Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents
สงครามครั้งยิ่งใหญ่ - Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First

    บท 41 - โลกร้างอ้างว้าง

    “เพราะว่าบาปของนครนั้นกองสูงขึ้นถึงสวรรค์แล้ว และพระเจ้าทรงจำการอธรรมของนครนั้นแล้ว…..ในถ้วยที่นครนั้นได้ผสมไว้ ก็จงผสมลงไปเป็นสองเท่า นครนั้นให้เกียรติตัวเองและอยู่อย่างฟุ่มเฟือยมากเพียงไร ก็จงมอบความทรมานและความโศกเศร้าแก่นครนั้นมากเพียงนั้น เพราะนครนั้นรำพึงในใจว่า ‘เรานั่งอยู่ในตำแหน่งราชินี เราไม่ใช่หญิงม่าย และเราจะไม่ประสบความโศกเศร้าเลย’ เพราะเหตุนี้ภัยพิบัติต่างๆ จะมาถึงนครนั้นภายในวันเดียว คือโรคระบาด ความโศกเศร้าและการกันดารอาหาร และไฟจะเผานครนั้น เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าคือพระเจ้าผู้ทรงพิพากษานครนั้นทรงฤทธิ์ บรรดากษัตริย์แห่งแผ่นดินโลกที่ล่วงประเวณีกับนครนั้นและอยู่ด้วยกันอย่างฟุ่มเฟือย เมื่อเห็นควันไฟที่ไหม้นครนั้นก็จะร้องไห้และทุกข์โศก…..และจะกล่าวว่า ‘วิบัติแล้ว วิบัติแล้ว นครที่ยิ่งใหญ่ นครบาบิโลนที่แข็งแกร่ง เพราะการพิพากษามาถึงเจ้าแล้วภายในชั่วโมงเดียวเท่านั้น’” วิวรณ์ 18:5-10 {GC 653.1} GCth17 564.1

    “ พวกพ่อค้าบนแผ่นดินโลก” ที่ “มั่งมีขึ้นจากความฟุ่มเฟือยอย่างยิ่งของนครนั้น” “จะยืนอยู่ห่างๆ เพราะกลัวภัยจากการทรมานนคร พวกเขาจะร้องไห้และโศกเศร้า....วิบัติแล้ว วิบัติแล้ว นครที่ยิ่งใหญ่ นครที่สวมใส่ผ้าป่านเนื้อละเอียด ผ้าสีม่วงและผ้าสีแดงเข้ม นครที่ประดับด้วยทองคำ อัญมณีและไข่มุก เพราะภายในชั่วโมงเดียว ทรัพย์สมบัติที่มากมายเช่นนี้ก็ยังสูญไปสิ้น” วิวรณ์ 18:11, 3, 15-17 {GC 653.2}GCth17 564.2

    การพิพากษาเช่นนี้จะลงมายังนครบาบิโลนในวันที่พระพิโรธของพระเจ้ามาเยือน บาบิโลนเติมความไร้ศีลธรรมของเธอจนเต็มล้น เธอสุกงอมพร้อมที่จะถูกทำลายแล้ว {GC 653.3}GCth17 564.3

    ในขณะที่พระสุรเสียงของพระเจ้าปลดปล่อยประชากรของพระองค์นั้น มีความตื่นตระหนกด้วยความกลัวเกิดขึ้นในกลุ่มคนที่สูญเสียทุกสิ่งไปในการต่อสู้ยิ่งใหญ่ของชีวิต ในช่วงเวลาที่ประตูแห่งพระกรุณาธิคุณยังคงเปิดอยู่นั้น คนเหล่านี้ถูกซาตานมอมเมาด้วยการล่อลวงต่างๆ ของมัน และพวกเขาหาข้อแก้ตัวให้กับวิถีแห่งบาปของตน คนร่ำรวยภูมิใจว่าตนเหนือกว่าคนที่ได้รับความชื่นชอบน้อยกว่า แต่พวกเขาได้ทรัพย์สมบัติมาด้วยการละเมิดธรรมบัญญัติของพระเจ้า พวกเขาละเลยการเลี้ยงดูผู้หิวโหย ละเลยที่จะสวมเสื้อผ้าให้กับคนเปลือยกาย ละเลยที่จะกระทำการยุติธรรม และละเลยการให้ความรักด้วยความเมตตา พวกเขาต้องการยกชูตนเองขึ้นและให้เพื่อนมนุษย์ที่พระเจ้าทรงสร้างยกย่องพวกเขา บัดนี้ ทุกสิ่งที่ทำให้พวกเขายิ่งใหญ่ถูกปลดทิ้งไปหมดและพวกเขาถูกปล่อยให้สิ้นเนื้อประดาตัวและไร้สิ่งปกป้อง พวกเขาหวาดกลัวเมื่อต้องมองดูสิ่งต่างๆ ที่พวกเขาเทิดทูนถูกทำลายทิ้งไปต่อเบื้องพระพักตร์พระผู้สร้างของพวกเขา พวกเขาขายตัวเองให้กับทรัพย์สมบัติและความสนุกสนานทางฝ่ายโลก และไม่ได้แสวงหาความมั่งมีจำเพาะพระเจ้า ผลที่ได้คือ ชีวิตของพวกเขาล้มเหลว บัดนี้ความสำราญของพวกเขาเปลี่ยนไปเป็นความขมขื่น ทรัพย์สมบัติของพวกเขาเปื่อยเน่าไป ทรัพย์สมบัติที่พวกเขาหามาตลอดชีวิตถูกกวาดไปหมดในชั่วพริบตาเดียว คนรวยร่ำไห้เป็นทุกข์ถึงคฤหาสน์ที่ถูกทำลายไป ทองคำและเงินของเขาก็กระจัดกระจายไป แต่ความโศกเศร้าของพวกเขาก็ถูกระงับเพราะกลัวว่าตัวเขาเองจะต้องพินาศไปพร้อมกับสิ่งของที่เขาเทิดทูนด้วย {GC 654.1}GCth17 565.1

    การที่คนชั่วทั้งหลายเต็มไปด้วยความเสียใจนั้นไม่ใช่เป็นเพราะบาปของพวกเขาที่ได้ละเลยพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ แต่เป็นเพราะพระเจ้าทรงได้รับชัยชนะ พวกเขาร่ำไห้กับผลที่เกิดขึ้น แต่ไม่ได้กลับใจจากความชั่ว หากทำได้ พวกเขาจะพยายามเอาชัยชนะกลับคืนมา {GC 654.2}GCth17 565.2

    โลกมองเห็นกลุ่มคนที่พวกเขาเยาะเย้ยและเหยียดหยามและต้องการกำจัดทิ้งไปให้หมด เป็นคนที่ผ่านโรคระบาด พายุ และแผ่นดินไหวโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ พระองค์ทรงเป็นดั่งไฟที่เผาผลาญสำหรับผู้ที่ล่วงละเมิดธรรมบัญญัติของพระองค์แต่ทรงเป็นป้อมปราการอันปลอดภัยสำหรับประชากรของพระองค์ {GC 654.3}GCth17 565.3

    ศาสนาจารย์ผู้ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาที่ยอมสละทิ้งสัจธรรมเพื่อจะรับความนิยมชมชอบจากมนุษย์นั้น บัดนี้เขามองเห็นสภาพและอิทธิพลของคำสอนของเขา เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าพระเนตรขององค์สัพพัญญูติดตามเขาไปในขณะที่เขายืนอยู่ที่โต๊ะ ในขณะที่เขาเดินอยู่ตามถนน และในขณะที่เขาปะปนอยู่กับมนุษย์ในเหตุการณ์ต่างๆ ของชีวิต ทุกอารมณ์ของจิตใจ ทุกประโยคที่เขียน ทุกคำที่กล่าวออกมา และทุกการกระทำที่ชักนำมนุษย์ให้เข้าพักพิงในป้อมปราการของความเท็จนั้น การกระทำต่างๆ เหล่านี้หว่านเมล็ดออกไป และบัดนี้ เขามองเห็นผลของการเก็บเกี่ยวในบรรดาจิตวิญญาณหลงหาย น่าสมเพชเวทนาที่ยืนอยู่รอบตัวเขา {GC 654.4}GCth17 565.4

    พระเจ้าตรัสว่า “ เขาได้รักษาแผลแห่งประชากรของเราเพียงผิวเผิน กล่าวว่า สวัสดิภาพ สวัสดิภาพเมื่อไม่มีสวัสดิภาพเสียเลย” “เพราะเจ้าทำให้คนชอบธรรมท้อใจด้วยการหลอกลวง ทั้งที่เราไม่ได้ทำให้เขาเศร้าใจเลย และเจ้าได้หนุนใจคนอธรรมไม่ให้หันกลับจากทางอธรรมของเขา ทำให้ไม่อาจรักษาชีวิตของตนไว้” เยเรมีย์ 8:11 เอเสเคียล 13:22 {GC 655.1}GCth17 566.1

    “ วิบัติแก่ผู้เลี้ยงแกะ ผู้ทำลายและกระจายแกะแห่งลานหญ้าของเรา…….นี่แน่ะ เราจะลงโทษเจ้า เพราะการกระทำชั่วของเจ้า” “ท่านผู้เลี้ยงแกะทั้งหลายเอ๋ย จงคร่ำครวญและร้องเถิด ท่านเจ้าของฝูงแกะ จงกลิ้งเกลือกในขี้เถ้า เพราะวันเวลาแห่งการสังหารท่านและวันเวลาที่ท่านต้องกระจัดกระจายมาถึงแล้ว …… ผู้เลี้ยงแกะจะไม่มีทางหนี เจ้าของฝูงแกะไม่มีทางรอด” เยเรมีย์ 23:1, 2; 25:34, 35 {GC 655.2}GCth17 566.2

    อาจารย์ทั้งหลายและประชาชนต่างมองเห็นว่า พวกเขาไม่ได้รักษาสัมพันธภาพที่ถูกต้องกับพระเจ้า พวกเขามองเห็นว่า ตนได้กบฏมาตลอดต่อพระเจ้าผู้ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของธรรมบัญญัติที่ยุติธรรมและชอบธรรม การเพิกเฉยต่อข้อบังคับต่างๆ ของพระเจ้านำมาซึ่งความชั่ว ความไม่ปรองดองกัน ความเกลียดชัง และความอธรรมจำนวนนับพันๆ ที่พรั่งพรูขึ้นมา จนทั่วทั้งโลกกลายเป็นสนามกว้างใหญ่ของการแก่งแย่งชิงดีกันอีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมของความเสื่อมทรามชั่วร้าย สิ่งนี้เป็นภาพมุมมองที่ปรากฏขึ้นในเวลานี้แก่ผู้ที่ปฏิเสธสัจธรรมและเลือกที่จะเก็บถนอมรักษาความผิดไว้ ไม่มีภาษาใดที่จะใช้บรรยายถึงความรู้สึกของผู้ที่ไม่เชื่อฟังและไม่จงรักภักดีซึ่งต้องสูญเสียชีวิตนิรันดร์ไปตลอดกาลได้ ผู้ที่มีความสามารถและมีวาจาคล่องแคล่วซึ่งโลกยกย่องบูชานั้น ถึงเวลานี้พวกเขาจะมองเห็นสิ่งเหล่านี้ด้วยแสงสว่างที่แท้จริง พวกเขาตระหนักแล้วว่า การล่วงละเมิดของพวกเขาทำให้สูญเสียสิ่งใดไป และพวกเขาหมอบลงแทบเท้าของผู้สัตย์ซื่อที่เขาเคยดูแคลนและเย้ยหยัน และสารภาพว่าพระเจ้าทรงรักผู้สัตย์ซื่อเหล่านั้นเสมอมา {GC 655.3}GCth17 566.3

    ประชาชนมองเห็นว่าพวกเขาถูกหลอก พวกเขาต่างโทษซึ่งกันและกันว่าเป็นผู้ที่นำความหายนะมาให้ แต่ทุกคนรวมตัวกันต่อว่าบรรดาอาจารย์ด้วยคำตำหนิที่ขมขื่นที่สุด ศาสนาจารย์ที่ไม่ซื่อสัตย์ทั้งหลายล้วนทำนายแต่เรื่องราวรื่นหู พวกเขานำผู้ฟังให้ไม่ใส่ใจธรรมบัญญัติของพระเจ้า และกดขี่ผู้ที่ถือรักษาธรรมบัญญัติให้บริสุทธิ์ บัดนี้ ผู้สอนเหล่านี้สารภาพด้วยความสิ้นหวังต่อหน้าโลกถึงผลงานหลอกลวงของพวกเขา ฝูงชนโกรธแค้นยิ่งนัก ต่างร้องขึ้นว่า “เราพินาศแล้ว และท่านเป็นต้นเหตุความหายนะของเรา” แล้วฝูงชนหันเข้าใส่ผู้เลี้ยงเทียมเท็จ ฝูงชนที่ครั้งหนึ่งเคยชื่นชมพวกเขาที่สุด กลับกลายเป็นผู้ที่แช่งสาปพวกเขาด้วยคำพูดที่น่ากลัวที่สุด มือที่ครั้งหนึ่งเคยมอบรางวัลเกียรติยศให้แก่พวกเขา จะชูขึ้นมาเพื่อทำลายพวกเขา ดาบที่เคยใช้สังหารประชากรของพระเจ้าบัดนี้ใช้เพื่อทำลายศัตรูของประชากรของพระองค์ ทั่วทุกหนทุกแห่งจะมีแต่การต่อสู้และการนองเลือด {GC 655.4}GCth17 566.4

    “เสียงกัมปนาทจะก้องไปทั่วปลายพิภพ เพราะพระยาห์เวห์ทรงมีคดีกับบรรดาประชาชาติ พระองค์ทรงเข้าพิพากษาเนื้อหนังทั้งสิ้น ส่วนคนอธรรมนั้น พระองค์จะทรงฟันเสียด้วยดาบ” เยเรมีย์ 25: 31 ความขัดแย้งยิ่งใหญ่ดำเนินมาเป็นเวลาหกพันปี พระบุตรของพระเจ้าและผู้สื่อข่าวชาวสวรรค์ต่อสู้กับอำนาจชั่ว เพื่อเตือน เพื่อให้ความกระจ่าง และเพื่อช่วยมนุษย์ทั้งหลายให้รอด บัดนี้ ทุกคนตัดสินใจแล้ว คนชั่วเข้าร่วมกับซาตานอย่างเต็มที่เพื่อทำสงครามต่อสู้พระเจ้า ถึงเวลาแล้วที่พระเจ้าจะทรงยืนยันอำนาจของธรรมบัญญัติของพระองค์ที่ถูกเหยียบย่ำไป บัดนี้การต่อสู้ไม่ได้อยู่ที่ซาตานเท่านั้น แต่มาอยู่ที่มนุษย์ด้วย “พระยาห์เวห์ทรงมีคดีกับบรรดาประชาชาติ ” “คนอธรรมนั้น พระองค์จะทรงฟันเสียด้วยดาบ” {GC 656.1} GCth17 567.1

    ผู้ที่ “ถอนหายใจและคร่ำครวญเนื่องจากสิ่งน่าสะอิดสะเอียนทั้งหมดที่ทำกันในเมืองนั้น” จะได้รับเครื่องหมายของการปลดปล่อย บัดนี้ทูตมรณะก้าวออกมาแล้ว เป็นทูตมรณะที่อยู่ในนิมิตของเอเสเคียล ซึ่งมีสัญลักษณ์เป็นคนที่มีอาวุธสังหาร พวกเขารับคำสั่งว่า “จงฆ่าทำลายทั้งคนแก่ คนหนุ่มและหญิงสาว ทั้งเด็กและพวกผู้หญิง แต่อย่าเข้าใกล้ผู้มีเครื่องหมายและจงเริ่มต้นที่สถานนมัสการของเรา” ผู้เผยพระวจนะกล่าวต่อไปว่า “เขาทั้งหลายจึงตั้งต้นกับพวกชายแก่ผู้อยู่หน้าพระนิเวศนั้น” เอเสเคียล 9:1-6 การทำลายล้างจะเริ่มต้นขึ้นก่อนในท่ามกลางผู้ที่อ้างตนเป็นผู้นำทางด้านจิตวิญญาณของประชาชน คนยามเทียมเท็จจะเป็นกลุ่มแรกที่ถูกฆ่า จะไม่มีผู้ใดสงสารเขาหรือได้รับการยกเว้น ทั้งคนหนุ่ม คนสาว ผู้หญิงและเด็กเล็กต่างต้องพินาศไปพร้อมๆ กัน {GC 656.2}GCth17 567.2

    “เพราะ ดูเถิด พระยาห์เวห์กำลังเสด็จออกมาจากสถานที่ของพระองค์ เพื่อลงโทษชาวแผ่นดินโลก เพราะความบาปผิดของเขาทั้งหลาย และแผ่นดินโลกจะเผยโลหิต ซึ่งหลั่งอยู่บนมัน และจะไม่ปิดบังผู้ถูกฆ่าของมันไว้อีก” อิสยาห์ 26:21 “ต่อไปนี้เป็นภัยพิบัติซึ่งพระยาห์เวห์จะทรงใช้โจมตีบรรดาชนชาติทั้งหลายที่มาทำสงครามกับเยรูซาเล็ม คือ เนื้อของเขาจะเน่าเสียเมื่อเขายังยืนอยู่ได้ ตาของเขาจะเน่าคาเบ้าตา และลิ้นของเขาจะเน่าคาปาก ในวันนั้น ความสับสนอลหม่านอย่างใหญ่โตจากพระยาห์เวห์จะตกลงเหนือพวกเขา แล้วคนหนึ่งจะจับมือเพื่อนของตน และเขาจะยกมือขึ้นต่อสู้กันและกัน” เศคาริยาห์ 14:12, 13 ในการต่อสู้อย่างบ้าคลั่งของตัณหารุนแรงที่สุดของพวกเขาเองและด้วยการหลั่งของพระพิโรธอย่างน่ากลัวของพระเจ้าซึ่งไม่ระคนสิ่งใดนี้ บรรดาคนชั่วที่อาศัยอยู่ในโลกที่มีทั้งพวกปุโรหิต ผู้ปกครองและประชาชน คนร่ำรวยและคนยากจน คนชั้นระดับสูงและคนชั้นระดับต่ำถูกประหาร “และบรรดาผู้ที่พระยาห์เวห์ทรงประหารในวันนั้นจะมีจากปลายโลกข้างนี้ถึงปลายโลกข้างโน้น เขาเหล่านั้นจะไม่มีใครคร่ำครวญให้ หรือรวบรวมหรือฝังไว้ แต่จะเป็นเหมือนมูลสัตว์อยู่บนพื้นดิน” เยเรมีย์ 25:33 {GC 656.3}GCth17 567.3

    ในขณะที่พระคริสต์เสด็จมา บรรดาคนชั่วร้ายจะถูกทำลายให้สูญสิ้นไปจากพื้นผิวของทั่วทั้งโลก โดยถูกเผาผลาญด้วยวิญญาณจากพระโอษฐ์ของพระองค์และถูกทำลายด้วยพระสิริอันเจิดจ้าของพระองค์ พระคริสต์ทรงนำประชากรของพระองค์ไปยังนครของพระเจ้าและโลกก็จะว่างเปล่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอาศัยอยู่ “นี่แน่ะ พระยาห์เวห์จะทรงทำให้โลกร้างเปล่า ทั้งทำให้เป็นที่รกร้าง พระองค์จะทรงบิดพื้นโลกและทำให้ผู้อาศัยของโลกกระจายไป” “โลกจะร้างเปล่าและถูกปล้นอย่างสิ้นเชิงเพราะพระยาห์เวห์ได้ตรัสพระวจนะนี้แล้ว” “โลกเป็นมลทินเนื่องด้วยผู้อาศัยของมัน เพราะเขาทั้งหลายละเมิดธรรมบัญญัติ ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์และหักทำลายพันธสัญญานิรันดร์นั้น เพราะฉะนั้นคำสาปแช่งกลืนกินโลกและผู้อาศัยในนั้นก็แบกรับความผิด เพราะฉะนั้นผู้อาศัยของโลกจึงถูกเผาผลาญและคนเหลืออยู่มีน้อย” อิสยาห์ 24:1, 3, 5, 6 {GC 657.1}GCth17 568.1

    โลกทั้งใบมีลักษณะคล้ายป่ากันดารที่อ้างว้างเปล่าเปลี่ยว ซากปรักหักพังของเมืองและหมู่บ้านที่ถูกทำลายจากแผ่นดินไหว ต้นไม้ถูกถอนรากถอนโคน ก้อนหินขรุขระที่ถูกซัดขึ้นมาจากมหาสมุทรหรือแตกออกจากพื้นโลกต่างกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นผิวโลก ในขณะที่โพรงขนาดยักษ์หลายอันบอกถึงตำแหน่งที่ตั้งเดิมของภูเขาซึ่งถูกฉีกกระชากออกไปจากรากฐานของมัน {GC 657.2}GCth17 568.2

    บัดนี้เหตุการณ์เกิดขึ้นจริงตามที่บอกไว้ล่วงหน้าไว้ในพิธีสำคัญตอนสุดท้ายของวันลบมลทินบาป เมื่อพิธีในอภิสุทธิสถานเสร็จสิ้นลงและบาปของอิสราเอลถูกนำออกไปจากสถานนมัสการโดยอาศัยอำนาจของเลือดที่ได้มาจากเครื่องบูชาลบล้างบาป จากนั้น มีการนำแพะของอาซาเซลที่ยังมีชีวิตมาถวายเฉพาะพระพักตร์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าและต่อหน้าชุมนุมชน ปุโรหิตใหญ่สารภาพ “บาปต่างๆ ของคนอิสราเอล การล่วงละเมิดของพวกเขาทั้งหมดและให้บาปทั้งสิ้นของพวกเขาตกลงบนหัวแพะนั้น” เลวีนิติ 16:21 ในทำนองเดียวกัน เมื่อพระราชกิจของการลบมลทินบาปในสถานนมัสการบนสวรรค์เสร็จสิ้นลงแล้ว หลังจากนั้น ต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้าและต่อหน้าทูตสวรรค์ทั้งปวงและบรรดาคนทั้งหลายที่ถูกไถ่ให้รอด จะมีการนำบาปทั้งหมดของประชากรของพระเจ้าวางลงบนซาตานและประกาศว่ามันต้องรับผิดกับความชั่วที่มันเป็นผู้บงการ และเช่นเดียวกันกับที่แพะของอาซาเซลถูกส่งออกไปยังป่ากันดารซึ่งไม่มีผู้คนอยู่อาศัย ซาตานก็จะถูกขับออกไปอยู่ในโลกที่อ้างว้างเปล่าเปลี่ยว ซึ่งเป็นป่ากันดารแห้งแล้งที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่เช่นกัน {GC 658.1}GCth17 568.3

    ผู้เขียนพระธรรมวิวรณ์บอกไว้ล่วงหน้าถึงการขับไล่ซาตานให้ออกไปยังที่เปล่าเปลี่ยวรวมถึงสภาพยุ่งเหยิงและอ้างว้างของโลก และเขายังเปิดเผยอีกด้วยว่าโลกจะมีสภาพเช่นนี้เป็นเวลาหนึ่งพันปี ภายหลังจากที่ยอห์นเสนอภาพเหตุการณ์ของการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเจ้าและการทำลายคนชั่วไปแล้วนั้น ท่านยังพยากรณ์ต่อไปอีกว่า “แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งลงมาจากสวรรค์ ท่านถือลูกกุญแจของบาดาลลึก และถือโซ่เส้นใหญ่ในมือของท่าน และท่านจับพญานาคที่เป็นงูดึกดำบรรพ์ผู้ซึ่งเป็นมารและซาตาน แล้วมัดมันไว้หนึ่งพันปี แล้วโยนมันลงไปในบาดาลลึกนั้น ใส่กุญแจและประทับตราไว้ เพื่อไม่ให้มันล่อลวงประชาชนต่างๆ ได้อีกต่อไป จนครบหนึ่งพันปี หลังจากนั้นจะต้องปล่อยมันออกมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง” วิวรณ์ 20:1-3 {GC 658.2}GCth17 568.4

    “บาดาล” ในที่นี้หมายถึงโลกที่มีสภาพสับสนอลหม่านและมืดมิด ในหลักฐานจากข้อพระคัมภีร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสภาพของโลก พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า “ในปฐมกาล” โลกนั้นก็ “ว่างเปล่า ความมืดอยู่เหนือน้ำ” ปฐมกาล 1:2 คำพยากรณ์นี้สอนว่าสภาพเช่นนี้อย่างน้อยบางส่วนจะเกิดขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์มองไปยังภายภาคหน้าถึงวันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า เขาประกาศว่า “ข้าพเจ้ามองดูแผ่นดินและนี่แน่ะเป็นที่ร้างและว่างเปล่า และมองดูท้องฟ้า ในนั้นก็ไม่มีความสว่าง ข้าพเจ้ามองดูภูเขา นี่แน่ะ มันกำลังสั่นสะเทือน เนินเขาก็เคลื่อนตัวไปมา ข้าพเจ้ามองดู และนี่แน่ะ ไม่มีมนุษย์เลย นกทั้งปวงบนท้องฟ้าได้หนีไปแล้ว ข้าพเจ้ามองดู และนี่แน่ะ เรือกสวนไร่นาก็เป็นถิ่นทุรกันดาร และเมืองทั้งสิ้นก็ปรักหักพังไป ต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์ ต่อพระพิโรธร้อนแรงของพระองค์” เยเรมีย์ 4:23-26 {GC 658.3}GCth17 568.5

    ที่นี่จะเป็นบ้านของซาตานและทูตชั่วของมันเป็นระยะเวลาหนึ่งพันปี มันจะถูกจำกัดให้อยู่แต่ในโลก มันจะไม่มีทางเข้าไปในโลกอื่นเพื่อล่อลวงและรบกวนผู้ที่ไม่เคยล้มลงในบาป ข้อความที่ว่า ซาตานถูกผูกมัด จึงมีความหมายในแง่นี้ ไม่มีผู้ใดหลงเหลืออยู่ในโลกให้มันใช้อำนาจของมันได้อีกต่อไป มันถูกตัดขาดจากงานการล่อลวงและงานการทำลายที่มันทำด้วยความชื่นชอบมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ {GC 659.1}GCth17 569.1

    ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์มองไปยังเบื้องหน้าเมื่อซาตานจะถูกทำลาย เขาอุทานขึ้นมาว่า “โอ เจ้าร่วงลงจากฟ้าสวรรค์อย่างไรหนอ เจ้าผู้ส่องแสง คือโอรสแห่งรุ่งอรุณ เจ้าถูกเหวี่ยงลงมายังพื้นดินอย่างไรหนอ เจ้าผู้ทำให้ประชาชาติทั้งหลายตกต่ำ เจ้าเองรำพึงในใจของเจ้าว่า ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์ ‘ข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้าเหนือดวงดาวทั้งหลายของพระเจ้า ข้าจะนั่งบนขุนเขาแห่งการชุมนุม ณ สุดปลายอุดรอันไกลโพ้น ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆ ข้าจะทำให้ตัวของข้าเองเหมือนองค์ผู้สูงสุด’ แต่เจ้าถูกนำลงมาสู่แดนคนตาย ยังก้นบาดาล บรรดาผู้เห็นเจ้าจะจ้องมองเจ้า และจะคิดพิจารณาตัวเจ้าว่า ชายคนนี้หรือที่ทำให้โลกสั่นสะเทือน ที่เขย่าอาณาจักรทั้งหลาย ที่ทำให้โลกเป็นเหมือนถิ่นทุรกันดาร และทำลายเมืองต่างๆ ในโลกเสีย ผู้ไม่ยอมปล่อยให้เชลยของตนกลับบ้าน” อิสยาห์ 14:12-17 {GC 659.2}GCth17 569.2

    ตลอดเวลา 6,000 ปี ผลงานแห่งการกบฏของซาตาน “ทำให้แผ่นดินหวั่นไหว” มัน “ทำให้โลกเป็นเหมือนถิ่นทุรกันดารและทำลายเมืองต่างๆ ในโลกเสีย” และมัน “ไม่ยอมปล่อยให้เชลยของตนกลับบ้าน” สดุดี 60:2 อิสยาห์ 14:17 ตลอดเวลา 6,000 ปี เรือนจำของมันจองจำกักขังประชากรของพระเจ้าไว้ และมันต้องการกักเก็บคนเหล่านี้ไว้ตลอดกาล แต่พระคริสต์ทรงทำลายเครื่องจองจำของมันและทรงปล่อยเชลยที่ถูกคุมขังอยู่ให้เป็นอิสระ {GC 659.3}GCth17 569.3

    บัดนี้ แม้คนชั่วก็ยังถูกนำไปอยู่ไกลโพ้นห่างจากอำนาจของซาตาน และมันยังคงอยู่อย่างโดดเดี่ยวด้วยกันกับทูตชั่วเพื่อจะให้รู้สึกสำนึกถึงหายนะที่เป็นผลลัพธ์จากบาป “พระราชาทั้งหมดของบรรดาประชาชาตินอนอยู่อย่างมีเกียรติ ต่างก็อยู่ในอุโมงค์ของตน แต่เจ้าถูกเหวี่ยงออกไปจากหลุมศพของเจ้า เป็นเหมือนกิ่งไม้ถูกทิ้ง..…… เจ้าจะไม่มีส่วนร่วมกับเขาในการฝังศพ เพราะเจ้าได้ทำลายแผ่นดินของเจ้า เจ้าได้สังหารประชาชนของเจ้า ‘ขออย่าให้มีใครเอ่ยถึงเชื้อสายของผู้ทำความชั่วตลอดไป’” อิสยาห์ 14:18-20 {GC 660.1}GCth17 570.1

    ตลอดระยะเวลาหนึ่งพันปีนี้ ซาตานจะท่องเที่ยวไปมาในโลกที่อ้างว้างเปล่าเปลี่ยวเพื่อดูผลลัพธ์ที่เกิดจากการกบฏของมันในการต่อต้านธรรมบัญญัติของพระเจ้า ในช่วงเวลานี้ ความทุกข์ทรมานของมันนั้นรุนแรง ตั้งแต่มันล้มลงในบาป ชีวิตของมันที่มีกิจกรรมอย่างไม่รู้จบได้ขับการใคร่ครวญไตร่ตรองนึกคิดออกไป แต่บัดนี้มันไม่มีอำนาจของมันแล้วและถูกปล่อยให้ครุ่นคิดถึงบทบาทที่มันได้กระทำนับตั้งแต่มันเริ่มก่อกบฏต่อต้านการปกครองของสวรรค์ และให้มองไปข้างหน้าด้วยความสั่นสะเทือนและหวาดผวากับอนาคตอันน่ากลัวเมื่อมันต้องรับทุกข์ทรมานจากความชั่วทั้งหมดที่มันได้ทำไปและต้องถูกรับโทษของบาปทั้งหลายที่มันเป็นผู้ทำให้เกิดขึ้น {GC 660.2}GCth17 570.2

    สำหรับประชากรของพระเจ้า การจำจองซาตานจะนำมาซึ่งความยินดีและความเปรมปรีดิ์ ผู้เผยพระวจนะกล่าวว่า “เมื่อพระยาห์เวห์ประทานให้เจ้าได้หยุดพักจากความเจ็บปวด และความวุ่นวายของเจ้า และจากงานหนักซึ่งเจ้าถูกบังคับให้ทำ เจ้าจะยกคำเย้ยหยันนี้กล่าวกับพระราชาของบาบิโลนว่า ‘เออ ผู้บีบบังคับสงบไปอย่างไรหนอ ความเกรี้ยวกราดของเขาก็สงบไปด้วยหนอ พระยาห์เวห์ทรงหักไม้พลองของคนอธรรม คทาของผู้ครอบครอง ซึ่งตีชนชาติทั้งหลายด้วยความพิโรธ ด้วยการตีอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งครอบครองประชาชาติด้วยความโกรธ ด้วยการข่มเหงอย่างไม่รามือ’” อิสยาห์ 14:3-6 {GC 660.3}GCth17 570.3

    ในช่วงระยะเวลาหนึ่งพันปีระหว่างการเป็นขึ้นมาจากความตายครั้งแรกกับการเป็นขึ้นมาจากความตายครั้งที่สองนั้น การพิจารณาพิพากษาคนชั่วจะเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ อัครทูตเปาโลเน้นให้เห็นว่าการพิพากษานี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังจากพระเยซูเสด็จมาครั้งที่สอง “อย่าตัดสินสิ่งใดก่อนถึงเวลา จงคอยจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา พระองค์จะทรงเปิดเผยสิ่งที่ซ่อนอยู่ในความมืด และจะทรงเผยความมุ่งหมายของจิตใจทั้งหลาย เมื่อนั้นแต่ละคนจะได้รับคำชมเชยจากพระเจ้า” 1 โครินธ์ 4:5 ดาเนียลเปิดเผยว่าเมื่อผู้เจริญด้วยวัยวุฒิเสด็จมาถึงแล้ว “การพิพากษาถูกมอบให้แก่บรรดาผู้บริสุทธิ์ขององค์ผู้สูงสุดนั้น” ดาเนียล 7:22 ในช่วงเวลานี้ผู้ชอบธรรมจะขึ้นครอบครองเป็นกษัตริย์และปุโรหิตของพระเจ้า ยอห์นกล่าวไว้ในพระธรรมวิวรณ์ว่า “ข้าพเจ้าเห็นบัลลังก์หลายบัลลังก์ และผู้ที่นั่งบนนั้นได้รับมอบอำนาจในการพิพากษา” “แต่เขาจะเป็นปุโรหิตของพระเจ้าและของพระคริสต์ และจะครอบครองร่วมกับพระองค์หนึ่งพันปี” วิวรณ์ 20:4-6 เปาโลกล่าวถึงเวลานี้ไว้ล่วงหน้าว่า “ธรรมิกชนจะพิพากษาโลก” 1 โครินธ์ 6:2 พวกเขาร่วมกับพระคริสต์ในการพิพากษาคนชั่วทั้งหลาย โดยเปรียบเทียบการกระทำของคนชั่วเทียบกับหนังสือกฎเกณฑ์ซึ่งก็คือพระคัมภีร์ และตัดสินทุกคนตามการกระทำที่ได้ทำลงไปในกายนี้ หลังจากนั้น ส่วนที่คนชั่วจะต้องถูกรับโทษจะถูกตวงออกมาตามการกระทำต่างๆ ของพวกเขา และบันทึกไว้ให้ตรงกับชื่อของพวกเขาในหนังสือแห่งความตาย {GC 660.4}GCth17 571.1

    พระคริสต์และประชากรของพระองค์เป็นผู้พิพากษาซาตานและทูตชั่วทั้งหลายของมัน เปาโลกล่าวว่า “ พวกท่านรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าเราจะพิพากษาพวกทูตสวรรค์ ถ้าเช่นนั้นก็ยิ่งควรจะพิพากษาเรื่องของชีวิตนี้” 1 โครินธ์ 6:3 และยูดายังประกาศไว้ว่า “พวกทูตสวรรค์ที่ไม่รักษาอำนาจครอบครองของตนเอง แต่ละทิ้งถิ่นฐานของตน พระองค์ก็ทรงจองจำไว้ด้วยโซ่อันไม่รู้จักสลายในที่มืดจนกว่าจะถึงเวลาพิพากษาในวันยิ่งใหญ่นั้น” ยูดา 6 {GC 661.1}GCth17 571.2

    เมื่อสิ้นสุดหนึ่งพันปี จะมีการเป็นขึ้นมาจากความตายครั้งที่สอง บรรดาคนชั่วจะเป็นขึ้นจากความตายและปรากฏตัวต่อพระพักตร์พระเจ้าเพื่อรับการลงโทษตาม “คำพิพากษาที่บันทึกไว้” สดุดี 149:9 ด้วยเหตุนี้ ภายหลังจากผู้เขียนพระธรรมวิวรณ์ได้บรรยายถึงเหตุการณ์ผู้ชอบธรรมเป็นขึ้นจากตายแล้ว ท่านได้กล่าวต่อไปว่า “คนอื่นๆ ที่ตายไปแล้วไม่ได้กลับมีชีวิตอีกจนกว่าจะครบหนึ่งพันปี” วิวรณ์ 20:5 และอิสยาห์กล่าวถึงคนอธรรมไว้ว่า “พวกเขาจะถูกรวบรวมไว้รวมกัน คล้ายนักโทษในคุกใต้ดิน เขาทั้งหลายจะถูกขังไว้ในคุกและอีกหลายวันก็จะถูกลงโทษ” อิสยาห์ 24:22 {GC 661.2}GCth17 571.3

    *****