Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents
อุทาหรณ์จากคำสอนของพระคริสต์ - Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First

    บทที่ 4 - ข้าวละมาน

    อ้างอิงจาก มัทธิว 13:24-30, 37-43

    พระองค์ตรัสอุปมาอีกข้อหนึ่งให้เขาทั้งหลายฟังว่า แผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือนคนหนึ่งได้หว่านเมล็ดพืชดีในนาของตน แต่เมื่อคนทั้งหลายนอนหลับอยู่ ศัตรูของคนนั้นมาหว่านข้าวละมานปนกับข้าวดีนั้นไว้แล้วก็หลบไป เมื่อต้นข้าวนั้นงอกขึ้นออกรวงแล้ว ข้าวละมานก็ขึ้นมาปรากฏด้วย” มัทธิว 13:24-26 {COL 70.1}COLTh 43.1

    พระคริสต์ตรัสว่า “นานั้นได้แก่โลก ” มัทธิว 13:38 แต่เราจะต้องเข้าใจว่านี่หมายถึงคริสตจักรของพระคริสต์ในโลกนี้ อุปมาเป็นคำพรรณนาอธิบายถึงสิ่งที่เกี่ยวกับแผ่นดินของพระเจ้า พระราชกิจของพระองค์สำหรับความรอดบาปของมนุษย์และพระราชกิจนี้จะสำเร็จได้โดยผ่านทางคริสตจักร เป็นความจริงที่พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จไปทั่วโลกแล้ว พระองค์ทรงประกอบกิจและเคลื่อนไหวในจิตใจของมนุษย์ในทุกแห่งหน แต่ว่าเราจะเจริญขึ้นและเติบโตในคริสตจักร เพื่อจะเก็บเกี่ยวไว้ในยุ้งฉางของพระเจ้า {COL 70.3}COLTh 43.2

    ผู้หว่านเมล็ดพืชดีนั้นได้แก่บุตรมนุษย์….เมล็ดพืชดีได้แก่พลเมืองแห่งแผ่นดินของพระเจ้า แต่ข้าวละมานได้แก่พลเมืองของมารร้าย” มัทธิว 13:37, 38 เมล็ดพืชดีนั้นหมายถึงผู้ที่เกิดจากพระวจนะแห่งความจริงของพระเจ้า ข้าวละมานนั้นหมายถึงประชากรผู้เป็นผลมาจากหลักเกณฑ์ผิดๆ “ ศัตรูผู้หว่านเมล็ดพืชเลวได้แก่มารนั้น ” มัทธิว 13:39 พระเจ้าหรือทูตของพระองค์ไม่ได้เป็นผู้หว่านพืชซึ่งเติบโตเป็นข้าวละมาน ข้าวละมานนั้นซาตานผู้เป็นศัตรูของพระเจ้าและมนุษย์เป็นผู้หว่านเสมอ {COL 70.3}COLTh 44.1

    ในทางตะวันออก มีบางคนแก้แค้นศัตรูด้วยการหว่านวัชพืชอื่นลงบนนาที่หว่านเรียบร้อยแล้ว ขณะที่วัชพืชชนิดนี้โตขึ้น จะมีลักษณะคล้ายต้นข้าว เมื่องอกขึ้นพร้อมกับต้นข้าวมันก็เป็นภัยแก่พืชที่โตขึ้นมาด้วยกัน สร้างปัญหาและความสูญเสียมายังเจ้าของนา ในทำนองเดียวกันซาตานผู้เป็นศัตรูกับพระคริสต์ หว่านพืชชั่วท่ามกลางพืชดีของแผ่นดิน ผลที่เกิดจากการหว่านของมันนั้นมันก็อ้างว่ามาจากพระบุตรของพระจ้า ด้วยการนำคนเหล่านี้เข้ามายังคริสตจักร ผู้ที่อ้างว่าตนถือพระนามของพระคริสต์แต่ปฏิเสธพระลักษณะนิสัยของพระองค์ คนชั่วเหล่านี้จึงทำให้พระเจ้าเสื่อมพระเกียรติ ทำให้แผนงานแห่งการช่วยให้รอดมีภาพพจน์ที่ผิดไปและทำให้จิตวิญญาณจำนวนมากต้องพินาศ {COL 71.1}COLTh 44.2

    ผู้รับใช้ของพระคริสต์เศร้าใจเมื่อเห็นผู้เชื่อที่แท้จริงและเทียมเท็จรวมกันอยู่ในคริสตจักร พวกเขาอยากจะชำระคริสตจักร ดังเช่นบ่าวของเจ้าของนาข้าว พวกเขาพร้อมที่จะถอนข้าวละมานออกไปเสีย แต่พระคริสต์ตรัสกับพวกเขาว่า “ อย่าเลย เกรงว่าเมื่อกำลังถอนข้าวละมานจะถอนข้าวดีด้วย ให้ทั้งสองเติบโตไปด้วยกันจนถึงฤดูเกี่ยว” มัทธิว 13:29, 30 {COL 71.2} COLTh 44.3

    พระคริสต์ทรงสั่งสอนอย่างชัดเจนว่าผู้ที่ยังขืนปล่อยตัวทำบาปอย่างเปิดเผยจะต้องถูกแยกออกจากคริสตจักร แต่พระองค์ก็ไม่ได้ให้เราทำหน้าที่ตัดสินความประพฤติและความนึกคิดของบุคคลอื่น พระองค์ทรงทราบธรรมชาติของเราเกินกว่าที่จะมอบหน้าที่นี้ให้ ถ้าเราขืนพยายามถอนผู้ที่เราสงสัยว่าไม่ใช่คริสเตียนที่แท้จริงออกจากคริสตจักร อาจจะตัดสินผิดพลาดได้ บ่อยครั้งที่เราถือว่าบางคนสิ้นหวังแล้ว ทั้งที่พระคริสต์ทรงกำลังนำคนนั้นเข้ามาหาพระองค์เอง ถ้าปล่อยให้เราเป็นผู้พิจารณาจิตวิญญาณคนเหล่านี้ ตามการตัดสินใจที่ไม่รอบคอบของเราแล้ว อาจทำให้โอกาสสุดท้ายของพวกเขาหมดไปก็ได้ มีหลายคนที่คิดว่าตนเป็นคริสเตียนที่แท้จริง แต่สุดท้ายนั้นอาจพบว่าพวกเขายังบกพร่องอยู่ มีหลายคนจะปรากฏตัวในสวรรค์ เป็นคนที่เพื่อนบ้านของเขาไม่เคยคิดว่าจะเข้าสวรรค์ได้ มนุษย์ตัดสินจากรูปกายภายนอก แต่พระเจ้าทรงตัดสินที่จิตใจ ข้าวละมานและข้าวดีจะต้องเจริญขึ้นด้วยกันจนถึงวันเก็บเกี่ยว และเวลาแห่งการเก็บเกี่ยวนั้นคือวันที่พระกรุณาของพระเจ้าสิ้นสุดลง {COL 71.3}COLTh 44.4

    ในพระดำรัสของพระผู้ช่วยให้รอดยังมีบทเรียนอีกบทหนึ่ง เป็นบทเรียนเกี่ยวกับความอดทนนานอันน่าอัศจรรย์ และความรักอันอ่อนโยน ดังเช่นข้าวละมานซึ่งมีรากแทรกอยู่ท่ามกลางข้าวดี เช่นเดียงกัน พี่น้องเทียมเท็จในคริสตจักรอาจจะอยู่ใกล้ชิดกับสาวกที่แท้จริง อุปนิสัยอันแท้จริงของผู้เชื่อเทียมเท็จเหล่านี้ยังไม่ปรากฏแจ้งอย่างเด่นชัด ถ้าจะแยกพวกเขาเหล่านี้ออกจากคริสตจักรแล้วผู้อื่นอาจจะสะดุดล้มลงเพราะเรื่องนี้ {COL 72.1}COLTh 45.1

    คำสอนของอุปมานี้เผยให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของพระเจ้ากับมนุษย์และบรรดาทูตสวรรค์ ซาตานเป็นผู้หลอกลวง เมื่อมันทำบาปในสวรรค์แม้กระทั่งเหล่าทูตสวรรค์ที่สัตย์ซื่อยังมองไม่เห็นความประพฤติของมันอย่างชัดแจ้ง นี่คือเหตุผลที่พระเจ้าไม่ทรงทำลายมันทันที เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้น ทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์ก็จะไม่เห็นถึงความยุติธรรมและความรักของพระเจ้า ความสงสัยในคุณความดีของพระเจ้าเป็นเช่นเมล็ดชั่วที่ให้ผลอันขมขื่นแห่งบาปและความวิบัติ ฉะนั้นต้นกำเนิดแห่งความชั่วจึงถูกเก็บรักษาไว้ เพื่อให้อุปนิสัยอันแท้ของมันพัฒนาอย่างเต็มที่ ตลอดชั่วอายุอันยาวนานที่ผ่านมา พระเจ้าทรงอดกลั้นด้วยความเจ็บปวดต่อการที่ต้องทนเห็นกิจการของความชั่ว พระองค์ประทานของขวัญอันล้ำค่าแห่งคาลวารีแทนที่จะปล่อยให้ผู้หนึ่งผู้ใดถูกหลอกด้วยการสำแดงแบบผิดๆ ของมารชั่ว เพราะเหตุว่าไม่สามารถถอนข้าวละมานโดยไม่กระทบกระเทือนถึงรากของข้าวดีอันมีค่า และเราจะไม่ทำตนเป็นผู้อดทนต่อเพื่อนมนุษย์ของเราดังเช่นพระผู้เป็นเจ้าของสวรรค์ และโลกนี้ที่ทรงความอดทนต่อการกระทำของซาตานหรือ {COL 72.2}COLTh 45.2

    โลกนี้ไม่มีสิทธิ์ที่จะสงสัยความจริงของคริสต์ศาสนาเพียงเพราะมีสมาชิกที่ไม่สมควรอยู่ในคริสตจักร ทำนองเดียวกันคริสเตียนก็ไม่ควรท้อใจ เพราะพี่น้องคริสเตียนจอมปลอมเหล่านั้น คริสตจักรในยุคต้นนั้นเป็นอย่างไรบ้าง อานาเนียและสัปฟีราเข้าร่วมกับสาวก ซีโมนมากัสรับบัพติสมา เดมัสที่ละทิ้งเปาโลก็ยังนับว่าเป็นผู้เชื่อ ยูดาส อิสคาริโอทเป็นหนึ่งในอัครสาวก พระผู้ไถ่ไม่ทรงปรารถนาจะสูญเสียจิตวิญญาณไปแม้แต่ดวงเดียว ประสบการณ์ของพระองค์กับยูดาสนั้นบันทึกไว้เพื่อเปิดเผยให้เห็นถึงความอดทนนานของพระองค์ต่อธรรมชาติอันดื้อรั้นของมนุษย์ พระองค์ทรงเรียกให้เราอดทน ดังเช่นที่พระองค์ทรงอดกลั้น พระองค์ตรัสว่าพี่น้องจอมปลอมเหล่านั้นจะมีอยู่ในคริสตจักรจนกระทั่งวันสุดท้าย {COL 72.3}COLTh 46.1

    มนุษย์ก็ยังคงพยายามถอนข้าวละมานอยู่ ทั้งที่พระคริสต์ทรงเตือนไว้แล้ว คริสตจักรใช้อำนาจทางศาลจัดการลงโทษคนเหล่านั้นที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด บุคคลผู้มีความแตกต่างจากคำสอนที่บัญญัติไว้ต้องถูกกักขังไว้ในเรือนจำ ถูกทรมานจนถึงตาย โดยคนที่อ้างว่าทำหน้าที่ภายใต้กฎของพระคริสต์ แต่แท้จริงแล้ว เป็นวิญญาณของซาตานที่ดลใจให้กระทำเช่นนี้ไม่ใช่พระวิญญาณของพระคริสต์ นี่คือวิธีการของซาตานที่จะชักนำโลกให้อยู่ภายใต้อำนาจของมัน การที่คริสตจักรปฏิบัติเช่นนี้ต่อผู้ที่ถูกกล่าวหาว่านอกรีตนั้นทำให้คนอื่นมองพระเจ้าในทางที่ผิด {COL 74.1}COLTh 46.2

    คำสอนจากอุปมาของพระคริสต์หาใช่การพิพากษาและกล่าวโทษผู้อื่นไม่ แต่คือการถ่อมใจลงและไม่วางใจในตนเอง ใช่ว่าเมล็ดทั้งหมดที่หว่านลงในทุ่งนาจะเป็นพืชดี ข้อเท็จจริงก็คือ คนที่อยู่ในคริสตจักรก็หาได้พิสูจน์ว่าพวกเขาเป็นคริสเตียนไม่ {COL 74.2}COLTh 46.3

    ข้าวละมานมีลักษณะคล้ายคลึงข้าวดีในขณะที่ลำต้นยังเขียวอยู่ แต่เมื่อทุ่งนั้นเหลืองอร่ามเพื่อการเกี่ยว จึงปรากฏเด่นชัดว่าข้าวละมานนั้นไม่เหมือนกับข้าวดีที่โน้มลำต้นลงเพราะรวงข้าวที่เติบโตเต็มที่ คนบาปที่ทำตัวเป็นคนเคร่งศาสนาก็รวมอยู่กับผู้ติดตามพระคริสต์ที่แท้จริงได้ชั่วขณะหนึ่ง และการแฝงตัวอยู่ร่วมกับคริสเตียนก็ทำให้หลายคนถูกหลอก แต่เมื่อถึงเวลาการเก็บเกี่ยวของโลกนี้ จะไม่มีความคล้ายคลึงระหว่างความดีและความชั่ว เมื่อนั้นผู้ที่เข้าร่วมกับคริสตจักรแต่ไม่ได้อยู่ในพระคริสต์จะปรากฏตัวให้เห็น {COL 74.3}COLTh 46.4

    ข้าวละมานถูกปล่อยให้เติบโตไปพร้อมกับข้าวดี ได้รับประโยชน์จากทั้งแสงอาทิตย์และน้ำฝน แต่เมื่อถึงฤดูการเก็บเกี่ยว “เจ้าจะสังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างคนชอบธรรมและอธรรม ระหว่างคนที่ปรนนิบัติพระเจ้ากับคนที่ไม่ปรนนิบัติพระองค์” มาลาคี 3:18 พระเยซูคริสต์เองจะทรงพิจารณาผู้ที่เหมาะสมที่จะเข้าร่วมกับครอบครัวแห่งแผ่นดินสวรรค์ พระองค์จะทรงพิพากษาทุกคนตามคำพูดและการกระทำของเขา คนที่กล่าวว่าตนเองเป็นคริสเตียนจะไม่ถูกนับเข้าไป แต่อุปนิสัยต่างหากที่จะตัดสินบั้นปลายชีวิตของพวกเขา {COL 74.4}COLTh 47.1

    พระผู้ช่วยให้รอดไม่ได้ชี้ไปยังเวลาในอนาคตว่าข้าวละมานจะกลับกลายเป็นข้าวดี ข่าวดีและข้าวละมานเติบโตขึ้นพร้อมกันจนกระทั่งถึงเวลาเก็บเกี่ยวคือวันสิ้นโลก เมื่อนั้นข้าวละมานจะถูกรวบรวมมัดเป็นฟ่อนเพื่อเผาทิ้งเสีย ส่วนข้าวดีจะถูกรวบรวมเข้าไปในการเก็บเกี่ยวของพระเจ้า “เวลานั้นบรรดาคนชอบธรรมจะส่องแสงอยู่ในแผ่นดินพระบิดาของพวกเขาดุจดวงอาทิตย์” เมื่อนั้น “บุตรมนุษย์จะใช้บรรดาทูตสวรรค์ของท่านออกไปเก็บกวาดทุกสิ่งที่ทำให้หลงผิด และพวกผู้ที่ทำชั่วไปจากแผ่นดินของท่านและจะทิ้งลงในเตาไฟที่ลุกโพลง ที่นั่นจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน” มัทธิว 13:43, 41, 42 {COL 75.1} COLTh 47.2

    *****