ที่เขาไปนั้นให้ความสนใจเขาเป็นอย่างมาก กลุ่มชนขนาดใหญ่ที่กระตือรือร้นห้อมล้อมเขาไว้และเสียงที่เป็นมิตรเตือนเขาถึงจุดประสงค์ของผู้นิยมลัทธิโรมัน บางคนพูดว่า “พวกเขาจะเอาท่านไปเผาและสลายร่างกายของท่านให้เป็นเถ้าถ่านเหมือนที่ทำกับยอห์น ฮัส” ลูเธอร์ตอบว่า “แม้ว่าพวกเขาจะก่อไฟตลอดทางจากเมืองวอร์มส์ไปถึงเมืองวิตเทนเบิร์กจนเปลวสูงขึ้นไปถึงสวรรค์ ข้าพเจ้าก็จะเดินผ่านไปในนามของพระเจ้า ข้าพเจ้าจะไปปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา ข้าพเจ้าจะเดินเข้าไปในปากของสัตว์ใหญ่ประหลาดตัวนี้และหักฟันของมันเพื่อประกาศนามของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า” Ibid. เล่มที่ 7 บทที่ 7 {GC 153.1}GCth17 127.1

    ข่าวการเดินทางใกล้ถึงเมืองวอร์มส์ของลูเธอร์ก่อให้เกิดความชุลมุนวุ่นวายครั้งใหญ่ มิตรสหายวิตกถึงความปลอดภัยของเขาจนตัวสั่น ศัตรูของเขาหวาดหวั่นต่อความสำเร็จในอุดมการณ์ของพวกเขา พวกเขาพยายามทุ่มเทอย่างเหนียวแน่นโน้มน้าวไม่ให้ลูเธอร์เดินทางเข้าเมือง ด้วยคำปลุกปั่นของเหล่าผู้นิยมระบอบเปปาซี เขาได้รับการขอร้องให้ไปพักที่ปราสาทแห่งหนึ่งของอัศวินที่เป็นมิตร ณ ที่แห่งนี้พวกเขาประกาศว่าความยุ่งยากทั้งหมดจะปรับให้เข้ากันอย่างมีมิตรไมตรี เพื่อนๆ คอยพยายามปลุกเขาให้กลัวด้วยการสาธยายถึงภัยอันตรายที่คุกคามเขาอยู่ ความพยายามทั้งปวงของพวกเขาล้มเหลว ลูเธอร์ยังคงไม่หวั่นไหวประกาศว่า “แม้ว่าในกรุงวอร์มส์จะมีจำนวนปีศาจมากพอๆ กับจำนวนกระเบื้องบนหลังคาบ้าน ข้าพเจ้าก็ยังจะมุ่งหน้าเดินเข้าไป” Ibid. เล่มที่ 7 บทที่ 7 {GC 153.2}GCth17 127.2

    เมื่อลูเธอร์เดินทางมาถึงเมืองวอร์มส์ มีกลุ่มคนขนาดใหญ่มารวมตัวกันอยู่ที่ประตูเมืองเพื่อต้อนรับเขา ไม่เคยมีกลุ่มชนขนาดใหญ่เช่นนี้ออกมาต้อนรับจักรพรรดิมาก่อน ความตื่นเต้นนั้นแรงมากและจากท่ามกลางหมู่คนเหล่านี้ มีเสียงเพลงสวดศพดังขึ้นอย่างสยองขวัญและละห้อยส่งมาเตือนลูเธอร์ถึงจุดจบที่รอเขาอยู่ ในขณะที่ลูเธอร์ก้าวลงจากรถม้า เขาพูดว่า “พระเจ้าจะทรงเป็นโล่ป้องกันข้าพเจ้า” {GC 153.3}GCth17 127.3

    บรรดาผู้นิยมระบอบเปปาซีไม่เชื่อว่าลูเธอร์กล้าเสี่ยงมาปรากฏตัวที่เมืองวอร์มส์และการมาถึงของเขาทำให้พวกเขาขวัญหาย จักรพรรดิทรงเรียกที่ปรึกษาให้พิจารณาถึงแนวทางที่จะดำเนินการต่อไป มีบิชอปองค์หนึ่งซึ่งเป็นผู้นิยมระบอบเปปาซีที่เข้มแข็งได้ประกาศว่า “เราหารือกันถึงเรื่องนี้มานานแล้ว ใช้อำนาจจักรพรรดิของท่านกำจัดชายคนนี้เสียทันที ไม่ใช่ซีจิสมันด์หรือที่บงการให้เผายอห์น ฮัส เราไม่มีภาระผูกพันที่ต้องออกใบหรือปฏิบัติตามใบคุ้มครองความปลอดภัยของคนนอกรีตคนหนึ่ง” จักรพรรดิตรัสว่า “ไม่ เราต้องรักษาสัญญาของเราที่ให้ไว้” Ibid. เล่มที่ 7 บทที่ 8 ดังนั้นพวกเขาจึงลงความเห็นกันว่าต้องฟังคำแก้ต่างของนักปฏิรูปศาสนาผู้นี้เสียก่อน {GC 153.4}GCth17 127.4

    คนทั้งเมืองกระตือรือร้นอยากเห็นชายน่าพิศวงคนนี้และในไม่ช้ามีกลุ่มคนขนาดใหญ่เข้ามาเยือนที่พักของเขา ลูเธอร์แทบจะยังไม่ทันฟื้นคืนสู่ความปกติจากอาการเจ็บป่วยเมื่อไม่นานมานี้ เขาอ่อนเปลี้ยจากการเดินทางที่ใช้เวลาถึงสองสัปดาห์เต็ม เขาต้องเตรียมตัวเพื่อเผชิญหน้ากับเหตุการณ์สำคัญในวันรุ่งขึ้นและเขาต้องการความสงบและการพักผ่อน แต่ประชาชนมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะพบเขาให้ได้จนเขาได้เวลาพักผ่อนเพียงไม่กี่ชั่วโมง เมื่อขุนนาง อัศวิน บาทหลวงและประชาชนมาล้อมเขาไว้อย่างใจจดใจจ่อ ในท่ามกลางคนเหล่านี้มีขุนนางอยู่หลายคนที่กล้าเรียกร้องให้จักรพรรดิปฏิรูปการกระทำล่วงละเมิดต่างๆ ของกิจกรรมสงฆ์จนลูเธอร์กล่าวว่า “คนเหล่านี้เป็นไทแล้วโดยข่าวประเสริฐของเรา” Martyn หน้า 393 ทั้งศัตรูและมิตรเข้ามาเยี่ยมพระนักบวชกล้าหาญท่านนี้ แต่เขาต้อนรับพวกเขาด้วยใจสงบที่ไม่หวั่นไหว ตอบทุกคนด้วยความสง่าผ่าเผยและปัญญา ท่าทางของเขามั่นคงและกล้าหาญ ใบหน้าซีดผอมที่มีร่องรอยของการตรากตรำและความเจ็บป่วยกลับแสดงออกถึงความเมตตาและความสุข คำพูดเคร่งขรึมและจริงใจลึกซึ้งของเขาทำให้เขามีพลังที่แม้กระทั่งศัตรูของเขาก็ยังรับมือไม่อยู่ ทั้งมิตรสหายและศัตรูรู้สึกอัศจรรย์ใจอย่างล้นพ้น บางคนเชื่อว่ามีฤทธานุภาพของพระเจ้าสถิตอยู่ในตัวเขา คนอื่นๆ ประกาศเหมือนเช่นพวกฟาริสีพูดถึงพระเยซูว่า “มีผีเข้าสิงอยู่” มัทธิว 11:18 {GC 154.1}GCth17 128.1

    วันต่อมา ลูเธอร์ถูกสั่งให้ไปยังที่ประชุมรัฐสภา เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังคนหนึ่งได้รับแต่งตั้งให้นำเขาไปยังห้องประชุม แต่เขาเข้าไปในสภาด้วยความยากลำบาก มีประชาชนแออัดแน่นอยู่ทุกซอกซอย ทุกคนต้องการมาดูพระนักบวชที่กล้าต่อต้านสิทธิอำนาจของพระสันตะปาปา {GC 154.2}GCth17 128.2

    ในขณะที่เขากำลังจะเดินก้าวเข้าไปยังเบื้องหน้าคณะผู้พิพากษาของเขานั้น นายพลวีรบุรุษสูงอายุท่านหนึ่งผู้ผ่านสงครามในหลายสนามพูดกับเขาด้วยความปรานีว่า “พระผู้น่าสงสาร พระผู้น่าสงสาร บัดนี้ท่านกำลังปกป้องศักดิ์ศรีอันสูงเกียรติยิ่งกว่าข้าหรือมากกว่าแม่ทัพคนใดในสงครามที่ดุเดือดที่สุดของเรา แต่หากการต่อสู้ของท่านนั้นชอบธรรมและท่านมั่นใจในการต่อสู้ครั้งนี้ ก็จงมุ่งหน้าต่อไปในพระนามของพระเจ้าและอย่ากลัวสิ่งใดทั้งสิ้น พระเจ้าจะไม่ทรงทอดทิ้งท่าน” D’Aubigné เล่มที่ 7 บทที่ 8 {GC 154.3}GCth17 128.3

    ในที่สุดลูเธอร์ก็มายืนอยู่เบื้องหน้าสภา จักรพรรดิประทับบนพระที่นั่ง พวกขุนนางและเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของอาณาจักรห้อมล้อมพระองค์ไว้ ไม่เคยมีผู้ใดมาปรากฏต่อที่ประชุมอันสูงเกียรติกว่านี้ดังมาร์ติน ลูเธอร์ที่ต้องมาแก้ต่างความเชื่อของตนเอง “การปรากฎตัวครั้งนี้เป็นสัญญาณในตัวของมันเองบ่งบอกถึงชัยชนะเหนืออำนาจของระบอบเปปาซี พระสันตะปาปาทรงตัดสินกำหนดโทษชายคนนี้แล้วและในเวลานี้เขากำลังยืนอยู่ต่อหน้าศาลซึ่งโดยพฤตินัยตั้งตัวขึ้นเหนืออำนาจของพระสันตะปาปาแล้ว พระสันตะปาปาทรงบัญชาให้เขาอยู่ภายใต้คำสั่งต้องห้ามและทรงตัดเขาขาดจากสังคมมนุษย์ทั้งปวง แต่ถึงกระนั้นเขากลับได้รับคำสั่งให้มาปรากฏตัวด้วยถ้อยคำที่น่ายำเกรงเคารพและได้รับการต้อนรับจากที่ประชุมอันทรงเกียรติที่สุดในโลก พระสันตะปาปาทรงกำหนดโทษให้เขาปิดปากเงียบไปตลอดกาลและบัดนี้เขากำลังจะอ้าปากพูดต่อหน้าคนที่สนใจมาฟังเขานับพันซึ่งมาชุมนุมกันจากดินแดนที่ไกลที่สุดของอาณาจักรคริสเตียน จากเหตุการณ์นี้ ลูเธอร์กลายเป็นตัวจักรสำคัญก่อให้เกิดการปฏิวัติครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น โรมกำลังถดถอยลงจากบัลลังก์ของเธอและเป็นเพราะเสียงของพระสงฆ์องค์หนึ่งที่เป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องน่าอับอายอดสูเช่นนี้ขึ้น Ibid. เล่าที่ 7 บทที่ 8 {GC 155.1}GCth17 128.4

    เมื่อลูเธอร์มาอยู่เบื้องหน้าที่ประชุมอันทรงเกียรติและมีอำนาจมากเช่นนี้ เขารู้สึกประหม่าและทำตัวไม่ถูก มีเจ้าผู้ครองแคว้นอยู่หลายพระองค์สังเกตเห็นอารมณ์เช่นนี้ของเขาจึงเดินเข้าไปหาเขาและมีอยู่พระองค์หนึ่งกระซิบว่า “อย่ากลัวคนที่จะฆ่ากายแต่ไม่สามารถฆ่าจิตวิญญาณได้” มีอีกพระองค์หนึ่งพูดว่า “เมื่อพวกเขาพาท่านเข้าไปอยู่ต่อหน้าผู้มีอำนาจและพระราชาเพราะเห็นแก่พระเจ้า พระวิญญาณของพระบิดาจะประทานสิ่งที่ท่านจะพูดให้แก่ท่าน” ด้วยวิธีนี้ บุรุษยิ่งใหญ่ของโลกนำพระดำรัสของพระคริสต์มาหนุนใจผู้รับใช้ของพระองค์ในยามวิกฤตของการพิพากษา {GC 155.2}GCth17 128.5

    ลูเธอร์ถูกนำตัวให้มาอยู่ต่อหน้าบัลลังก์ของจักรพรรดิโดยตรง ความเงียบสงัดปกคลุมอยู่เหนือที่ประชุมแออัดแห่งนี้ แล้วเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังลุกขึ้นยืนและเอามือชี้ไปที่ผลงานเขียนกองหนึ่งของลูเธอร์ เรียกร้องให้นักปฏิรูปศาสนาคนนี้ตอบคำถามสองข้อคือยอมรับว่าเป็นของตนไหมและเขาจะเสนอขอถอนแนวคิดที่เขาประกาศออกไปหรือไม่ เมื่ออ่านชื่อเรื่องของหนังสือแล้ว ลูเธอร์ตอบว่า สำหรับคำถามแรกนั้นเขายอมรับว่าเป็นหนังสือของเขา เขาพูดต่อไปว่า “สำหรับคำถามที่สองซึ่งเกี่ยวข้องกับความเชื่อและความรอดของจิตวิญญาณซึ่งพระวจนะของพระเจ้าอันเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดไม่ว่าจะเป็นบนสวรรค์หรือบนโลกมีส่วนพัวพันด้วย จะเป็นการไม่รอบคอบหากข้าพเจ้าจะตอบโดยไม่ไตร่ตรองเสียก่อน ข้าพเจ้าอาจรับรองน้อยกว่าที่สถานการณ์เรียกร้องหรือพูดมากกว่าความจริงที่ต้องการและจะกระทำบาปต่อพระดำรัสของพระคริสต์ที่ว่า “แต่ผู้ใดจะไม่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราก็จะไม่ยอมรับผู้นั้นเฉพาะพระพักตร์พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ด้วย” มัทธิว 10:33 ด้วยเหตุผลนี้ข้าพเจ้าจึงขอพระบรมราชานุญาตโปรดประทานเวลาให้ข้าพเจ้าเพื่อจะทูลตอบโดยไม่ผิดต่อพระคำของพระเจ้า” D’Aubigné เล่มที่ 7 บทที่ 8 {GC 155.3}GCth17 129.1

    ลูเธอร์ดำเนินด้วยความชาญฉลาดในการนำเสนอคำอุทธรณ์นี้ การกระทำของเขาโน้มน้าวให้ที่ประชุมเชื่อว่าเขาไม่ได้ทำตามอารมณ์หรือด้วยความหุนหัน ไม่มีใครคาดคิดว่าบุคคลที่มักแสดงความแกร่งกล้าและไม่ยอมประนีประนอมจะมีความสงบนิ่งและควบคุมตนเช่นนี้ได้ ซึ่งยิ่งเสริมกำลังให้เขาและในเวลาต่อมาช่วยให้เขาสามารถตอบอย่างรอบคอบแน่วแน่ มีปัญญาและสง่างามจนทำให้ศัตรูของเขาแปลกใจและผิดหวังและตำหนิความทะนงโอหังและความอวดดีของพวกเขาเอง {GC 156.1}GCth17 129.2

    วันต่อมาเขาต้องปรากฏตัวเพื่อให้คำตอบสุดท้ายของเขา หัวใจของเขาหดหู่ไประยะเวลาหนึ่งเมื่อเขาใคร่ครวญถึงกองกำลังที่รวมตัวต่อต้านสัจธรรม ความเชื่อของเขาสะดุด ความหวาดผวาจนตัวสั่นคุกคามเขา ความกลัวครอบงำเขา ภัยอันตรายเพิ่มทวีคูณอยู่ต่อหน้าเขา ศัตรูของเขาดูเหมือนจะกำชัยชนะ อำนาจของความมืดดูเหมือนจะเป็นต่อ เมฆหมอกมาก่อตัวอยู่รอบตัวเขาและดูคล้ายกับว่าแยกเขาออกจากพระเจ้า เขาปรารถนาที่จะได้หลักประกันว่าพระเจ้าจอมโยธาจะสถิตอยู่ร่วมกับเขา ด้วยจิตวิญญาณที่ปวดร้าว เขาฟุบหน้าลงกับพื้นและเปล่งเสียงร้องด้วยหัวใจที่แตกสลายซึ่งไม่มีผู้ใดนอกจากพระเจ้าจะเข้าใจได้อย่างครบถ้วน {GC 156.2}GCth17 129.3

    เขาทูลวิงวอนว่า “โอพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และทรงพระชนม์อยู่เป็นนิตย์ โลกนี้ช่างโหดร้ายจริงหนอ ดูเถิดมันอ้าปากเพื่อกลืนข้าพระองค์และข้าพระองค์มีความวางใจในพระองค์เพียงน้อยนิด.....หากข้าพระองค์มีกำลังบนโลกเพียงเท่านี้ในความเชื่อมั่นต่อพระองค์ทุกอย่างก็จะจบลงเพียงนี้.....เวลาช่วงสุดท้ายของข้าพระองค์มาถึงแล้ว เขาประกาศกำหนดโทษของข้าพระองค์แล้ว.....โอ ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ต่อต้านปัญญาทั้งปวงของชาวโลก เรื่องนี้........เพราะพระองค์เพียงผู้เดียว.....เพราะนี่ไม่ใช่งานของข้าพระองค์แต่เป็นของพระองค์ ข้าพระองค์ไม่มีอะไรที่ต้องทำที่นี่ ไม่มีสิ่งใดที่จะแข่งขันกับคนยิ่งใหญ่ของโลกนี้.....แต่อุดมการณ์นี้เป็นของพระองค์.....เป็นอุดมการณ์ชอบธรรมและชั่วนิรันดร์ โอ พระเจ้าข้า โปรดช่วยข้าพระองค์ด้วย พระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อและไม่เปลี่ยนแปลง ข้าพระองค์จะไม่มอบความวางใจไว้กับมนุษย์คนใด.....เรื่องทั้งหมดของมนุษย์นั้นไม่แน่นอน ทุกสิ่งที่มาจากมนุษย์นั้นล้มเหลว....พระองค์ทรงเลือกข้าพระองค์ให้ทำงานนี้....โปรดยืนเคียงข้างข้าพระองค์เพื่อเห็นแก่พระเยซูคริสต์ผู้ที่พระองค์ทรงรัก ผู้ทรงปกป้องข้าพระองค์ ทรงเป็นโล่และเป็นป้อมปราการอันแข็งแกร่งของข้าพระองค์” Ibid. เล่มที่ 7 บทที่ 8 {GC 156.3}GCth17 129.4

    พระเจ้าองค์สัพพัญญูประทานให้ลูเธอร์ตระหนักถึงภัยอันตรายของเขาเพื่อเขาจะไม่วางใจในกำลังของตนเองและพุ่งเข้าหาภัยอันตรายอย่างหุนหัน อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ความกลัวเรื่องความเจ็บปวดส่วนตัว การทรมานหรือความตายที่น่าสยดสยองที่กำลังคืบกระชั้นชิดเข้ามาหาเขาที่ทำให้เขาเกิดความหวาดกลัวสยองขวัญ เขามาถึงวิกฤตแล้วและตระหนักถึงความบกพร่องของตนเองที่จะเผชิญหน้ากับมัน โดยความอ่อนแอของเขา อุดมการณ์ของสัจธรรมอาจได้รับความเสียหาย เขาปล้ำสู้กับพระเจ้าไม่ใช่เพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเอง แต่เพื่อชัยชนะของข่าวประเสริฐ เช่นเดียวกับอิสราเอล การปล้ำสู้ในคืนนั้นที่ข้างลำธารเปลี่ยวเนื่องมาจากความปวดร้าวและความขัดแย้งในจิตวิญญาณของเขา เหมือนเช่นอิสราเอล เขามีชัยชนะร่วมกับพระเจ้า ในความสิ้นหวังต่ำสุดของเขา ความเชื่อของเขายึดมั่นติดอยู่กับพระคริสต์ พระผู้ช่วยกู้ผู้ทรงพลัง เขาเข้มแข็งขึ้นด้วยความมั่นใจว่าเขาจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าสภาตามลำพัง สันติสุขกลับคืนสู่จิตวิญญาณของเขา และเขาชื่นชมยินดีที่ได้รับอนุญาตให้เทิดทูนพระวจนะของพระเจ้าต่อหน้าผู้ปกครองของประเทศทั้งหลาย {GC 157.1}GCth17 130.1

    ด้วยสติที่ยึดมั่นอยู่ในพระเจ้า ลูเธอร์เตรียมตัวเพื่อการต่อสู้ที่อยู่เบื้องหน้าเขา เขาวางแผนถึงเรื่องคำตอบของเขา ตรวจสอบข้อความผลงานเขียนต่างๆ ของตนเอง และดึงข้อพิสูจน์ที่เหมาะสมจากพระคัมภีร์เพื่อสนับสนุนจุดยืนของตน แล้วเอามือซ้ายวางอยู่บนพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่เปิดอยู่ ชูมือขวาขึ้นสู่สวรรค์และปฏิญาณว่า “จะผดุงความซื่อสัตย์ต่อข่าวประเสริฐและสารภาพความเชื่อของเขาอย่างเสรีแม้ว่าเขาจะต้องประทับคำพยานด้วยเลือดของเขาเองก็ตาม” Ibid. เล่มที่ 7 บทที่ 8 {GC 157.2}GCth17 130.2

    อีกครั้งหนึ่งเมื่อเขาถูกนำมาปรากฏตัวอยู่หน้าที่ประชุมรัฐสภา สีหน้าของเขาไม่มีร่องรอยของความหวาดกลัวหรือความขุ่นมัวเลย สงบและมีสันติสุข แต่ด้วยความกล้าหาญและทรงเกียรติอย่างภูมิฐาน ในฐานะพยานของพระเจ้าเขายืนขึ้นท่ามกลางผู้ยิ่งใหญ่ของโลก บัดนี้เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังสั่งให้เขาตัดสินว่าจะต้องการถอนคำสอนข้อเชื่อของเขาหรือไม่ ลูเธอร์กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อมและถ่อม ปราศจากความรุนแรงหรืออารมณ์ ท่าทางของเขานิ่งสุขุมและน่าเคารพยำเกรง แต่เขาแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจและความเปรมปรีดิ์ซึ่งทำให้ที่ประชุมแปลกใจ {GC 158.1}GCth17 130.3

    ลูเธอร์พูดว่า “จักรพรรดิผู้สุขุมเยือกเย็นที่สุด เจ้านายอันทรงเกียรติทั้งหลาย ขุนนางที่เคารพ ข้าพเจ้ามาปรากฏตัวต่อหน้าท่านในวันนี้เพื่อปฏิบัติตามคำบัญชาที่เมื่อวานนี้กำชับแก่ข้าพเจ้าและโดยพระเมตตาคุณของพระเจ้า ข้าพเจ้าขออนุญาตวิงวอนท่านและขุนนางยิ่งใหญ่ทั้งหลายโปรดใส่ใจฟังการปกป้องอุดมการณ์เรื่องหนึ่งที่ข้าพเจ้ามั่นใจว่าชอบธรรมและสัตย์จริง หากข้าพเจ้าจะล่วงเกินในการใช้สภาอันทรงเกียรติแห่งนี้ไปในทางที่ไม่เหมาะไม่ควรอันเนื่องจากการขาดความรู้แล้ว ข้าพเจ้าขอร้องให้ท่านอภัยแก่ข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าไม่ได้เติบโตขึ้นในพระราชวังของพระราชาแต่อยู่อย่างสันโดษในคอนแวนต์” Ibid. เล่มที่ 7 บทที่ 8 {GC 158.2}GCth17 130.4

    แล้วเขาพูดต่อไปเกี่ยวกับเรื่องของปัญหา เขาอธิบายว่างานเขียนทั้งหมดของเขาที่ตีพิมพ์ออกมานั้นไม่ใช่มีลักษณะแบบเดียวกันหมด ในบางส่วนเขากล่าวถึงเรื่องความเชื่อและการทำความดีและแม้ศัตรูของเขาก็ยังประกาศว่าผลงานเหล่านั้นไม่เป็นภัยแต่กลับเป็นคุณประโยชน์ หากจะถอนงานเขียนเหล่านี้จะเป็นการประณามความจริงที่ทุกฝ่ายยอมรับ งานประเภทที่สองประกอบด้วยข้อเขียนที่เปิดโปงความเลวและการละเมิดของระบอบเปปาซี หากจะลบล้างผลงานเหล่านี้ก็จะไปส่งเสริมความโหดเหี้ยมของโรมและเปิดโอกาสให้กว้างขึ้นแก่ความไร้จริยธรรมอีกมากมายให้ทวีคูณ ส่วนผลงานประเภทที่สาม เขามุ่งโจมตีเฉพาะตัวบุคคลที่ปกป้องความชั่วที่เห็นอยู่กลาดเกลื่อน เขาสารภาพอย่างไม่ลังเลว่าเรื่องนี้เขาใช้ความรุนแรงมากกว่าความสุภาพ เขาไม่ได้อ้างว่าตนเองไร้ข้อบกพรอง แต่แม้กระทั่งหนังสือเหล่านี้เขาก็ยังไม่อาจถอนได้ เพราะการกระทำเช่นนั้นจะไปเสริมความฮึกเหิมของศัตรูแห่งสัจธรรมและพวกเขาก็จะใช้โอกาสนั้นบดขยี้คนของพระเจ้าด้วยความโหดเหี้ยมยิ่งขึ้น {GC 158.3}GCth17 130.5

    เขาพูดต่อไปว่า “อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งไม่ใช่พระเจ้า ดังนั้นข้าพเจ้าจะปกป้องตัวเองเหมือนเช่นที่พระคริสต์ทรงกระทำว่า ‘ถ้าเราพูดผิดก็จงเป็นพยานในสิ่งที่ผิดนั้น’ ...... โดยพระเมตตาคุณของพระเจ้า ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่านจักรพรรดิผู้ทรงสุขุมเยือกเย็นที่สุด และท่านขุนนางผู้เรืองนามทั้งหลายและบุรุษทุกระดับชั้นให้ท่านใช้ข้อเขียนของผู้เผยพระวจนะและของอัครทูตพิสูจน์ว่าข้าพเจ้าทำผิด ทันทีที่ข้าพเจ้าจำนนต่อหลักฐานเหล่านี้ ข้าพเจ้าจะเป็นคนแรกที่คว้าหนังสือของข้าพเจ้าและโยนมันลงไปในกองเพลิง {GC 159.1}GCth17 131.1

    “ข้าพเจ้าหวังว่าเรื่องที่ข้าพเจ้าพูดไปเมื่อสักครู่นี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าข้าพเจ้าตรวจสอบอย่างระมัดระวังและพิจารณาถึงภัยอันตรายที่ข้าพเจ้ากำลังนำตัวเองเข้าไปเสี่ยง แต่แทนที่จะท้อแท้ ข้าพเจ้ากลับชื่นชมยินดีที่เห็นว่าในเวลานี้เหมือนเช่นในยุคก่อน ข่าวประเสริฐเป็นต้นเหตุของปัญหาและความขัดแย้ง นี่เป็นลักษณะและชะตากรรมของพระวจนะของพระเจ้า พระเยซูคริสต์ตรัสว่า ‘เราไม่ได้นำสันติภาพมาให้ แต่เรานำดาบมา’ มัทธิว 10:34 คำสอนของพระเจ้านั้นแสนประเสริฐและแสนน่ากลัว จงระมัดระวังเกลือกว่าโดยทึกทักที่จะระงับความขัดแย้ง ท่านกลับไปกดขี่พระวจนะอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าและชักนำกระแสอันตรายอันเชี่ยวกรากที่รุนแรง น่ากลัว ความหายนะในปัจจุบันและความพินาศนิรันดร์กาลมาสู่ตัวท่านเอง.....ข้าพเจ้าอาจยกตัวอย่างมากมายจากพระวจนะของพระเจ้าได้ ข้าพเจ้าอาจพูดถึงเรื่องของฟาโรห์ เรื่องกษัตริย์แห่งกรุงบาบิโลนและกษัตริย์อื่นๆ ของประเทศอิสราเอล ซึ่งพฤติกรรมของพวกเขานั้นล้วนมีส่วนอย่างเห็นผลในการทำลายตนเองเมื่อพวกเขาแสวงหาคำปรึกษาที่ดูเหมือนว่าชาญฉลาดที่สุดเพื่อเพิ่มขยายอาณาจักรของตน ‘พระองค์ผู้ทรงเคลื่อนภูเขาและมันก็ไม่รู้’” โยบ 9:5 Ibid. เล่มที่ 7 บทที่ 8 {GC 159.2}GCth17 131.2

    ลูเธอร์กล่าวเป็นภาษาเยอรมันไปแล้ว บัดนี้เขาได้รับการขอให้พูดเรื่องเดียวกันอีกครั้งหนึ่งเป็นภาษาละติน แม้จะหมดแรงจากการพูดที่ผ่านมาก็ตามเขาก็ยอมทำตามและกล่าวคำพูดของเขาอีกครั้งด้วยความชัดเจนและด้วยพลังเหมือนเช่นครั้งแรก การทรงนำของพระเจ้าคอยชี้แนะอยู่ในเรื่องนี้ ความผิดและความงมงายปิดบังสมองของเจ้าชายจำนวนมาก จนมองไม่เห็นน้ำหนักของเหตุผลในการพูดครั้งแรก แต่การพูดครั้งที่สองทำให้พวกเขามองเห็นใจความที่เสนอไว้อย่างชัดเจน {GC 160.1}GCth17 131.3

    พวกที่ดื้อรั้นไม่ยอมรับความกระจ่างและตั้งใจไม่ยอมให้สัจธรรมมาโน้มน้าวจิตใจของตนพากันเดือนดาลกับพลังคำพูดของลูเธอร์ ขณะที่เขาหยุดพูด โฆษกของสภาพูดด้วยความโกรธว่า “ ท่านยังไม่ได้ตอบคำถามที่ให้ไว้.......ท่านจะต้องให้คำตอบที่ชัดเจนและแน่นอน.....ท่านจะถอนความเชื่อหรือไม่ถอน” {GC 160.1}GCth17 131.4

    นักปฏิรูปศาสนาตอบว่า “ในเมื่อจักรพรรดิผู้สุขุมเยือกเย็นที่สุดและขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทั้งหลายต้องการให้ข้าพเจ้าให้คำตอบที่ชัดเจน ฟังง่ายและตรงไปตรงมา ข้าพเจ้าก็จะตอบท่านและคำตอบก็คือ ข้าพเจ้ามิอาจจำนนความเชื่อของข้าพเจ้าให้กับพระสันตะปาปาหรือให้กับสภาต่างๆ ได้ เพราะเรื่องนี้ชัดแจ้งยิ่งกว่ายามเที่ยงวันว่าพวกเขาทำผิดและขัดแย้งกันเองอยู่บ่อยๆ ด้วยเหตุนี้นอกเสียจากว่าพวกเขาจะโน้มน้าวข้าพเจ้าได้ด้วยคำพยานของพระคัมภีร์หรือโดยอ้างเหตุผลที่ชัดเจนที่สุด นอกเสียจากว่าพวกเขาจะชักจูงข้าพเจ้าสำเร็จโดยใช้ข้อความที่ข้าพเจ้าอ้างไว้ และนอกเสียจากว่าพวกเขาจะมาเปลี่ยนจิตสำนึกของข้าพเจ้าซึ่งยึดติดกับพระวจนะของพระเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าไม่สามารถและจะไม่ถอนความเชื่อเพราะเป็นเรื่องไม่ปลอดภัยที่คริสเตียนคนหนึ่งมาพูดค้านกับจิตสำนึกของเขา ข้าพเจ้ายืนอยู่ที่นี่ ข้าพเจ้าจะไม่ทำประการอื่นใด ขอพระเจ้าทรงโปรดช่วยข้าพเจ้าด้วย อาเมน” Ibid. เล่มที่ 7 บทที่ 8 {GC 160.2}GCth17 131.5

    ด้วยประการเช่นนี้ชายชอบธรรมคนนี้ยืนอยู่บนรากฐานที่มั่นคงของพระเจ้า แสงสว่างของสวรรค์แจ่มจำรัสอยู่ในสีหน้าของเขา ความยิ่งใหญ่และความบริสุทธิ์ของอุปนิสัยของเขา สันติสุขและความชื่นชมยินดีของเขาปรากฏให้ทุกคนเห็นในขณะที่เขาเป็นพยานคัดค้านอำนาจแห่งความชั่วและเป็นพยานถึงความเชื่อที่เอาชนะโลก {GC 160.3}GCth17 132.1

    คนทั้งห้องประชุมนิ่งเงียบด้วยความประหลาดใจไปชั่วขณะหนึ่ง ในการตอบครั้งแรก ลูเธอร์พูดด้วยน้ำเสียงต่ำ ด้วยความเคารพยำเกรงแทบจะนอบน้อมถ่อมตน เหล่าผู้นิยมลัทธิโรมันแปลความหมายการแสดงออกเช่นนี้ว่าเขากำลังเริ่มเสียขวัญ พวกเขาคิดว่าที่เขาขอเลื่อนเวลาพูดออกไปนั้น เป็นการเปิดทางให้กับการถอนคำพูด จักรพรรดิชาร์ลส์พระองค์เอง ก็ทรงสังเกตอย่างกึ่งดูแคลน เห็นท่าทีที่อิดโรยของนักบวชคนนี้ อาภรณ์ที่เรียบ และคำแถลงที่ชัดเจนบ่งบอกให้ทราบว่า “พระนักบวชองค์นี้จะไม่มีทางทำให้เราเป็นคนนอกรีตอย่างแน่นอน” แต่ความกล้าและความแน่วแน่ที่บัดนี้เขาแสดงออกมา รวมทั้งพลังและความชัดเจนในการใช้เหตุผลของเขาทำให้คนทุกฝ่ายแปลกใจ จักรพรรดิทรงเปลี่ยนไปเป็นความชื่นชม ทรงอุทานขึ้นมาว่า “พระนักบวชองค์นี้พูดด้วยใจที่ปราศจากความกลัวและความกล้าหาญที่ไม่หวั่นไหว” เจ้าผู้ครองแคว้นเยอรมนีหลายพระองค์ทรงมองดูผู้แทนประเทศคนนี้ของพวกเขาด้วยความภาคภูมิใจและความชื่นชมยินดี {GC 160.4}GCth17 132.2

    พรรคพวกของโรมแตกกระจุยไป อุดมการณ์ของพวกเขาดูเหมือนตกอยู่ในสภาพที่ไม่เอื้ออำนวยที่สุด พวกเขาจึงหาทางรักษาอำนาจของตนไม่ใช่ด้วยการปฏิบัติตามพระคัมภีร์แต่เลือกที่จะใช้วิธีข่มขู่ ซึ่งเป็นวิธีโต้เถียงที่โรมไม่เคยลดละ โฆษกของสภาพูดว่า “ หากท่านไม่ยอมถอนความเชื่อ จักรพรรดิและผู้นำของทั้งประเทศจะปรึกษาว่าจะเลือกใช้วิธีใดเพื่อต่อต้านคนนอกรีตที่ไม่ยอมแก้ไขคนนี้” {GC 161.1}GCth17 132.3

    มิตรสหายของลูเธอร์ที่ฟังคำปกป้องอันประเสริฐด้วยความชื่นชมนั้นเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ก็ตกใจกลัว แต่ตัวดุษฎีบัณฑิตเองกลับพูดอย่างสงบนิ่งว่า “ ขอพระเจ้าทรงเป็นผู้ช่วยข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าจะไม่ถอนคำพูดใดเลย” Ibid. เล่มที่ 7 บทที่ 8 {GC 161.2}GCth17 132.4

    แล้วพวกเขานำลูเธอร์ออกไปจากที่ประชุมรัฐสภา ในขณะที่เจ้าผู้ครองแคว้นทั้งหลายทรงปรึกษาหารือร่วมกัน เกิดความรู้สึกทั่วไปว่าวิกฤตครั้งยิ่งใหญ่มาถึงแล้ว การยืนกรานปฏิเสธที่จะยอมจำนนอาจส่งผลต่อประวัติศาสตร์ของคริสตจักรเป็นเวลาหลายยุค สภาตัดสินใจที่จะให้โอกาสลูเธอร์อีกครั้งหนึ่งที่จะถอนคำสอน พวกเขานำลูเธอร์เข้ามาในสภาเป็นครั้งสุดท้าย ถามเขาอีกครั้งหนึ่งว่าจะปฏิเสธคำสอนของเขาหรือไม่ เขาพูดว่า “ข้าพเจ้าไม่มีคำตอบอื่นใดที่จะให้ นอกจากที่ให้ไว้แล้ว” เป็นที่แน่ชัดว่าไม่มีสิ่งใดจะโน้มน้าวเขาได้เลย ไม่ว่าจะด้วยคำสัญญาหรือด้วยคำขู่ที่จะให้เขายอมจำนนต่อคำตัดสินของโรม {GC 161.3}GCth17 132.5

    ผู้นำระบอบเปปาซีทั้งหลายรู้สึกเดือดดาลที่อำนาจของพวกเขาซึ่งทั้งพระราชาและขุนนางทั้งหลายกลัวจนตัวสั่นต้องถูกพระนักบวชต่ำต้อยคนหนึ่งเหยียดหยามดูแคลน พวกเขาปรารถนาที่จะทำให้นักบวชผู้นี้สัมผัสกับความพิโรธของพวกเขาด้วยการทรมานชีวิตของเขาให้มลายไป แต่ลูเธอร์เข้าใจถึงภัยอันตรายของเขา พูดกับคนทั้งหลายด้วยเกียรติยศและความสุขุมเยือกเย็นของคริสเตียน ถ้อยคำของเขาปราศจากความหยิ่งยโส กิเลส ตัณหาและการหลอกลวง เขาไม่ได้คิดถึงตนเองหรือผู้สูงศักดิ์ที่อยู่รอบตัวเขา รู้เพียงว่าเขาอยู่เบื้องพระพักตร์ของพระเจ้าผู้ทรงสภาพล้ำเลิศอย่างไร้ขอบเขตกว่าพระสันตะปาปา พระราชาคณะ พระราชาและจักรพรรดิ พระคริสต์ตรัสผ่านคำพยานของลูเธอร์ด้วยพลังและความยิ่งใหญ่ที่ดลใจทั้งมิตรสหายและศัตรูด้วยความตะลึงและความพิศวงไปชั่วขณะหนึ่ง พระวิญญาณของพระเจ้าทรงร่วมสถิตอยู่ในที่ประชุมสภาแห่งนั้นเพื่อสัมผัสใจผู้นำสูงสุดของอาณาจักร มีขุนนางจำนวนหนึ่งยอมรับความชอบธรรมในอุดมการณ์ของลูเธอร์ หลายคนถูกโน้มน้าวให้มาเชื่อสัจธรรม แต่ความประทับใจที่ได้รับของบางคนอยู่ไม่นาน มีคนอยู่อีกจำพวกหนึ่งที่ไม่แสดงออกถึงความเชื่อของพวกเขาในเวลานั้น แต่แสวงหาสิ่งที่รับทราบจากพระคัมภีร์ด้วยตนเอง จนเวลาต่อมา กลายเป็นผู้สนับสนุนงานการปฏิรูปอย่างไม่กลัวผู้ใด {GC 161.4}GCth17 132.6

    อิเล็กเตอร์เฟรดเดอริคทรงคอยการปรากฏตัวของลูเธอร์ต่อที่ประชุมรัฐสภาด้วยความกังวลใจและฟังด้วยอารมณ์ที่ซาบซึ้งขณะที่ลูเธอร์พูด พระองค์ทรงเป็นพยานด้วยความสุขและความภาคภูมิใจถึงความกล้าหาญ ความแน่วแน่และการรู้จักตนเองและความตั้งใจที่จะยืนหยัดอย่างมั่นคงยิ่งขึ้นในการปกป้องอุดมการณ์ของดุษฎีบัณฑิตท่านนี้ พระองค์ทรงเปรียบเทียบความแตกต่างของคู่กรณีที่โต้แย้งกันและมองเห็นว่าอำนาจของสัจธรรมทำให้ปัญญาของพระสันตะปาปา พระราชาและพระราชาคณะหมดความหมาย ระบอบเปปาซีต้องรับภาระของความพ่ายแพ้ที่สัมผัสได้ท่ามกลางชนทุกชาติและตลอดทุกยุคสมัย {GC 162.1}GCth17 133.1

    ในขณะที่ผู้แทนของพระสันตะปาปารู้สึกถึงผลที่ได้จากคำแถลงของลูเธอร์ เขาหวาดกลัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนถึงความมั่นคงของอำนาจของโรมและตั้งใจที่จะใช้ทุกวิธีภายใต้อำนาจของตนเพื่อล้มล้างนักปฏิรูปศาสนาคนนี้ ด้วยวาทศิลป์และวิธีทางการทูตที่เป็นคุณสมบัติโดดเด่นของเขา เขานำเสนอจักรพรรดิผู้ทรงเยาว์วัยให้เห็นถึงความเขลาและอันตรายของการสละมิตรภาพและการสนับสนุนของราชสำนักที่เรืองอำนาจของโรมเพื่อแลกกับอุดมการณ์ของนักบวชที่ไม่สำคัญคนหนึ่ง {GC 162.2}GCth17 133.2

    คำพูดของเขานั้นไม่ได้ปราศจากผลเสียเลยทีเดียว ในวันต่อมาหลังจากคำตอบของลูเธอร์ จักรพรรดิชาร์ลส์ทรงส่งสาส์นมาเพื่อให้นำเสนอต่อที่ประชุมรัฐสภา ประกาศเจตนารมณ์ของพระองค์ที่จะดำเนินตามนโยบายของผู้นำคนก่อนหน้านี้ในการรักษาและปกป้องศาสนาคาทอลิก เนื่องจากลูเธอร์ปฏิเสธที่จะละทิ้งความผิดของตน จึงจำเป็นต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกับเขาและคำสอนนอกรีตที่เขาสอน “พระนักบวชเพียงองค์เดียวที่หลงผิดไปด้วยความโง่เขลาของตนเองได้ลุกขึ้นต่อต้านความเชื่อของอาณาจักรคริสเตียน เพื่อหยุดยั้งความไม่เคารพยำเกรง เราจะสละซึ่งราชอาณาจักรของเรา ทรัพย์สมบัติของเรา มิตรสหายของเรา กายของเรา เลือดของเรา จิตวิญญาณของเราและชีวิตของเรา เรากำลังจะขับไล่ออกัสติน ลูเธอร์ออกไปให้พ้น ห้ามเขามาก่อกวนแม้เพียงเล็กน้อยที่สุดท่ามกลางประชาชน แล้วเราจะดำเนินต่อไปเพื่อบัพพาชนียกรรมเขาและพวกผู้ติดตามของเขาในฐานะคนนอกรีตดื้อรั้น ด้วยการสั่งให้เป็นบุคคลต้องห้ามและด้วยการใช้ทุกวิธีการที่จะทำลายพวกเขา เราเรียกร้องให้สมาชิกของทุกรัฐทำตัวให้เป็นคริสเตียนที่ซื่อสัตย์” Ibid. เล่มที่ 7 บทที่ 9 อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิทรงประกาศว่าต้องเคารพต่อหนังสือคุ้มครองที่ออกให้กับลูเธอร์และก่อนที่จะสานต่อเรื่องใดเพื่อกำจัดเขา ต้องปล่อยให้เขากลับไปยังบ้านด้วยความปลอดภัยเสียก่อน {GC 162.3}GCth17 133.3

    บัดนี้ ท่ามกลางสมาชิกสภามีความเห็นที่ขัดแย้งกันอยู่สองฝ่าย ทูตและตัวแทนของพระสันตะปาปาเรียกร้องให้ไม่ต้องไปคำนึงถึงหนังสือรับรองความปลอดภัยของนักปฏิรูปศาสนา พวกเขาพูดว่า “แม่น้ำไรน์จะต้องรับเถ้าถ่านของเขาเหมือนที่รับเถ้าถ่านของยอห์น ฮัสเมื่อศตวรรษที่แล้ว” Ibid. เล่มที่ 7 บทที่ 9 แต่เจ้าชายทั้งหลายของประเทศเยอรมนีแม้พวกเขาเองจะเป็นผู้นิยมระบอบเปปาซีและปฏิญาณตนเป็นศัตรูของลูเธอร์ก็ยังคัดค้านการฝ่าฝืนความวางใจระดับสาธารณชนว่าเป็นรอยด่างแห่งศักดิ์ศรีของประเทศชาติ พวกเขาชี้ถึงหายนะที่เกิดขึ้นหลังจากที่ฮัสตายและประกาศว่าพวกเขาไม่กล้าที่จะทำให้ความชั่วอันน่าสยดสยองเหล่านั้นเกิดขึ้นซ้ำอีกกับประเทศเยอรมนีและกับจักรพรรดิเยาว์วัยของประเทศ {GC 163.1}GCth17 133.4

    จักรพรรดิชาร์ลส์พระองค์เองทรงให้คำตอบกับข้อเสนอเลวทรามนี้ว่า “แม้ว่าเกียรติยศและความเชื่อจะถูกลบเลือนออกไปจากโลก สิ่งเหล่านี้ก็ยังควรจะมีอยู่ในจิตใจของเจ้าชายผู้ครองแคว้นทั้งหลาย” Ibid. เล่มที่ 7 บทที่ 9 ศัตรูตัวยงสมุนระบอบเปปาซีของลูเธอร์ยังคงเรียกร้องให้จักรพรรดิปฏิบัติต่อนักปฏิรูปเหมือนที่จักรพรรดิซีจิสมันด์กระทำกับฮัสคือปล่อยให้เขาไปอยู่ในความเมตตาของคริสตจักร แต่เมื่อพระองค์ทรงหวนคิดถึงภาพเหตุการณ์เมื่อฮัสอยู่ในที่ชุมชนสาธารณะชี้ให้ดูโซ่ตรวนของเขาและเตือนให้จักรพรรดิรำลึกถึงความเชื่อถือในคำมั่นสัญญาของพระองค์ จักรพรรดิชาร์ลส์ที่ 5 จึงทรงประกาศว่า “เราไม่ต้องการเสียหน้าเหมือนซีจิสมันด์” Lenfant เล่มที่ 1 หน้า 422 {GC 163.2}GCth17 133.5

    อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิชาร์ลส์ทรงจงใจไม่ยอมรับสัจธรรมที่ลูเธอร์เสนอ พระองค์ทรงบันทึกไว้ว่า “เราตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะทำตามแบบอย่างของบรรพบุรุษ” D’Aubigné เล่มที่ 7 บทที่ 9 พระองค์ทรงตัดสินใจแล้วที่จะไม่ก้าวออกจากเส้นทางของธรรมเนียม แม้เพื่อเดินไปบนทางแห่งสัจธรรมและความชอบธรรมก็ตาม ด้วยเหตุที่บรรพบุรุษของพระองค์ทรงทำเช่นนั้น พระองค์ก็จะทรงเชิดชูระบอบเปปาซีพร้อมกับความโหดร้ายและความเสื่อมทรามทั้งหมดของมันด้วย ด้วยประการฉะนี้ พระองค์จึงทรงยึดจุดยืนของพระองค์ คือ ทรงปฏิเสธที่จะรับความกระจ่างใดๆ ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าบรรพบุรุษของพระองค์ทรงเคยรับไว้ หรือทรงปฏิเสธที่จะปฏิบัติหน้าที่ใดๆ ที่บรรพบุรุษไม่เคยปฏิบัติ {GC 163.3}GCth17 133.6

    ในปัจจุบัน มีผู้คนมากมายที่ยังคงยึดติดอยู่กับธรรมเนียมและประเพณีของบรรพบุรุษเช่นนั้น เมื่อพระเจ้าประทานความกระจ่างที่เพิ่มขึ้น พวกเขากลับปฏิเสธที่จะรับ เพราะไม่ได้ประทานแก่บรรพบุรุษของพวกเขา พวกเขาจึงไม่ยอมรับด้วย เราไม่ได้อยู่ในสถานะที่บรรพบุรุษของเราอยู่ ผลที่ตามมาคือหน้าที่และความรับผิดชอบของเราก็จะไม่เหมือนของพวกเขา เราจะไม่เป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้าเมื่อเราดูแบบอย่างของบรรพบุรุษเพื่อใช้เป็นเครื่องกำหนดหน้าที่ของเราแทนที่จะค้นหาพระวจนะของพระเจ้าเพื่อตัวของเราเอง ความรับผิดชอบของเรานั้นสำคัญกว่าความรับผิดชอบของบรรพบุรุษของเรา เราต้องรับผิดชอบต่อความกระจ่างที่พวกเขาได้รับและตกทอดมาสู่เรา และเรายังต้องรับผิดชอบต่อความกระจ่างเพิ่มเติมซึ่งบัดนี้กำลังส่องมายังพวกเราจากพระวจนะของพระเจ้า {GC 164.1}GCth17 134.1

    พระคริสต์ตรัสถึงชาวยิวที่ไม่เชื่อว่า “ถ้าเราไม่ได้มาสั่งสอนพวกเขา เขาก็คงจะไม่มีบาป แต่เดี๋ยวนี้พวกเขาไม่มีข้อแก้ตัวในเรื่องบาปของเขา” ยอห์น 15:22 อำนาจของพระเจ้าแบบเดียวกันตรัสผ่านลูเธอร์ไปถึงจักรพรรดิและเจ้าผู้ครองแคว้นทั้งหลายของประเทศเยอรมนี ขณะที่ความกระจ่างส่องออกจากพระวจนะของพระเจ้า พระวิญญาณของพระองค์ทรงขอร้องเป็นครั้งสุดท้ายกับผู้ร่วมประชุมหลายท่าน ดั่งเช่นปีลาตเมื่อหลายศตวรรษก่อนหน้านี้ยอมให้ความหยิ่งจองหองและความต้องการเป็นที่นิยมของประชาชนปิดหัวใจของเขาจากพระผู้ไถ่ของโลก ดังเช่นเฟลิกส์ที่กลัวจนตัวสั่นบัญชาผู้นำสาส์นแห่งสัจธรรมว่า “วันนี้เจ้าไปได้แล้ว ถ้ามีโอกาสข้าจะเรียกเจ้ามาอีก” ดั่งเช่นกษัตริย์อากริปปาผู้หยิ่งยโสสารภาพว่า “เจ้าจะชวนเราเป็นคริสเตียนในช่วงเวลาเพียงสั้นๆ หรือ” กิจการ 24:25; 26:28 ถึงอย่างนั้น จักรพรรดิชาร์ลส์ที่ 5 ทรงหันหนีจากข่าวสารที่สวรรค์ประทานมาให้ยอมแพ้ต่อคำบัญชาของความทะนงและนโยบายทางโลก ทรงตัดสินใจไม่ยอมรับความกระจ่างแห่งสัจธรรม {GC 164.2}GCth17 134.2

    ข่าวลือเรื่องแผนจัดการลูเธอร์แพร่กระจายไปอย่างกว้างขวางทำให้เกิดความตื่นเต้นครั้งใหญ่ทั่วทั้งเมือง นักปฏิรูปศาสนามีมิตรสหายมากมาย ซึ่งรู้ดีถึงความโหดเหี้ยมน่ากลัวของโรมที่มีต่อผู้คนทั้งหลายที่เปิดโปงความชั่วของเธอ พวกเขาลงความเห็นว่าจะไม่ยอมให้เขาถูกนำไปพลีชีพ ขุนนางนับร้อยร่วมกันปฏิญาณตนที่จะปกป้องเขา มีคนไม่น้อยประณามอย่างเปิดเผยว่าข่าวของสำนักราชวังแสดงถึงการยอมจำนนอย่างอ่อนๆ ต่ออำนาจของโรม ที่ประตูรั้วบ้านต่างๆ และในสถานที่สาธารณะหลายแห่งติดแผ่นป้าย บ้างก็ประณามและบ้างก็สนับสนุนลูเธอร์ มีอยู่ป้ายหนึ่งที่คัดแต่ข้อพระคัมภีร์สำคัญในพระธรรมปัญญาจารย์ว่า “โอ แผ่นดินเอ๋ย วิบัติแก่เจ้าเมื่อกษัตริย์ของเจ้าเป็นเพียงคนรับใช้” ปัญญาจารย์ 10:16 ศรัทธาที่ชื่นชมลูเธอร์ทั่วทั้งเยอรมนีทำให้ทั้งจักรพรรดิและที่ประชุมรัฐสภาเชื่อว่าความอยุติธรรมใดที่กระทำต่อเขาจะทำลายสันติสุขของจักรวรรดิและแม้กระทั่งต่อความมั่นคงของราชบัลลังก์ {GC 164.3}GCth17 134.3

    อิเล็กเตอร์เฟรเดอริคแห่งแคว้นแซกโซนีทรงสงวนท่าทีด้วยความรอบคอบ พระองค์ทรงปกปิดความรู้สึกแท้จริงที่มีต่อนักปฏิรูปศาสนา ในขณะเดียวกันทรงคอยปกป้องเขาอย่างระมัดระวัง ทรงดูการเคลื่อนไหวทั้งหมดของเขาและของศัตรูทั้งหมดของเขาด้วย แต่มีคนมากมายที่ไม่พยายามปกปิดความเห็นใจต่อลูเธอร์ มีเจ้าผู้ครองแคว้น ขุนนาง บารอนและบุคคลที่โดดเด่นอื่นๆ ทั้งฆารวาสและนักบวชทยอยมาเยี่ยมเขา สปาลาทินเขียนบันทึกไว้ว่า “ห้องเล็กๆ ของดุษฎีบัณฑิตไม่พอรับแขกที่เข้ามาหาเขา” Martyn เล่มที่ 1 หน้าที่ 404 ประชาชนมองเขาราวกับเป็นคนที่เหนือมนุษย์ แม้คนที่ไม่มีความเชื่อในคำสอนของเขายังอดที่จะชื่นชอบไม่ได้กับจริยธรรมอันสูงส่งที่นำเขาให้กล้าเผชิญกับความตายแทนการละเมิดจิตสำนึกของตนเอง {GC 165.1}GCth17 134.4

    มีความพยายามอย่างเอาจริงเอาจังที่จะให้ลูเธอร์เห็นชอบกับการประนีประนอมกับโรม ขุนนางและเจ้าผู้ครองแคว้นมากมายแนะเขาว่า หากเขายังคงยืนกรานยึดมั่นอยู่กับการตัดสินใจของตนเองต่อต้านคำบัญชาของคริสตจักรและของสภาต่างๆ ในไม่ช้าเขาคงจะถูกเนรเทศออกไปจากราชอาณาจักร แล้วก็จะไม่ได้รับการปกป้อง ลูเธอร์ตอบข้อเรียกร้องนี้ว่า “ข่าวประเสริฐของพระคริสต์ไม่อาจประกาศออกไปโดยปราศจากการต่อต้าน.......แล้วทำไมจึงต้องให้ความหวาดกลัวหรือความหวาดหวั่นเรื่องภัยอันตรายแยกเราออกจากพระเจ้าและจากพระวจนะของพระองค์ซึ่งเป็นสัจธรรมเพียงอย่างเดียว ไม่ ข้าพเจ้าเลือกสละร่างกาย เสียเลือดและพลีชีพดีกว่า” D’Aubigné เล่มที่ 7 บทที่ 10 {GC 165.2}GCth17 134.5

    อีกครั้งหนึ่งเขาถูกรบเร้าให้ยอมจำนนต่อคำตัดสินของจักรพรรดิ แล้วเขาจะไม่ต้องกลัวสิ่งอื่นใดเลย เขาตอบว่า “ด้วยสุดหัวใจของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ายอมให้จักรพรรดิ เจ้าผู้ครองแคว้นทั้งหลายและแม้คริสเตียนที่ดุร้ายที่สุดตรวจสอบและพิพากษาผลงานของข้าพเจ้าแต่ด้วยเงื่อนไขเพียงข้อเดียวคือ พวกเขาต้องยึดพระวจนะของพระเจ้าเป็นมาตรฐาน มนุษย์ไม่มีสิ่งอื่นใดต้องทำนอกจากเชื่อปฏิบัติตามพระวจนะ จงอย่าเสนอความรุนแรงมาสู่จิตสำนึกของข้าพเจ้าซึ่งผูกติดและล่ามโซ่ไว้กับพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว” Ibid. เล่มที่ 7 บทที่ 10 {GC 166.1}GCth17 135.1

    เขากล่าวกับข้อเรียกร้องอีกข้อหนึ่งว่า “ข้าพเจ้ายินดีที่จะสละการคุ้มครองความปลอดภัย ข้าพเจ้ามอบกายของข้าพเจ้าเองและชีวิตไว้ในพระหัตถ์ขององค์จักรพรรดิ แต่พระวจนะของพระเจ้านั้น--ไม่มีทาง” Ibid. เล่มที่ 7 บทที่ 10 เขากล่าวว่าเขาเต็มใจที่จะยอมตามคำตัดสินของที่ประชุมใหญ่แต่ด้วยเงื่อนไขเพียงข้อเดียวคือที่ประชุมต้องตัดสินตามพระคัมภีร์ เขาเสริมว่า “ในเรื่องที่เกี่ยวกับพระวจนะของพระเจ้าและความเชื่อ คริสเตียนทุกคนเป็นผู้ตัดสินได้ดีเท่ากับพระสันตะปาปา แม้ว่าจะมีที่ประชุมนับล้านอาจเห็นพ้องสนับสนุนก็ตาม” Martyn เล่มที่ 1 หน้าที่ 410 ในที่สุดทั้งมิตรสหายและศัตรูก็เชื่อว่าความพยายามที่จะให้ปรองดองกันคงไม่เกิดผล {GC 166.2}GCth17 135.2

    หากนักปฏิรูปศาสนายอมอ่อนข้อเพียงจุดเดียว ซาตานและสมุนของมันก็จะได้รับชัยชนะ แต่ความแน่วแน่อย่างไม่สั่นคลอนเป็นวิถีทางของการปลดปล่อยคริสตจักรและเริ่มยุคที่ใหม่และดีกว่าขึ้นมา อิทธิพลของชายหนุ่มหนึ่งคนนี้ ผู้กล้าคิดและทำตามความคิดของตนเองในเรื่องของศาสนาส่งผลต่อคริสตจักรและโลก ไม่ใช่เพียงแต่ในยุคของเขาเท่านั้นแต่ในทุกยุคของภายภาคหน้า ความแน่วแน่และความสัตย์ซื่อจะเสริมกำลังให้คนทั้งปวงจนถึงวันสิ้นยุคซึ่งต้องผ่านประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกัน อำนาจและความยิ่งใหญ่ของพระเจ้ายืนตะหง่านเหนือเล่ห์เหลี่ยมของมนุษย์และเหนืออำนาจยิ่งใหญ่ของซาตาน {GC 166.3}GCth17 135.3

    ไม่นานต่อมาเจ้าหน้าที่ของจักรพรรดิมาสั่งให้ลูเธอร์กลับบ้านและเขารู้ดีว่าคำตัดสินลงโทษเขาจะตามติดคำสั่งนี้อย่างรวดเร็ว เส้นทางของเขาปกคลุมด้วยเมฆหมอกดำทะมึน แต่ในขณะที่เขาเดินทางออกจากเมืองวอร์มส์ ใจของเขากลับเต็มล้นด้วยความสุขและการสรรเสริญ เขาพูดว่า “มารเองก็ยังยืนปกป้องอยู่ที่ป้อมปราการของพระสันตะปาปาแต่พระคริสต์ทรงกระทำให้เกิดช่องว่างกว้างขวางขึ้นในที่แห่งนั้นและซาตานถูกบังคับให้สารภาพว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่กว่ามัน” D’Aubigné เล่มที่ 7 บทที่ 11 {GC 166.4}GCth17 135.4

    หลังจากออกเดินทางไปแล้ว ด้วยความปรารถนาให้คนทั้งหลายไม่เข้าใจผิดว่าความแน่วแน่ของเขานั้นเป็นการกบฏ ลูเธอร์จึงเขียนจดหมายไปถึงจักรพรรดิว่า “พระเจ้าผู้ทรงหยั่งรู้หัวใจทรงเป็นพยานของข้าพเจ้า ว่าข้าพเจ้าเตรียมพร้อมอย่างจริงใจที่สุดที่จะเชื่อฟังพระจักรพรรดิ ทั้งด้วยเกียรติยศและปราศจากเกียรติยศ ด้วยชีวิตและด้วยความตาย และไม่มีข้อยกเว้นนอกจากพระวจนะของพระเจ้าที่มนุษย์ใช้ดำรงชีวิต ในทุกกิจกรรมของชีวิตในปัจจุบันนี้ ความภักดีของข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหว เพราะในเรื่องนี้การที่จะสูญเสียหรือได้กำไรนั้นไม่มีผลต่อความรอด แต่เมื่อเกี่ยวกับผลประโยชน์นิรันดร์กาลแล้ว พระเจ้าทรงประสงค์ให้มนุษย์ไม่ควรยอมจำนนต่อมนุษย์ด้วยกัน เพราะการยอมจำนนในเรื่องฝ่ายจิตวิญญาณเช่นนี้คือการนมัสการที่แท้จริง และควรจะต้องถวายแด่พระผู้สร้างเท่านั้น” Ibid. เล่มที่ 7 บทที่ 11 {GC 167.1}GCth17 136.1

    ในการเดินทางออกจากเมืองวอร์มส์ลูเธอร์ได้รับการต้อนรับอย่างภาคภูมิใจมากกว่าขณะที่เดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองวอร์มส์ก่อนหน้านั้น คณะสงฆ์อันทรงเกียรติต้อนรับนักบวชที่ถูกบัพพาชนียกรรมแล้วผู้นี้ ผู้ปกครองฝ่ายพลเรือนให้เกียรติกับชายที่จักรพรรดิทรงประณาม เขาได้รับการร้องขอให้เทศนาทั้งๆ ที่มีคำสั่งห้ามจากสำนักพระราชวัง อีกครั้งหนึ่งเขาก้าวขึ้นสู่ธรรมาสน์ และพูดว่า “ข้าพเจ้าไม่เคยปฏิญาณที่จะเอาโซ่มาล่ามพระวจนะของพระเจ้าไว้และจะไม่มีทางทำเช่นนั้นด้วย” Martyn เล่มที่ 1 หน้าที่ 420 {GC 167.2}GCth17 136.2

    เมื่อเขาไปจากเมืองวอร์มส์ได้ไม่นาน เหล่าผู้นิยมระบอบเปปาซีเกลี้ยกล่อมจักรพรรดิให้ทรงประกาศกฤษฎีกาต่อต้านเขา ในคำสั่งนี้ลูเธอร์ถูกประณามว่า “เป็นซาตานที่มาในร่างของมนุษย์และแต่งตัวด้วยชุดของนักบวช” D’Aubigné เล่มที่ 7 บทที่ 11 มีคำสั่งประกาศว่าในทันทีที่หนังสือคุ้มครองความปลอดภัยหมดอายุ จะต้องจัดการทุกทางที่จะยับยั้งงานของเขา ห้ามทุกคนให้ที่พำนักแก่เขา ให้อาหารหรือน้ำดื่มแก่เขาหรือโดยทางคำพูดหรือการกระทำในที่สาธารณะหรือในที่ส่วนตัวที่จะช่วยหรือยุยงส่งเสริมเขา จะต้องจับกุมเขาไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ใดและส่งมอบให้กับผู้มีอำนาจ ผู้ติดตามของเขาจะต้องถูกจับเข้าคุกและทรัพย์สมบัติของพวกเขาจะต้องถูกยึด งานเขียนของเขาต้องถูกทำลายและในที่สุดทุกคนที่กล้าขัดขืนคำสั่งนี้จะถูกรวมอยู่ในการลงโทษนี้ด้วย อิเล็กเตอร์แห่งแซกโซนีและเจ้าผู้ครองแคว้นทั้งหลายที่เป็นมิตรกับลูเธอร์เดินทางออกไปจากเมืองวอร์มส์หลังจากที่เขาเดินทางออกไปไม่นาน และคำสั่งของจักรพรรดิได้ผ่านมติของที่ประชุมรัฐสภา บัดนี้เหล่าผู้นิยมลิทธิโรมันพากันชื่นชมยินดีอย่างเหลือล้น พวกเขาถือว่าจุดจบของนักปฏิรูปศาสนาถูกประทับตราไว้แล้ว {GC 167.3}GCth17 136.3

    พระเจ้าทรงจัดเตรียมหนทางหนีภัยให้ผู้รับใช้ของพระองค์ในช่วงเวลาที่อันตรายนี้ มีสายตาหนึ่งคอยเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของลูเธอร์ และหัวใจที่ซื่อสัตย์และประเสริฐดวงหนึ่งตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลือ เป็นที่ประจักษ์อย่างแน่ชัดว่าไม่มีสิ่งใดจะทำให้โรมพอใจนอกจากความตายของเขา ด้วยการซ่อนตัวเท่านั้นที่จะถนอมเขาไว้ให้พ้นจากเขี้ยวสิงห์ พระเจ้าประทานสติปัญญาให้กับอิเล็กเตอร์เฟรเดอริคแห่งแคว้นแซกโซนีเพื่อวางแผนที่จะรักษานักปฏิรูปศาสนาผู้นี้ไว้ ด้วยความร่วมมือของพระสหายที่ซื่อสัตย์คนหนึ่ง ทำให้จุดประสงค์ของอิเล็กเตอร์ทำได้สำเร็จและลูเธอร์ถูกซ่อนตัวจากมิตรสหายและศัตรูอย่างได้ผล ในขณะที่เดินทางกลับบ้านอยู่นั้น เขาถูกลักพาตัวจากผู้ที่ควบคุมเขาและรีบส่งตัวผ่านป่าไปยังปราสาทวาร์ตบูร์กซึ่งเป็นป้อมปราการอ้างว้างโดดเดี่ยวบนภูเขา ทั้งการลักพาตัวและการซ่อนตัวนั้นทำกันอย่างลึกลับ แม้แต่อิเล็กเตอร์เฟรเดอริคเองก็ไม่รู้อยู่เป็นเวลานานว่าเขาไปที่ใด การไม่รู้ระแคะระคายถึงเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ปราศจากการวางแผน ตราบใดที่อิเล็กเตอร์ไม่ทรงทราบเรื่องของลูเธอร์ พระองค์ก็จะทรงเปิดเผยสิ่งใดไม่ได้ พระองค์เองพอพระทัยกับความปลอดภัยของนักปฏิรูปศาสนาและรู้แค่นี้ก็พอพระทัยแล้ว {GC 168.1}GCth17 137.1

    ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงผ่านไปและฤดูหนาวมาถึงแล้วและลูเธอร์ยังคงเป็นนักโทษอยู่ อาเลียนเดอร์และพวกของเขายินดีหรรษาอย่างยิ่งที่ดูประหนึ่งว่าแสงสว่างของข่าวประเสริฐกำลังจะดับลง แต่แทนที่จะเป็นเช่นนี้ นักปฏิรูปศาสนากำลังเติมน้ำมันใส่ตะเกียงของเขาจากคลังแห่งความจริงและแสงสว่างจะส่องออกมาด้วยลำแสงที่แจ่มจำรัสมากขึ้น {GC 168.2}GCth17 137.2

    ในความคุ้มครองอย่างเป็นมิตรของปราสาทวาร์ตบูร์ก ลูเธอร์อยู่อย่างมีความสุขชั่วขณะหนึ่งที่ได้หลุดพ้นจากความร้อนและความโกลาหลของการต่อสู้ แต่เขาไม่อาจพบความพึงพอใจในความสงบและการพักผ่อนได้นานนัก ชีวิตของเขานั้นคุ้นเคยกับการทำงานและความขัดแย้งที่เกรี้ยวกราด เขาทนอยู่กับการไม่ทำงานไม่ได้ ในวันเวลาที่โดดเดี่ยวนั้น สภาพของคริสตจักรปรากฏขึ้นอยู่ต่อหน้าเขาและเขาร้องขึ้นด้วยความสิ้นหวัง “อนิจจา ไม่มีผู้ใดในยุคสุดท้ายของพระพิโรธของพระเจ้าที่จะยืนขึ้นดั่งกำแพงอยู่เบื้องพระพักตร์พระเจ้าและช่วยอิสราเอลให้รอด” Ibid. เล่มที่ 9 บทที่ 2 อีกครั้งหนึ่งความคิดของเขาวกกลับมาหาเขาเองและเขาวิตกว่าจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนขี้ขลาดที่ถอยหนีออกจากการต่อสู้ แล้วเขาก็ตำหนิตัวเองที่เกียจคร้านและเอาแต่ใจตนเอง แต่กระนั้นในเวลาเดียวกันในทุกวันเขากลับบรรลุผลงานได้มากกว่าที่ชายคนหนึ่งจะทำได้ ปากกาของเขาไม่เคยอยู่นิ่ง ในขณะที่ศัตรูของเขายกยอตนเองว่าเขาหายเงียบไปแล้ว พวกเขาแปลกใจและมึนงงกับหลักฐานที่มีตัวตนซึ่งแสดงว่าเขายังทำงานอย่างขันแข็งอยู่ ใบปลิวเป็นตั้งๆ ที่ออกมาจากปากกาของเขากระจายไปทั่วประเทศเยอรมนี เขายังได้รับใช้งานสำคัญที่สุดเพื่อเพื่อนร่วมชาติของเขาด้วยการแปลพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่เป็นภาษาเยอรมัน จากเกาะหินปัทมอสของเขา เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีเต็มที่เขาได้ประกาศข่าวประเสริฐและตำหนิบาปและความผิดในยุคของเขา {GC 168.3}GCth17 137.3

    แต่พระเจ้าทรงถนอมผู้รับใช้ของพระองค์ให้ออกจากเวทีของชีวิตสาธารณะไม่ใช่เพียงเพื่อถนอมรักษาชีวิตของลูเธอร์จากความอาฆาตของศัตรูหรือเพื่อเอื้อให้เขามีเวลาเงียบสำหรับทำงานสำคัญเท่านั้น เขาได้ผลลัพธ์ที่ล้ำค่ามากกว่านี้ ในที่พักบนภูเขาที่โดดเดี่ยวและห่างไกลลิบลับของเขานั้น ลูเธอร์ถูกกันออกจากการสนับสนุนทางโลกและปิดตนเองจากคำสรรเสริญเยินยอของมนุษย์ เขาจึงหลุดพ้นจากความหยิ่งทะนงและความมั่นใจในตนเองซึ่งบ่อยครั้งมีต้นเหตุมาจากความสำเร็จ โดยการทนทุกข์และการได้รับความอดสู เขากำลังถูกเตรียมตัวให้พร้อมอีกครั้งเพื่อจะเดินอย่างปลอดภัยบนเส้นทางสูงอันน่าเวียนหัวซึ่งเขาถูกยกย่องและเชิดชูขึ้นไปอย่างกะทันหัน {GC 169.1}GCth17 138.1

    ในขณะที่มนุษย์ชื่นชมยินดีกับเสรีภาพที่สัจธรรมนำมานั้น พวกเขามีความโน้มเอียงที่จะเชิดชูผู้ที่พระเจ้าทรงใช้มาเพื่อตัดโซ่แห่งความผิดและความงมงาย ซาตานคอยหาทางที่จะหันแนวคิดและความรักของมนุษย์ให้ออกห่างไปจากพระเจ้าและให้ยึดติดกับสื่อตัวแทนที่เป็นมนุษย์ มันนำพวกเขาให้ไปยกย่องเครื่องมือธรรมดาและให้ละเลยพระหัตถ์ที่ทรงนำพาเหตุการณ์ทั้งหมดของการทรงนำ บ่อยครั้งผู้นำศาสนาที่ได้รับการสรรเสริญเยินยอและเคารพเช่นนี้จะสูญเสียความรู้สึกที่ต้องพึ่งพระเจ้าและถูกชักนำให้เชื่อในตัวเขาเอง ผลที่ตามมาคือเขาจะพยายามควบคุมความคิดและจิตสำนึกของประชาชน ผู้ซึ่งมีใจโอนเอียงที่จะหวังคอยให้เขานำแทนที่จะพึ่งพระวจนะของพระเจ้า บ่อยครั้งที่งานของการปฏิรูปล่าช้าเพราะบรรดาผู้สนับสนุนหมกมุ่นอยู่กับความรู้สึกเช่นนี้ พระเจ้าทรงประสงค์ที่จะปกป้องอุดมการณ์ของการปฏิรูปให้ออกไปจากภัยอันตรายนี้ พระองค์ทรงประสงค์ให้พระราชกิจของพระเจ้ารับรอยประทับที่ไม่ใช่เป็นของมนุษย์แต่เป็นของพระเจ้า สายตาของมนุษย์หันไปหาลูเธอร์เพราะว่าเป็นผู้อธิบายสัจธรรม เขาถูกนำออกไปเพื่อว่าสายตาทั้งปวงของมนุษย์จะหันไปมองผู้ทรงเป็นแหล่งกำเนิดแห่งสัจธรรม {GC 169.2}GCth17 138.2

    *****