Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents
อุทาหรณ์จากคำสอนของพระคริสต์ - Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First
    Larger font
    Smaller font
    Copy
    Print
    Contents

    ในดินดี

    ผู้หว่านหาใช่จะพบแต่ความผิดหวังเสมอไปไม่ พระผู้ช่วยให้รอดตรัสถึงเมล็ดที่ตกลงดินดีว่า “ ได้แก่บุคคลที่ได้ยินพระวจนะนั้นและเข้าใจ คนนั้นก็เกิดผลร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง” มัทธิว 13:23 “ที่ตกในดินดีหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินพระวจนะแล้วจดจำไว้ด้วยใจที่ซื่อสัตย์ดีงาม จึงเกิดผลโดยความทรหดอดทน” ลูกา 8:15 {COL 58.1} COLTh 32.1

    จดจำไว้ด้วยใจที่ซื่อสัตย์ดีงาม” ลูกา 8:15 ที่กล่าวถึงในอุปมาไม่ใช่จิตใจที่ปราศจากบาปเพราะพระวจนะนั้นประกาศไปยังผู้ที่หลงหาย พระคริสต์ตรัสว่า “ เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเรียกคนบาป” มาระโก 2: 17 ผู้ที่มีใจเลื่อมใสสัตย์ซื่อคือผู้ยอมให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานในจิตใจ เขาสารภาพบาปของตนและรู้สึกถึงความต้องการในพระกรุณาคุณและความรักของพระเจ้า เขามีความปรารถนาอย่างจริงใจที่จะทราบความจริงเพื่อจะเชื่อฟัง จิตใจที่ดีคือจิตใจที่เชื่อ จิตใจที่มีความเชื่อในพระวจนะของพระเจ้า หากไม่มีความเชื่อก็ไม่สามารถที่จะรับพระวจนะได้ “เพราะว่าผู้ที่จะมาเฝ้าพระเจ้านั้นต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่ และพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานบำเหน็จแก่คนเหล่านั้นที่แสวงหาพระองค์” ฮีบรู 11:6 {COL 58.2}COLTh 32.2

    นี่คือ “ บุคคลที่ได้ยินพระวจนะนั้นและเข้าใจ” มัทธิว 13:23 พวกฟาริสีในยุคของพระคริสต์หลับตาของพวกเขาด้วยเกรงว่าจะได้เห็นและปิดหูของพวกเขาเกรงว่าจะได้ยิน ดังนั้นความจริงจึงแทรกเข้าถึงจิตใจของพวกเขาไม่ได้ พวกเขาจะได้รับผลอันเกิดจากการตั้งใจไม่รับรู้และเจตนาปิดตาของตัวเอง แต่พระคริสต์ทรงสั่งสอนสาวกของพระองค์ว่าพวกเขาควรจะเปิดจิตใจออกมารับฟังคำชี้แนะ และเตรียมพร้อมที่จะรับเชื่อ พระองค์ประทานพระพรแก่ผู้เชื่อเพราะเขาได้ดูด้วยตาและฟังด้วยหูจึงได้เชื่อ {COL 59.1}COLTh 33.1

    ผู้ฟังที่เป็นดินดีรับพระวจนะ “ไม่ได้รับไว้อย่างเป็นคำของมนุษย์ แต่ได้รับไว้ตามความเป็นจริง คือเป็นพระวจนะของพระเจ้า” 1 เธสะโลนิกา 2:13 มีเพียงผู้ที่รับฟังพระคัมภีร์ว่าเป็นพระสุรเสียงของพระเจ้าตรัสกับเขาเท่านั้นคือผู้ฟังที่แท้จริง พวกเขากลัวจนตัวสั่นเมื่อได้ยินพระวจนะ เพราะสำหรับพวกเขาแล้วพระวจนะเป็นจริงในชีวิต พวกเขาเปิดความคิดและจิตใจเพื่อรับฟังพระวจนะ โครเนลิอัสและสหายของเขาเป็นผู้ฟังเช่นนั้น พวกเขากล่าวกับอัครทูตเปโตรว่า “ เวลานี้เราอยู่กันพร้อมหน้าเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า เพื่อฟังสิ่งสารพัดที่พระองค์ตรัสสั่งท่านไว้” กิจการ 10:33 {COL 59.2}COLTh 33.2

    การรู้ความจริงนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเฉลียวฉลาด แต่ขึ้นอยู่กับความตั้งใจที่บริสุทธิ์ ความศรัทธาที่ประกอบด้วยความจริงใจและการวางใจ สำหรับผู้ที่แสวงหาการทรงนำจากเบื้องบนด้วยจิตใจถ่อมลง ทูตของพระเจ้าจำนวนมากจะมาอยู่ใกล้ จะทรงโปรดประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้แก่เขาเพื่อเปิดคลังทรัพย์สมบัติแห่งความจริงอันมหาศาล {COL 59.3}COLTh 33.3

    ผู้ฟังที่เป็นดินดีเมื่อได้ฟังพระวจนะก็ถือรักษาไว้ ซาตานและพรรคพวกอันชั่วร้ายของมันจึงชิงเอาไปไม่ได้ {COL 59.4}COLTh 33.4

    การฟังหรืออ่านพระวจนะเพียงอย่างเดียวนั้นหาได้เพียงพอไม่ ผู้ที่ปรารถนาจะได้รับประโยชน์จากพระคัมภีร์ต้องตรึกตรองใคร่ครวญถึงความจริงที่นำเสนอให้แก่เขา เขาจะต้องเรียนรู้ถึงความหมายของพระธรรมแห่งความจริง และดื่มด่ำในพระวิญญาณถึงพระดำรัสอันบริสุทธิ์ด้วยความพากเพียรเอาใจใส่และคิดคำนึงโดยการอธิษฐาน {COL 59.5}COLTh 34.1

    พระเจ้าทรงเรียกเราให้เพิ่มเติมความนึกคิดอันยิ่งใหญ่ และความนึกคิดอันบริสุทธิ์ไว้ในสมอง พระองค์ทรงปรารถนาให้เราใคร่คราญถึงความรักและพระกรุณาคุณของพระองค์ ให้ศึกษาถึงราชกิจอันมหัศจรรย์ของแผนการไถ่ให้รอด ประสาทการรับรู้ความจริงของเราจะปลอดโปร่ง เราจะสูงขึ้นและบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น จิตใจที่อาศัยอยู่ในบรรยากาศแห่งความคิดที่บริสุทธิ์จะถูกเปลี่ยนแปลงด้วยการสัมพันธ์กับพระเจ้า โดยผ่านการศึกษาพระคัมภีร์ {COL 60.1} COLTh 34.2

    จึงเกิดผล” ลูกา 8:15 ผู้ที่รับฟังพระวจนะและรักษาไว้จะเกิดผลในความเชื่อฟัง เมื่อรับพระวจนะของพระเจ้าไว้ในจิตใจ การประพฤติที่ดีจะปรากฏออกมาให้เห็น จะเห็นผลได้จากอุปนิสัยและชีวิตที่เหมือนกับพระคริสต์ พระคริสต์ตรัสถึงพระองค์เองว่า “ข้าพระองค์ยินดีทำตามน้ำพระทัยพระองค์ ธรรมบัญญัติของพระองค์อยู่ในจิตใจของข้าพระองค์” สดุดี 40:8 “ เราไม่ได้มุ่งที่จะทำตามใจของเราเอง แต่ตามพระประสงค์ของผู้ทรงใช้เรามา” ยอห์น 5:30 และพระคัมภีร์ยังบันทึกไว้ว่า “ ผู้ที่กล่าวว่าตนอยู่ในพระองค์ ผู้นั้นก็ควรดำเนินชีวิตเหมือนพระองค์” 1 ยอห์น 2:6 {COL 60.2}COLTh 34.3

    บ่อยครั้งพระวจนะคำของพระเจ้ามักไปกระทบลักษณะนิสัยของมนุษย์ที่ได้รับมาทั้งโดยทางพันธุกรรมและที่สั่งสมมาในภายหลัง แต่สำหรับผู้ฟังที่เป็นดินดีนั้นเมื่อได้รับพระวจนะแล้วก็ยอมรับเงื่อนไขและข้อบังคับทั้งสิ้น อุปนิสัย ประเพณีและการปฏิบัติของเขาก็ถูกนำมาอยู่ภายใต้ข้อบังคับของพระวจนะของพระเจ้า ในทัศนะของเขาแล้ว ข้อบังคับของมนุษย์ผู้กระทำผิดและมีขอบเขตจำกัดกลายเป็นสิ่งด้อยความสำคัญไป เมื่อเปรียบเทียบกับพระธรรมของพระเจ้าผู้ไม่มีขอบเขตจำกัด เขาแสวงหาชีวิตนิรันดร์จนหมดจิตใจ และด้วยจุดมุ่งหมายที่เด็ดเดี่ยว และเขายอมเชื่อฟังความจริงนั้นถึงแม้จะต้องเผชิญกับความสูญเสีย การข่มเหงหรือแม้กระทั่งต้องสละชีพก็ตาม {COL 60.3}COLTh 34.4

    แล้วเขาก็เกิดผล “ โดยความทรหดอดทน” ลูกา 8:15 ไม่มีผู้ใดที่ยอมรับพระวจนะของพระเจ้าจะได้รับการยกเว้นจากความยากลำบากและการทดลอง แต่เมื่อความทุกข์ยากมาถึง คริสเตียนแท้จริงจะไม่วิตกกังวล ขาดความวางใจ หรือทุกข์ระทม แม้เราจะไม่ทราบถึงผลลัพธ์ของเหตุการณ์นั้นๆ ได้อย่างแน่นอนหรือทราบพระประสงค์ของพระเจ้า เราก็ไม่ละความเชื่อมั่นของเราไป ให้ระลึกถึงพระกรุณาคุณของพระผู้เป็นเจ้า เราควรมอบภาระไว้กับพระองค์และตั้งใจรอคอยความรอดจากพระองค์ด้วยความอดทน {COL 60.4}COLTh 35.1

    ด้วยการต่อสู้ ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณจะเข้มแข็งขึ้น ความยากลำบากที่แบกไว้ได้อย่างอดทนจะช่วยพัฒนาให้เกิดอุปนิสัยที่แข็งแกร่งและพระคุณแห่งจิตวิญญาณอันล้ำค่า บ่อยครั้ง ผลอันสมบูรณ์แห่งความเชื่อ ความถ่อมใจและความรักจะเติบโตขึ้นท่ามกลางเมฆหมอกพายุร้ายและความมืดมิด {COL 61.1}COLTh 35.2

    ดูซิ ชาวนายังรอคอยพืชผลอันล้ำค่าที่จะได้จากแผ่นดิน อดทนรอคอยจนกว่าฝนต้นฤดูและฝนชุกปลายฤดูจะมา” ยากอบ 5:7 ดังนั้นคริสเตียนควรเฝ้ารอผลแห่งชีวิตของเราในพระวจนะของพระเจ้าด้วยความเพียร บ่อยครั้งเมื่อเราอธิษฐานทูลขอพระคุณของพระวิญญาณ พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของเราโดยมอบเราไว้ในสถานการณ์ที่จะทำให้เกิดผลเหล่านี้ เรากลับไม่เข้าใจถึงพระประสงค์ แต่กลับฉงนใจและท้อใจ ถึงกระนั้นก็หามีผู้ใดรับพระคุณเหล่านี้ได้เว้นเสียแต่ผ่านกระบวนการแห่งการเติบโตและเกิดผล หน้าที่ของเราคือการรับพระดำรัสของพระเจ้าและยึดมั่นไว้ ยอมจำนนอยู่ใต้บังคับแห่งพระธรรมนั้นจนหมดสิ้นและเมื่อนั้นพระประสงค์ของพระเจ้าในเราก็จะถึงที่สำเร็จ {COL 61.2}COLTh 35.3

    พระคริสต์ตรัสว่า “ ถ้าใครรักเรา คนนั้นจะประพฤติตามคำของเราและพระบิดาจะทรงรักเขา แล้วเราทั้งสองจะมาหาเขาและจะอยู่กับเขา” ยอห์น 14:23 แรงดึงดูดแห่งความคิดดีรอบคอบที่เข้มแข็งยิ่งกว่าเก่าจะอยู่เหนือเราเพราะเรามีความสัมพันธ์อันแนบสนิทกับแหล่งกำเนิดแห่งพลังอันเข้มแข็งของสิ่งทั้งหลาย ชีวิตฝ่ายพระเจ้าของเราจะเข้ามาเป็นทาสรับใช้ของพระเยซูคริสต์ เราจะไม่ดำเนินชีวิตที่เห็นแก่ตัวอีกต่อไป แต่พระคริสต์จะดำรงอยู่ในเรา พระลักษณะนิสัยของพระองค์จะบังเกิดขึ้นในธรรมชาติของเรา ด้วยเหตุนี้เองเราจะบังเกิดผลแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ “สามสิบเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง ร้อยเท่าบ้าง” มาระโก 4:8 {COL 61.3}COLTh 36.1

    *****

    Larger font
    Smaller font
    Copy
    Print
    Contents