Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents
อุทาหรณ์จากคำสอนของพระคริสต์ - Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First

    บทที่ 14 - “พระเจ้าจะไม่ประทานความยุติธรรมแก่คนที่พระองค์ทรงเลือกไว้หรือ”

    อ้างอิงจาก ลูกา 18:1—8

    พระคริสต์ทรงกล่าวถึงช่วงเวลาก่อนการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ และภัยอันน่ากลัวที่บรรดาผู้ติดตามของพระองค์จะต้องประสบ เมื่อทรงคำนึงถึงช่วงเวลาพิเศษนี้ พระองค์ทรงบรรยายอุปมา “ เพื่อสอนว่าเขาทั้งหลายควรอธิษฐานอยู่เสมอและ ไม่อ่อนระอาใจ” ลูกา 18:1 {COL 164.1}COLTh 135.1

    พระองค์ตรัสว่า “ ในเมืองหนึ่งมีผู้พิพากษาอยู่คนหนึ่ง เป็นคนที่ไม่เกรงกลัวพระเจ้าและไม่เห็นแก่มนุษย์ด้วย ในเมืองนั้นมีหญิงม่ายคนหนึ่งมาหาท่านพูดว่า ขอให้ความยุติธรรมแก่ดิฉันในการสู้ความเถิด แต่ผู้พิพากษาคนนั้นไม่ยอมทำจนเวลาผ่านไปนาน แต่ภายหลังเขานึกในใจว่า แม้ว่าข้าจะไม่เกรงกลัวพระเจ้าและไม่เห็นแก่มนุษย์ แต่เพราะแม่ม่ายคนนี้มาทำให้ข้าลำบาก ข้าจะให้ความยุติธรรมแก่นาง เพื่อไม่ให้นางมารบกวนให้รำคาญใจบ่อยๆ และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า จงฟังคำที่ผู้พิพากษาอธรรมคนนี้ได้พูด พระเจ้าจะไม่ประทานความยุติธรรมแก่คนที่พระองค์ทรงเลือกไว้ คือพวกที่ร้องถึงพระองค์ทั้งกลางวันกลางคืนหรือ พระองค์จะทรงอดทนได้หรือ เราบอกพวกท่านว่าพระองค์จะประทานความยุติธรรมแก่พวกเขาโดยเร็ว” ลูกา 18:6 {COL 164.2}COLTh 135.2

    ผู้พิพากษาที่กล่าวไว้ในที่นี้เป็นผู้ที่ไม่เห็นแก่สิทธิของผู้อื่นหรือสงสารผู้ที่ตกทุกข์ หญิงม่ายที่ไปร้องขออย่างไม่หยุดหย่อนได้รับการปฏิเสธอย่างแข็งขัน นางไปหาเขาครั้งแล้วครั้งเล่าโดยได้รับแต่การดูถูกเหยียดหยามและไล่ออกไปจากบัลลังก์ ผู้พิพากษาทราบดีว่าคดีของนางถูกต้องและเขาจัดการทำให้เธอโล่งอกได้ทันที แต่เขาก็ไม่ยอมทำ เขาต้องการแสดงอำนาจการชี้ขาดของเขา และการที่นางมาขอและร้องเรียนและอ้อนวอนและไม่ได้ผลนั้นทำให้เขามีความพึงพอใจ แต่นางก็ไม่ยอมหยุดหรือท้อถอย โดยหารู้ไม่ว่าผู้พิพากษาคนนี้ไม่สนใจและเป็นคนใจแข็งกระด้าง เธอเฝ้าร้องเรียนผู้พิพากษาจนกระทั่งผู้พิพากษายอมช่วยคดีของเธอ เขาจึงพูดว่า “ แม้ว่าข้าจะไม่เกรงกลัวพระเจ้าและไม่เห็นแก่มนุษย์ แต่เพราะแม่ม่ายคนนี้มาทำให้ข้าลำบาก ข้าจะให้ความยุติธรรมแก่นางเพื่อไม่ให้นางมารบกวนให้รำคาญใจบ่อยๆ” ลูกา 18:4, 5 เพื่อเป็นการรักษาชื่อเสียงของตนเอง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สาธารณชนทราบถึงการพิพากษาอย่างลำเอียงและไม่เป็นธรรม เขาก็ให้ความยุติธรรมแก่หญิงที่เรียกร้องอย่างไม่หยุดหย่อนคนนี้ {COL 164.3}COLTh 136.1

    องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า จงฟังคำที่ผู้พิพากษาอธรรมคนนี้ได้พูด พระเจ้าจะไม่ประทานความยุติธรรมแก่คนที่พระองค์ได้ทรงเลือกไว้ คือพวกที่ร้องถึงพระองค์ทั้งกลางวันกลางคืนหรือ พระองค์จะทรงอดทนได้หรือ เราบอกพวกท่านว่าพระองค์จะประทานความยุติธรรมแก่พวกเขาโดยเร็ว” ในที่นี้พระคริสต์ทรงขีดเส้นแบ่งความแตกต่างอย่างเด่นชัดระหว่างผู้พิพากษาอธรรมและพระเจ้า ผู้พิพากษาสนองตอบคำร้องขอของหญิงม่ายด้วยความเห็นแก่ตัวเท่านั้น เพื่อที่เขาจะไม่ถูกรบเร้า เขาไม่มีความสงสารหรือความเห็นอกเห็นใจต่อนางเลย ความทุกข์ลำบากของหญิงผู้นี้ไม่ได้มีความหมายใดๆ ต่อเขา สำหรับท่าทีของพระเจ้าที่ปฏิบัติต่อผู้ที่แสวงหาพระองค์นั้นมีความแตกต่างมากเพียงไร การร้องเรียนของผู้ขัดสนและทุกข์โศกนั้นพระเจ้าทรงสนพระทัยด้วยความกรุณาอันล้นเหลือของพระองค์ {COL 165.1}COLTh 136.2

    หญิงที่มาร้องขอผู้พิพากษาเพื่อความยุติธรรมนั้นสูญเสียสามีไปเพราะความตาย นางยากจนและขาดมิตร นางไม่มีทรัพย์สินใดๆ ที่จะมาช่วยกอบกู้ชีวิตในอนาคตของตนเอง มนุษย์ก็เป็นเหมือนหญิงคนนี้ บาปทำให้เขาสูญเสียความสัมพันธ์กับพระเจ้า เขาแสวงหาความรอดด้วยตนเองไม่ได้ แต่ในพระคริสต์ เราถูกนำให้เข้ามาใกล้พระบิดา ผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรเป็นที่รักยิ่งดังดวงใจของพระองค์ พวกเขาคือผู้ที่พระองค์ทรงเรียกให้ออกจากความมืดเพื่อเข้าไปยังแสงสว่างอันอัศจรรย์ เพื่อถวายสรรเสริญพระองค์ เพื่อให้ส่องสว่างในที่มืดของโลก ผู้พิพากษาอธรรมไม่มีความใส่ใจเป็นพิเศษใดเลยที่จะช่วยหญิงม่ายคนนี้ที่เฝ้ารบเร้าให้เขาช่วยเธอออกจากความทุกข์ ถึงกระนั้นก็ตามเพื่อจะให้ตนหลุดพ้นจากการร้องขอที่น่าสงสาร เขารับฟังคำขอของนางและช่วยนางจากความทุกข์ยาก แต่พระเจ้าทรงรักบุตรทั้งหลายของพระองค์ด้วยความรักที่ไม่มีขอบเขตจำกัด สำหรับพระองค์ คริสตจักรบนโลกนี้เป็นที่รักยิ่งของพระองค์ {COL 165.2}COLTh 137.1

    เพราะว่าส่วนของพระยาห์เวห์คือประชากรของพระองค์ ยาโคบเป็นส่วนมรดกของพระองค์ พระองค์ทรงพบเขาในแผ่นดินทุรกันดาร ในที่ร้างเปล่าวังเวง พระองค์ทรงโอบล้อมเขาและทรงดูแลเขา ทรงรักษาเขาไว้ดังแก้วพระเนตรของพระองค์” เฉลยธรรมบัญญัติ 32:9,10 “ พระยาห์เวห์จอมทัพจึงตรัสกับประชาชาติที่ปล้นเจ้าดังนี้ เมื่อพระสิริใช้ข้าพเจ้าให้ไป ผู้ใดได้แตะต้องเจ้าก็ได้แตะต้องแก้วพระเนตรของพระองค์” เศคาริยาห์ 2:8COLTh 137.2

    คำอธิษฐานของหญิงม่าย “ขอให้ความยุติธรรมแก่ดิฉันในการสู้ความเถิด” เป็นตัวอย่างคำอธิษฐานของบุตรพระเจ้า ซาตานเป็นศัตรูยิ่งใหญ่ของพวกเขา มารเป็น “ผู้กล่าวหาพวกเขาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าของเราทั้งกลางวันและกลางคืน” วิวรณ์ 12:10 มารทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อแจ้งเรื่องเท็จและกล่าวร้ายและหลอกลวงและทำลายประชากรของพระเจ้า และเพื่อเป็นการช่วยให้หลุดพ้นจากอำนาจของซาตานและพรรคพวกของมัน พระคริสต์ทรงใช้อุปมานี้สอนสาวกให้อธิษฐาน {COL 166.2}COLTh 137.3

    เราเห็นภาพของงานการกล่าวร้ายของซาตานในคำพยากรณ์ของเศคาริยาห์และงานของพระคริสต์ในการต่อต้านศัตรูของประชากรของพระองค์ ผู้เผยพระวจนะกล่าวว่า “ทูตสวรรค์ได้แสดงให้ข้าพเจ้าเห็นโยซูวามหาปุโรหิตซึ่งยืนอยู่หน้าทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์และซาตานยืนอยู่ข้างขวามือของท่าน จะฟ้องท่านและพระยาห์เวห์ตรัสกับซาตานว่า โอ ซาตาน พระยาห์เวห์ทรงว่ากล่าวเจ้าเถอะ พระยาห์เวห์ผู้ทรงเลือกสรรกรุงเยซูซาเล็มทรงว่ากล่าวเจ้า นี่เป็นดุ้นฟืนที่ฉวยออกมาจากไฟไม่ใช่หรือ โยซูวาสวมเสื้อตำแหน่งสกปรกยืนอยู่หน้าทูตสวรรค์” เศคาริยาห์ 3:1-3 {COL 166.3} COLTh 138.1

    ในที่นี้เปรียบประชากรของพระเจ้าเหมือนจำเลยในคดีศาล โยซูวาในฐานะปุโรหิตใหญ่ กำลังแสวงหาพระพรสำหรับประชาชนของเขา ซึ่งตกอยู่ในความทุกข์ยากใหญ่หลวง ในขณะที่เขาร้องทูลขอต่อพระพักตร์พระเจ้านั้น ซาตานกำลังยืนอยู่ขวามือคอยทำตัวเป็นศัตรู มันกล่าวหาบุตรทั้งหลายของพระเจ้าและคอยทำให้คดีของคนเหล่านี้ดูเลวร้ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันเสนอการกระทำอันชั่วช้าและตำหนิเขาต่อพระพักตร์พระเป็นเจ้า มันเปิดเผยความผิดและความล้มเหลวของพวกเขา โดยหวังว่าเมื่อเสนออุปนิสัยของเขาเหล่านั้นต่อสายพระเนตรของพระคริสต์ พระองค์จะไม่ทรงช่วยพวกเขาในยามที่มีความต้องการอย่างมากมายเช่นนี้ โยซูวาเป็นเหมือนตัวแทนประชากรของพระเจ้ายืนอยู่ภายใต้การกล่าวโทษ สวมใส่เสื้อผ้าสกปรก เขาทราบถึงบาปของผู้คนของเขาดี เขาถูกกดดันด้วยความผิดหวัง ซาตานกำลังบีบคั้นจิตวิญญาณเขาด้วยความรู้สึกผิด ที่ทำให้เขารู้สึกว่าช่วยตัวเองไม่ได้ ถึงกระนั้นเขายังยืนอยู่ในฐานะผู้อ้อนวอนทูลขอโดยมีซาตานคอยขัดขวาง {COL 166.4}COLTh 138.2

    งานของซาตานในฐานะของผู้กล่าวหานั้นเริ่มขึ้นในสวรรค์ นี่เป็นงานของมันบนโลกนี้ตั้งแต่สมัยที่มนุษย์ล้มลงในบาป และในความหมายที่พิเศษแล้ว จะเป็นงานของมันเมื่อยิ่งเข้าใกล้เวลาสิ้นสุดของประวัติศาสตร์โลก มันก็จะทำงานอย่างเอาจริงเอาจังมากยิ่งขึ้นเพื่อการหลอกลวงและการทำลาย มารโกรธเมื่อเห็นคนใดคนหนึ่งในโลกนี้แม้จะอ่อนแอและมีบาปหนาก็ยังเคารพพระบัญญัติของพระยาห์เวห์ มันมุ่งมั่นไม่ให้พวกเขาเชื่อฟังพระเจ้า มันปรีดาในความไม่คู่ควรของคนเหล่านี้ และมีกลวิธีที่เตรียมพร้อมไว้สำหรับจิตวิญญาณทุกดวง เพื่อทุกคนจะติดกับดักและแยกตัวห่างออกไปจากพระเจ้า มารหาทางกล่าวหาและตำหนิพระเจ้าและทุกคนที่พยายามต่อสู้เพื่อทำให้พระประสงค์แห่งความเมตตาและความรัก ความกรุณาและการอภัยของพระองค์สำเร็จ. {COL 167.1} COLTh 138.3

    การแสดงออกซึ่งอำนาจของพระเจ้าทุกอย่างเพื่อประชากรของพระองค์นั้นจะไปปลุกความเป็นศัตรูของซาตาน ทุกครั้งที่พระเจ้าทรงทำงานเพื่อคนเหล่านี้ซาตานพร้อมด้วยทูตทั้งหลายของมันจะทำงานด้วยความแข็งขันที่เพิ่มขึ้นเพื่อการทำลาย มารริษยาต่อคนที่ยึดพระคริสต์เป็นผู้เสริมกำลัง มันมุ่งเป้ายุยงส่งเสริมความชั่วร้าย และเมื่อมันทำได้สำเร็จมันก็จะโยนความผิดนั้นให้แก่คนที่มันหลอกลวง มารชี้ไปยังเสื้อผ้าสกปรกของพวกเขาหรืออุปนิสัยที่บกพร่อง มันเสนอความอ่อนแอและความโง่ของพวกเขา บาปของการไม่ซาบซึ้งในพระคุณ การกระทำที่ไม่เหมือนพระคริสต์ซึ่งเป็นการไม่ถวายเกียรติแด่พระผู้ช่วยของพวกเขา สิ่งทั้งหมดนี้ซาตานนำมาชี้เพื่อพิสูจน์ว่าการทำลายคนเหล่านี้ของมันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง มารพยายามทำให้จิตวิญญาณของเขาตกอยู่ในสภาพความหวาดกลัวด้วยให้พวกเขาคิดว่าเรื่องของเขาสิ้นหวัง รอยเปื้อนของความผิดไม่อาจที่จะล้างออกได้ มันหวังที่จะทำลายความเชื่อของพวกเขาเพื่อให้ยอมต่อการทดลองของมันอย่างสิ้นเชิง และหันพวกเขาให้ออกไปจากการจงรักภักดีต่อพระเจ้า {COL 168.1}COLTh 139.1

    ประชากรของพระเจ้าไม่อาจจะตอบข้อกล่าวหาของซาตานด้วยตนเอง ขณะที่พวกเขามองสภาพตนเองก็พร้อมที่จะท้อแท้ใจ แต่พวกเขาอุทธรณ์ต่อพระผู้ทรงเป็นทนาย ทูลขอความดีของพระผู้ช่วย พระเจ้า “ ทรงเป็นผู้ชอบธรรม และทรงให้ผู้ที่เชื่อในพระเยซูเป็นผู้ชอบธรรมด้วย” โรม 3:26 บุตรทั้งหลายของพระเป็นเจ้าร้องทูลพระองค์ด้วยความเชื่อมั่นเพื่อหยุดการกล่าวหาของซาตานให้เงียบเสียงลง และทำให้แผนการของมารเงียบหายไป พวกเขาอธิษฐานว่า “ ขอให้ความยุติธรรมแก่ดิฉันในการสู้ความเถิด” และด้วยอำนาจการโต้แย้งของไม้กางเขน พระคริสต์ทรงหยุดผู้กล่าวหาที่บังอาจผู้นี้ให้เงียบ {COL 168.2}COLTh 139.2

    พระยาห์เวห์ตรัสกับซาตานว่า โอ ซาตาน พระยาห์เวห์ทรงว่ากล่าวเจ้าเถอะ พระยาห์เวห์ผู้ทรงเลือกสรรกรุงเยซูซาเล็มทรงว่ากล่าวเจ้า นี่เป็นดุ้นฟืนที่ฉวยออกมาจากไฟไม่ใช่หรือ ” เมื่อซาตานพยายามครอบงำประชากรของพระเจ้าด้วยความมืดและทำลายพวกเขา พระคริสต์ก็ทรงขัดขวาง ถึงแม้พวกเขาทำบาป พระคริสต์ก็ทรงรับความผิดบาปนั้นไปไว้ในจิตวิญญาณของพระองค์เอง พระองค์ทรงแย่งชิงเผ่าพันธุ์นี้ไว้เหมือนการดึงเอาดุ้นฟืนออกจากไฟ พระองค์ทรงเชื่อมโยงพระองค์กับมวลมนุษย์ด้วยสภาพความเป็นมนุษย์ของพระองค์ ในขณะเดียวกันโดยสภาพความเป็นพระเจ้า พระองค์ก็ทรงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระเจ้า ความช่วยเหลือเข้ามาใกล้จนจิตวิญญาณที่กำลังพินาศสามารถเอื้อมถึง ศัตรูถูกปราบ {COL 169.1}COLTh 140.1

    โยซูวาสวมเสื้อตำแหน่งสกปรกยืนอยู่หน้าทูตสวรรค์ และทูตสวรรค์บอกพวกที่ยืนอยู่ข้างหน้าท่านว่า จงเปลื้องเสื้อตำแหน่งที่สกปรกออกจากเขาเสีย และทูตสวรรค์พูดกับท่านว่า นี่แน่ะ เราได้เอาความผิดบาปออกไปเสียจากเจ้าแล้ว และเราจะประดับตัวเจ้าด้วยเสื้อผ้าดีๆ และข้าพเจ้าว่า จงให้เขาเอาผ้าสะอาดมาโพกศีรษะของท่าน เขาจึงโพกผ้าสะอาดและสวมเสื้อตำแหน่งให้ท่าน” จากนั้นโดยอำนาจจากพระเป็นเจ้า ทูตสวรรค์ให้คำปฏิญาณอันศักดิ์สิทธิ์แก่โยซูวาผู้เป็นตัวแทนประชากรของของพระเจ้าว่า “ ถ้าเจ้าดำเนินตามมรรคาของเราและรักษาคำกำชับของเรา เจ้าจะได้ปกครองนิเวศของเราและดูแลบริเวณของเรา และเราจะให้เจ้ามีสิทธิที่จะเข้าไปท่ามกลางผู้ที่ยืนอยู่ที่นี่” แม้อยู่ท่ามกลางทูตสวรรค์ที่ล้อมรอบพระที่นั่งของพระเจ้า เศคาริยาห์ 3:3-7 {COL 169.2}COLTh 140.2

    พระคริสต์ไม่ได้ทรงหันไปจากผู้ที่พระองค์ทรงรัก โดยไม่ทรงคำนึงถึงความบกพร่องของประชากรของพระเจ้า พระองค์ทรงมีอำนาจเปลี่ยนเครื่องแต่งกายของเขาเหล่านี้ พระองค์ทรงนำเครื่องแต่งกายที่สกปรกออกไป ทรงสวมเสื้อแห่งความชอบธรรมของพระองค์ให้แก่ผู้ที่เชื่อและกลับใจ และทรงเขียนคำอภัยข้างชื่อของพวกเขาในหนังสือบันทึกของสวรรค์ พระองค์ทรงยอมรับพวกเขาเป็นของพระองค์ต่อจักรวาลแห่งสวรรค์ ซาตานผู้เป็นศัตรูนั้นเป็นผู้กล่าวหาและผู้หลอกลวง พระเจ้าประทานความยุติธรรมแก่ผู้เลือกสรรของพระองค์เอง {COL 169.3}COLTh 140.3

    คำอธิษฐาน “ ขอให้ความยุติธรรมแก่ดิฉันในการสู้ความเถิด” ไม่เพียงแต่ชี้ถึงตัวซาตาน แต่ยังชี้ไปถึงตัวแทนที่มารใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกลวง ในการล่อลวงและในการทำลายประชากรของพระเจ้า ผู้ที่ตัดสินใจเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้าจะมีความเข้าใจโดยผ่านประสบการณ์ว่าพวกเขามีศัตรูที่ถูกควบคุมโดยอำนาจจากเบื้องล่าง ศัตรูเหล่านี้ต่อต้านพระคริสต์ทุกย่างก้าวด้วยความตั้งใจและสม่ำเสมอเพียงใด ไม่มีมนุษย์คนไหนรู้ได้ สาวกของพระคริสต์ก็เหมือนกับพระอาจารย์ที่ถูกล่อลวงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน {COL 170.1}COLTh 141.1

    พระคัมภีร์บรรยายถึงสภาพของโลกในช่วงเวลาก่อนการเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสต์ อัครสาวกยากอบวาดภาพของการโลภและการกดขี่ที่มีอยู่ว่า “ ฟังให้ดีนะ พวกคนมั่งมี…ท่านสะสมสมบัติไว้สำหรับวาระสุดท้าย นี่แน่ะ ค่าจ้างของคนเหล่านั้นที่เกี่ยวข้าวในนาของพวกท่านที่ท่านฉ้อโกงไว้นั้นก็ฟ้องร้องขึ้น และเสียงร้องทุกข์ของคนงานเหล่านั้นที่เกี่ยวข้าวก็ดังไปถึงพระกรรณขององค์พระผู้เป็นเจ้าจอมทัพแล้ว ท่านทั้งหลายมีชีวิตอยู่ในโลกอย่างฟุ่มเฟือยและปล่อยตัว ทั้งยังบำรุงบำเรอจิตใจของท่านไว้เพื่อรอวันถูกฆ่า พวกท่านตัดสินลงโทษและฆ่าคนชอบธรรม และเขาก็ไม่ได้ต่อต้านท่าน” ยากอบ 5:1-6 นี่คือภาพที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ โดยการกดขี่และการเคี่ยวเข็ญทุกรูปแบบ มนุษย์กองสมบัติไว้มหาศาล ในขณะที่เสียงร้องของเพื่อนมนุษย์ผู้หิวโหยขึ้นไปยังพระเจ้า {COL 170.2} COLTh 141.2

    ความยุติธรรมก็หันกลับและความชอบธรรมก็ยืนอยู่แต่ไกลเพราะความจริงล้มเสียที่ลานเมือง และความเที่ยงตรงเข้าไปไม่ได้ ความจริงขาดหายไปและผู้พรากจากความชั่วก็ทำตัวเองถูกปล้น” อิสยาห์ 59:14 , 15 สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นตามนี้ในชีวิตของพระคริสต์บนโลก พระองค์ทรงภักดีต่อพระบัญญัติของพระเจ้า ไม่ทรงคำนึงถึงประเพณีและกฎระเบียบของมนุษย์ซึ่งถูกยกชูขึ้นมาแทน ด้วยเหตุนี้เองพระองค์จึงถูกเกลียดชังและถูกข่มเหง ประวัติศาสตร์นี้เกิดขึ้นซ้ำอีก กฎและประเพณีนิยมของมนุษย์ถูกยกชูขึ้นเหนือพระบัญญัติของพระเจ้าและผู้ที่สัตย์ซื่อต่อพระบัญญัติของพระเจ้าได้รับความทุกข์ด้วยการติเตียนและการข่มเหง เนื่องจากความซื่อสัตย์ของพระคริสต์ที่มีต่อพระเจ้า พระองค์ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ทำลายวันสะบาโตและหมิ่นประมาทพระเจ้า พระองค์ทรงถูกตราหน้าว่าถูกผีสิงและถูกเรียกว่าเป็นเบเอลเซบูล ผู้ติดตามของพระคริสต์จะถูกกล่าวหาและใส่ความในลักษณะเดียวกัน ฉะนั้นซาตานหวังที่จะนำพวกเขาให้ทำบาปและทำให้เกียรติยศของพระเจ้าเสื่อมเสียไป {COL 170.3}COLTh 141.3

    จากลักษณะของผู้พิพากษาในอุปมา ผู้ที่ไม่ยำเกรงพระเจ้าหรือเห็นแก่เพื่อนมนุษย์นั้น พระคริสต์ทรงแสดงให้เห็นถึงลักษณะและการตัดสินของการพิพากษาของสมัยนั้น และอีกไม่นานพวกเขาจะเป็นพยานในการพิพากษาพระองค์ พระองค์ทรงประสงค์ให้ประชากรของพระองค์ทุกยุคสมัยตระหนักว่าในวันแห่งความทุกข์ยากนั้นพวกเขาจะพึ่งผู้ปกครองหรือผู้พิพากษาได้มากน้อยเพียงใด บ่อยครั้งผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรไว้แล้วนั้นจะต้องยืนต่อหน้าเจ้าหน้าที่ของทางการผู้ซึ่งไม่ได้ใช้พระธรรมของพระเจ้าเป็นเครื่องนำทางและเป็นที่ปรึกษา แต่ปฏิบัติตามแรงกระตุ้นของความนึกคิดที่ไม่ได้รับการชำระและไร้กฎเกณฑ์ {COL 171.1}COLTh 142.1

    ในอุปมาของผู้พิพากษาที่อยุติธรรม พระคริสต์ทรงแสดงให้เห็นถึงแนวทางที่เราควรปฏิบัติ “พระเจ้าจะไม่ประทานความยุติธรรมแก่คนที่พระองค์ทรงเลือกไว้ คือพวกที่ร้องถึงพระองค์ทั้งกลางวันกลางคืนหรือ” ลูกา 18: 7 พระคริสต์ผู้ทรงเป็นแบบอย่างของเราไม่ได้ทรงกระทำการใดๆ เพื่อพิสูจน์พระองค์เองหรือช่วยตัวเอง พระองค์ทรงมอบภาระไว้กับพระเจ้า ฉะนั้นผู้ติดตามของพระองค์จึงไม่ควรกล่าวโทษหรือติเตียนหรือพยายามใช้กำลังเพื่อช่วยตัวเองให้รอดพ้น {COL 171.2}COLTh 142.2

    เมื่อการทดลองเกิดขึ้นที่ดูเหมือนไม่อาจจะอธิบายได้ เราไม่ควรปล่อยให้สันติสุขของเราถูกทำลาย ไม่ว่าเราจะได้รับการปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมเพียงใด อย่าปล่อยให้เกิดโทสะ ด้วยการปล่อยตัวให้หมกมุ่นอยู่ในวิญญาณแห่งการแก้แค้น เราจะทำลายตัวของเราเอง เราทำลายความวางใจของเราในพระเจ้าและทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เศร้าพระทัย ที่ข้างตัวเรามีพยานผู้หนึ่ง เป็นผู้สื่อข่าวชาวสวรรค์ผู้จะยกชูธงขึ้นให้เราต่อต้านศัตรู ท่านจะปกปิดเราไว้ด้วยแสงสว่างของดวงอาทิตย์แห่งความชอบธรรม เลยจากนี้ไป ซาตานบุกผ่านไปไม่ได้ มันก้าวข้ามเกราะของแสงบริสุทธิ์ไม่ได้ {COL 171.3}COLTh 142.3

    ในขณะที่โลกกำลังมุ่งหน้าไปสู่ความชั่วร้าย อย่าให้ผู้ใดคอยปลอบใจตัวเองว่าเราจะไม่พบกับความทุกข์ยาก แต่ความทุกข์ยากเหล่านี้แหละที่จะนำเราเข้าไปอยู่เบื้องพระที่นั่งของพระผู้สูงสุด เราแสวงหาคำปรึกษาจากพระองค์ผู้ทรงกอปรด้วยพระปัญญาอันไม่มีขอบเขตจำกัดได้ {COL 172.1}COLTh 143.1

    พระยาห์เวห์เจ้าตรัสว่า “จงร้องทูลเราในวันยากลำบาก” สดุดี 50:15 พระองค์ทรงเชื้อเชิญเราให้ทูลต่อพระองค์ในเรื่องความทุกข์ยากสับสน สิ่งที่จำเป็นและความต้องการของเราที่จะให้พระองค์ช่วยเรา พระองค์ตรัสสั่งให้ขะมักเขม้นอธิษฐาน ในทันทีที่ความยากลำบากเกิดขึ้น เราจะต้องเสนอคำอ้อนวอนที่จริงใจและร้อนรนต่อพระองค์ ด้วยคำอธิษฐานที่เร่งด่วน เราแสดงออกให้เห็นถึงการไว้วางใจอย่างมั่นคงของเราที่มีต่อพระเจ้า ความรู้สึกถึงความต้องการของเราจะนำเราไปสู่การอธิษฐานด้วยความจริงใจและพระบิดาผู้สถิตบนสวรรค์จะทรงตอบสนองต่อการวิงวอนของเรา {COL 172.2}COLTh 143.2

    บ่อยครั้งผู้ที่ตกลงสู่ความทุกข์ยากจากการตำหนิติเตียนหรือกดขี่ข่มเหงเพราะความเชื่อ ถูกทดลองให้คิดเอาเองว่าพระเจ้าละทิ้งพวกเขาเสียแล้ว ในสายตาของมนุษย์คนเหล่านี้เป็นคนกลุ่มน้อย จากรูปการภายนอกแล้วศัตรูของพวกเขาได้รับชัยชนะ แต่อย่าให้พวกเขาคิดผิดเช่นนี้ พระองค์ผู้ทรงทนทุกข์เพื่อทุกคนและเป็นผู้ทรงแบกความโศกเศร้าและความทุกข์ยากไม่ทรงทอดทิ้งพวกเขาเลย {COL 172.3}COLTh 143.3

    บุตรของพระเจ้าไม่ได้ถูกทอดทิ้งให้อยู่โดดเดี่ยวโดยไม่มีสิ่งปกป้อง คำอธิษฐานทำให้พระกรของพระผู้ทรงฤทธานุภาพอันไม่จำกัดเคลื่อนไหวเพื่อคุ้มครอง คำอธิษฐาน “ พิชิตอาณาจักรต่างๆ ปกครองด้วยความเที่ยงธรรม ได้รับสิ่งต่างๆ ที่ทรงสัญญาไว้ ได้ปิดปากสิงโต ได้ดับไฟที่ไหม้อย่างรุนแรง” เมื่อเราฟังเรื่องของผู้ที่ยอมพลีชีพเพื่อความเชื่อแล้ว เราจะเข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้หมายความว่าอะไรจนทำให้ “มีกำลังมากในการทำสงคราม ได้ตีกองทัพประเทศอื่นๆ แตกพ่ายไป” ฮีบรู 11:33, 34 {COL 172.4}COLTh 143.4

    หากเรามอบถวายชีวิตเพื่อรับใช้พระองค์ เราจะไม่ตกอยู่ในสภาพที่พระเจ้าไม่ได้ทรงจัดเตรียมให้ ไม่ว่าสภาพการณ์ของเราจะเป็นอย่างไร เรามีพระผู้นำทางที่ทรงนำทางเรา ไม่ว่าความกังวลของเราเป็นเช่นไร เรามีพระผู้ทรงปรึกษาที่ไม่แปรเปลี่ยน ไม่ว่าความโศกเศร้า ความเสียใจ ความเหงาของเราเป็นเช่นไร เรามีพระผู้ทรงเป็นสหายที่เห็นใจ แม้ในความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เราทำผิดไป พระคริสต์ไม่ทรงละทิ้งเรา เราจะได้ยินพระสุรเสียงอันใสและชัดเจนตรัสว่า “ เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต” ยอห์น 14:6 “ท่านจะช่วยกู้คนขัดสนผู้ทูลขอความช่วยเหลือ ช่วยกู้คนยากจน และคนที่ไร้ผู้อุปถัมภ์” สดุดี 72:12 {COL 173.1}COLTh 144.1

    พระยาห์เวห์ทรงประกาศว่า พระองค์ทรงได้รับเกียรติจากผู้ที่เข้ามาใกล้พระองค์ ผู้ที่รับใช้พระองค์อย่างสัตย์ซื่อ “ พระองค์จะทรงพิทักษ์ผู้มีใจแน่วแน่ไว้ในสวัสดิภาพที่สมบูรณ์เพราะเขาวางใจในพระองค์” อิสยาห์ 26:3 พระกรของพระผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุดทรงยื่นออกเพื่อนำเราก้าวต่อไปเรื่อยๆ พระยาห์เวห์ตรัสว่า จงเดินขึ้นหน้าไป เราจะส่งความช่วยเหลือมาให้เจ้า การที่เจ้าขอและได้นั้นก็เพื่อที่นามเราจะได้รับเกียรติยศ เราจะได้รับเกียรติต่อหน้าผู้ที่คอยจ้องในความล้มเหลวของเจ้า พวกเขาจะเห็นถ้อยคำของเรารับชัยชนะอย่างมีสง่าราศี “ทุกสิ่งที่ท่านอธิษฐานขอด้วยความเชื่อก็จะได้” มัทธิว 21:22 {COL 173.2} COLTh 144.2

    ขอให้ทุกคนที่มีความทุกข์ หรือถูกใช้อย่างอยุติธรรม จงร้องทูลพระเจ้า หันไปจากคนทั้งหลายที่มีใจแข็งดั่งเหล็ก และเสนอความต้องการแด่พระผู้ทรงสร้างท่าน ไม่เคยมีผู้ใดเลยที่เข้ามาหาพระองค์ด้วยจิตใจที่โศกเศร้าจะได้รับการปฏิเสธ ไม่มีคำอธิษฐานที่จริงใจจะสูญหายไป ท่ามกลางเพลงสรรเสริญของนักร้องชาวสวรรค์ทั้งหลาย พระเจ้าทรงสดับเสียงร้องของมนุษย์ที่อ่อนแอที่สุด ความต้องการของจิตใจที่เราเสนอจากภายในห้องมิดชิด COLTh 144.3

    คำอธิษฐานที่เราทูลขอไปขณะที่เดินทางและคำทูลขอของเราไปถึงบัลลังก์ของพระราชาแห่งจักรวาล คำเหล่านั้นหูมนุษย์อาจไม่ได้ยิน แต่คำทูลของคนเหล่านนั้นจะไม่จางหายไปหรือสูญหายไปในท่ามกลางการงานในธุรกิจที่ดำเนินอยู่ ไม่มีสิ่งใดสามารถปิดบังความต้องการของจิตวิญญาณ ความต้องการนั้นจะดังขึ้นเหนือเสียงวุ่นวายของถนน เหนือความวุ่นวายของฝูงชน ขึ้นไปยังพระราชสำนักแห่งสวรรค์ เพราะเราทูลขอต่อพระเจ้าและพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐานของเรา {COL 174.1}COLTh 145.1

    ท่านที่คิดว่าตนเองเป็นผู้ที่ไร้คุณค่า จงอย่ากลัวที่จะมอบภาระให้กับพระเจ้า เมื่อพระองค์ประทานตัวของพระองค์เองโดยผ่านพระคริสต์เพื่อบาปของโลก ก็ทรงสนพระทัยในจิตวิญญาณทุกดวง “ พระองค์ผู้ไม่ทรงหวงพระบุตรของพระองค์เอง แต่ประทานพระบุตรนั้นเพื่อเราทุกคน ถ้าเช่นนั้นพระองค์จะไม่ประทานสิ่งสารพัดให้เราด้วยกันกับพระบุตรนั้นหรือ” โรม 8:32 พระองค์จะไม่ทรงโปรดประทานพระวจนะแห่งพระกรุณาเพื่อหนุนใจและเสริมกำลังแก่เราหรือ {COL 174.2}COLTh 145.2

    พระคริสต์ไม่ทรงคาดหวังสิ่งใดมากไปกว่าการที่จะทรงไถ่มรดกของพระองค์จากการครอบงำของซาตาน แต่ก่อนที่เราจะได้รับการปลดปล่อยจากอำนาจของซาตานจากภายนอกนั้น เราจะต้องได้รับการช่วยกู้ออกจากกำลังของมันจากภายในเสียก่อน พระยาห์เวห์ทรงอนุญาตให้มีการทดลองเพื่อเราจะได้รับการชำระจากทางโลก จากการเห็นแก่ตัว จากลักษณะอุปนิสัยที่หยาบกร้านไม่เหมือนพระคริสต์ พระองค์ทรงอนุญาตให้กระแสน้ำแห่งความทุกข์ยากไหลผ่านจิตวิญญาณของเรา เพื่อให้เรารู้จักพระองค์และพระเยซูคริสต์ผู้ที่พระองค์ทรงใช้มาเพื่อให้เรามีความหวังใจอย่างลึกซึ้งในการชำระจากมลทินและหลุดพ้นจากการทดลอง ให้มีชีวิตที่สะอาดกว่าเดิม บริสุทธิ์กว่าเดิมและมีความสุขมากกว่าเดิม บ่อยครั้งที่เราเข้าสู่เตาไฟแห่งการทดลองด้วยจิตวิญญาณที่ดำมืดด้วยความเห็นแก่ตัว หากเรามีความอดทนในการทดสอบที่โหดร้ายนี้ เราจะหลุดพ้นออกมามีชีวิตที่สะท้อนพระลักษณะนิสัยของพระองค์ เมื่อพระประสงค์ในความทุกข์ยากสัมฤทธิ์ผล “พระองค์จะทรงให้ความชอบธรรมของท่านปรากฏอย่างความสว่างและให้ความยุติธรรมของท่านปรากฏอย่างเที่ยงวัน” สดุดี 37:6 {COL 174.3}COLTh 145.3

    หากพระเจ้าจะปฏิเสธไม่ตอบคำอธิษฐานแก่ประชากรของพระองค์ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องวิตก ภัยอันตรายจะเกิดจากการท้อถอยขณะตกอยู่ในการทดลองและการล่อลวงเพราะไม่เพียรทนในการอธิษฐาน {COL 175.1}COLTh 146.1

    พระผู้ช่วยให้รอดทรงสำแดงความเมตตาต่อหญิงชาวฟีนีเชีย พระทัยของพระองค์ทรงเปี่ยมด้วยความเห็นใจต่อความทุกข์ของเธอ พระองค์ทรงปรารถนาที่จะให้เธอรับความมั่นใจทันทีว่าคำอธิษฐานของเธอพระองค์ทรงสดับฟังแล้ว แต่พระองค์มีพระประสงค์ที่จะสอนบทเรียนแก่สาวกทั้งหลายและชั่วเวลาหนึ่งดูเหมือนว่าพระองค์ทรงเพิกเฉยต่อการร้องทูลขอจากจิตใจที่แตกสลายของเธอ เมื่อความเชื่อเธอได้เปิดเผยออกมา พระองค์ตรัสคำเยินยอและให้เธอจากไปด้วยความหวังอันมีค่าตามที่ขอ สาวกไม่เคยลืมบทเรียนนี้และบันทึกไว้เพื่อให้เห็นถึงผลของการอธิษฐานอย่างไม่หยุดหย่อน {COL 175.2}COLTh 146.2

    พระคริสต์เองทรงเป็นผู้ที่ใส่ความเพียรไว้ในจิตใจของคุณแม่ ผู้ไม่ยอมท้อถอย พระคริสต์เองทรงเป็นผู้ประทานความกล้าหาญและความตั้งใจแก่หญิงม่ายในการเข้ามาหาผู้พิพากษา เมื่อหลายศตวรรษก่อนในการปล้ำสู้อย่างลึกลับที่ริมฝั่งแม่น้ำยับบอก พระคริสต์เองทรงเป็นผู้ดลใจยาโคบด้วยความเชื่อที่เพียรพยายามเช่นเดียวกัน และความไว้วางใจที่พระองค์เองทรงปลูกฝังไว้นั้น พระองค์ไม่ได้ละเลยที่จะตอบแทน {COL 175.3}COLTh 146.3

    พระองค์ผู้ประทับอยู่ในพลับพลาแห่งสวรรค์ทรงพิพากษาด้วยความชอบธรรม พระองค์ทรงพอพระทัยในประชากรทั้งหลายของพระองค์ที่ต้องดิ้นรนต่อสู้กับการทดลองในโลกแห่งบาปมากยิ่งกว่าหมู่ทูตสวรรค์ที่ล้อมรอบพระที่นั่งของพระองค์ {COL 176.1} COLTh 146.4

    ณ จุดเล็กๆ นี้ของโลก ทั่วทั้งจักรวาลแสดงออกถึงความสนใจอันยิ่งใหญ่ เพราะพระคริสต์ทรงชำระค่าไถ่ด้วยราคาอันประเมินค่าไม่ได้เพื่อแลกจิตวิญญาณที่อาศัยอยู่ในที่นี้ พระผู้ไถ่ของโลกทรงเชื่อมโยงโลกกับสวรรค์ด้วยสายเชื่อมของชาวสวรรค์ เพราะผู้ที่ได้รับการไถ่ของพระเจ้าอยู่ที่นี่ ชาวสวรรค์ยังคงเยี่ยมเยียนโลกเหมือนครั้งสมัยที่มาดำเนินและสนทนากับอับราฮัมและโมเสส ท่ามกลางกิจกรรมอันวุ่นวายสับสนของเมืองใหญ่ ท่ามกลางฝูงชนที่แออัดบนทางหลวงและศูนย์กลางธุรกิจ ที่ๆ ซึ่งตั้งแต่เช้าจรดเย็น ผู้คนเหล่านั้นมีชีวิตทำธุรกิจและดูกีฬาและสนุกสนานกับสิ่งบันเทิงเหมือนกับว่าทั้งหมดนี้คือชีวิต มีคนน้อยนักที่จะไตร่ตรองถึงความจริงที่ไม่อาจมองเห็นได้ แม้แต่ที่นี่สวรรค์ยังเฝ้ามองดูและมีเหล่าผู้บริสุทธิ์เฝ้าสังเกต มีผู้แทนที่ตาเปล่ามองไม่เห็นคอยสังเกตทุกคำพูดและการกระทำทุกอย่างของมนุษย์ ในทุกการชุมนุมทางธุรกิจและการบันเทิง ในทุกสถานที่นมัสการจะมีผู้ฟังเป็นจำนวนมากเกินกว่าที่ตาเปล่าจะมองเห็น บางครั้งชาวสวรรค์รูดม่านซึ่งบดบังโลกอีกโลกที่ตามนุษย์มองไม่เห็นออกเพื่อให้ความคิดหันเหออกจากการเร่งรัดและเร่งรีบของชีวิต มาเพื่อไตร่ตรองว่ามีพยานในอีกโลกที่มองไม่เห็นนั้นคอยเฝ้าดูการกระทำหรือคำพูดของเรา {COL 176.2} COLTh 146.5

    เราต้องทำความเข้าใจในภารกิจของทูตสวรรค์ผู้มาเยือนให้ดียิ่งขึ้น จะเป็นการดีอย่างยิ่งที่จะคำนึงว่าในการงานของเราทุกอย่าง เรามีผู้ร่วมงานและมีผู้คอยดูแลเอาใจใส่จากชาวสวรรค์ กองทัพแห่งความสว่างและฤทธิ์อำนาจที่ตาเปล่ามองไม่เห็นจะอยู่เคียงข้างผู้ที่มีใจอ่อนสุภาพและถ่อม เป็นผู้มีใจเชื่อและอ้างพระสัญญาของพระเจ้า เครูบและเสราฟิมและทูตสวรรค์ผู้มีพละกำลังยิ่งใหญ่ นับหมื่นนับแสนยกกำลังยืนอยู่ที่พระหัตถ์ข้างขวาเป็น “ วิญญาณที่รับใช้พระเจ้า ที่ทรงส่งไปปรนนิบัติบรรดาคนที่จะได้รับความรอด” ฮีบรู 1:14 COLTh 147.1

    ทูตสวรรค์ผู้สื่อข่าวเหล่านี้จดบันทึกคำพูดและการกระทำของบรรดาบุตรของมนุษย์ การกระทำอันโหดร้ายหรืออยุติธรรมทุกอย่างที่ทำต่อประชากรของพระเจ้า ทุกคนที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดความทุกข์ยากโดยอำนาจของสมุนชั่วของมารจะถูกจดบันทึกไว้ในสวรรค์ {COL 177.1}COLTh 147.2

    พระเจ้าจะไม่ประทานความยุติธรรมแก่คนที่พระองค์ทรงเลือกไว้คือพวกที่ร้องถึงพระองค์ทั้งกลางวันกลางคืนหรือ พระองค์จะทรงอดทนได้หรือ เราบอกพวกท่านว่า พระองค์จะประทานความยุติธรรมแก่พวกเขาโดยเร็ว” ลูกา 18:7, 8 {COL 177.2}COLTh 147.3

    อย่าละทิ้งความไว้วางใจของท่าน อันจะนำมาซึ่งบำเหน็จยิ่งใหญ่ ท่านทั้งหลายจำเป็นต้องมีความทรหดอดทน เพื่อท่านจะสามารถทำตามพระทัยของพระเจ้าได้ แล้วท่านก็จะได้รับสิ่งที่ทรงสัญญาไว้นั้น เพราะอีกเพียงไม่นาน พระองค์ผู้จะเสด็จมาก็เสด็จมาและจะไม่ทรงชักช้า” ฮีบรู 10:35 — 37 COLTh 147.4

    เพราะฉะนั้น พี่น้องเอ๋ย จงอดทนจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา ดูซิ ชาวนายังรอคอยพืชผลอันล้ำค่าที่จะได้จากแผ่นดิน อดทนรอยคอยจนกว่าฝนต้นฤดูและฝนชุกปลายฤดูจะมา ท่านทั้งหลายก็ต้องอดทนอย่างนั้น จงทำใจให้ดีไว้ เพราะการเสด็จมาขององค์พระผู้เป็นเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว” ยากอบ 5:7, 8 {COL 177.3}COLTh 148.1

    การอดทนนานของพระเจ้าน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ความยุติธรรมรอคอยมานานแล้ว ในขณะที่ยังร้องขอให้คนบาปรับความเมตตา แต่ “ ความชอบธรรมและความยุติธรรมเป็นรากฐานแห่งพระบัลลังก์ของพระองค์” สดุดี 97:2 “พระยาห์เวห์กริ้วช้า” แต่พระองค์ “ ทรงฤทธานุภาพใหญ่ยิ่ง พระยาห์เวห์จะไม่ทรงปล่อยให้คนผิดลอยนวล พระมรรคาของพระองค์อยู่ในพายุหมุนและพายุและเมฆเป็นผงคลีแห่งพระบาทของพระองค์” นาฮูม 1:3 {COL 177.4}COLTh 148.2

    โลกละเมิดพระบัญญัติของพระเจ้าอย่างอาจหาญ เพราะความอดทนนานของพระองค์ มนุษย์เหยียบย่ำสิทธิอำนาจของพระองค์ พวกเขาช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อกดขี่และทารุณมรดกของพระองค์โดยกล่าวว่า “ พระเจ้าทรงทราบได้อย่างไร พระเจ้าผู้สูงสุดมีความรู้หรือ” สดุดี 73:11 แต่มีเส้นขวางกั้นเส้นหนึ่งที่เขาผ่านไปไม่ได้ เวลาใกล้จะถึงแล้วเมื่อพวกเขาจะไปถึงขอบเขตที่บ่งไว้ แม้ขณะนี้พวกเขาก็เกือบจะละเมิดขีดความอดทนนานของพระเจ้า คือขีดจำกัดของพระกรุณาธิคุณของพระองค์ ขีดจำกัดของพระเมตตาของพระองค์ พระองค์จะทรงเข้าขัดขวางเพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงพระเกียรติของพระองค์เอง เพื่อทรงช่วยกู้ประชากรของพระองค์ และเพื่อกดความอธรรมที่พองตัวไว้ {COL 177.5} COLTh 148.3

    ในสมัยของโนอาห์ มนุษย์ละเลยพระบัญญัติของพระเจ้าจนกระทั่งความทรงจำทั้งหมดที่เกี่ยวกับพระเจ้าอันตรธานไปจากโลก ความชั่วของพวกเขาทะยานสูงขึ้นจนกระทั่งพระยาห์เวห์นำน้ำมาท่วมโลกและกวาดล้างคนชั่วไป {COL 178.1} COLTh 148.4

    ในแต่ละยุคพระยาห์เวห์ทรงเปิดเผยวิธีการทำงานของพระองค์ เมื่อวิกฤตการณ์มาถึง พระองค์ทรงเปิดเผยพระองค์เองและทรงเข้าขัดขวางการทำงานตามแผนการของซาตาน บ่อยครั้งพระองค์ทรงอนุญาตให้เหตุการณ์ในประเทศชาติ ในครอบครัว ในตัวบุคคลทำให้เกิดวิกฤตการณ์เพื่อให้การทรงเข้าขัดขวางของพระองค์จะถูกเปิดเผยให้เห็นเด่นชัดขึ้น จากนั้นก็จะทรงสำแดงให้เห็นว่ามีพระเจ้าองค์หนึ่งในอิสราเอลผู้ทรงรักษาพระบัญญัติของพระองค์ไว้และทรงช่วยกู้ประชากรของพระองค์ {COL 178.2}COLTh 148.5

    ในขณะที่ความชั่วร้ายแพร่ขยายออกไป ขอให้เรารู้ว่าวิกฤตการณ์ลยิ่งใหญ่ครั้งสุดท้ายกำลังเข้ามาใกล้แล้ว เมื่อการท้าทายไม่เชื่อฟังพระบัญญัติแพร่ไปเกือบทั่วโลก เมื่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันกดขี่ข่มเหงและทรมานประชากรของพระเจ้า พระยาห์เวห์จะทรงเข้าขัดขวาง {COL 178.3} COLTh 149.1

    เวลาใกล้จะมาถึงแล้ว เมื่อพระองค์จะตรัสว่า “ มาเถิด ชนชาติของข้าพเจ้าเอ๋ย จงเข้าในห้องของท่านและปิดประตูเสีย จงซ่อนตัวเจ้าอยู่สักพักหนึ่ง จนกว่าพระพิโรธจะผ่านไป เพราะดูเถิด พระยาห์เวห์กำลังเสด็จออกมาจากสถานที่ของพระองค์ เพื่อลงโทษชาวแผ่นดินโลกเพราะความบาปผิดของเขาทั้งหลายและแผ่นดินโลกจะเผยโลหิต ซึ่งหลั่งอยู่บนมันและจะไม่ปิดบังผู้ถูกฆ่าของมันไว้อีก” อิสยาห์ 26:20, 21 ขณะนี้ผู้ที่อ้างตนว่าเป็นคริสเตียนอาจคดโกงและกดขี่ผู้ยากไร้ พวกเขาอาจปล้นหญิงม่ายและเด็กกำพร้า พวกเขาอาจปล่อยตัวทำตามความเกลียดชังแบบซาตาน เพราะพวกเขาไม่อาจควบคุมจิตใต้สำนึกของประชากรพระเจ้าได้ แต่สำหรับเรื่องทั้งหมดนี้พระเจ้าจะทรงนำเข้าสู่การพิพากษา “การพิพากษาย่อมไม่เมตตาต่อคนที่ไม่แสดงความเมตตา” ยากอบ 2:13 ไม่นานจากนี้ไปพวกเขาจะยืนอยู่เบื้องพระองค์ผู้พิพากษาของทั่วโลก เพื่อให้การกับความเจ็บปวดที่พวกเขาทำต่อร่างกายและจิตวิญญาณของมรดกของพระองค์ ขณะนี้พวกเขาอาจหมกมุ่นอยู่กับการใส่ร้ายอันเทียมเท็จ พวกเขาอาจเยาะเย้ยผู้ที่พระเจ้าทรงแต่งตั้งให้ทำงานของพระองค์ พวกเขาอาจออกคำสั่งขังผู้เชื่อของพระองค์ไว้ในคุก ล่ามโซ่ไว้ด้วยกัน เนรเทศและฆ่าให้ตาย แต่สำหรับความเจ็บปวดแต่ละครั้ง น้ำตาแต่ละหยดที่ไหลออกมาพวกเขาจะต้องรับผิดชอบ พระเจ้าจะทรงตอบแทนบาปของพวกเขาสองเท่า พระองค์ตรัสกับผู้รับใช้ของพระองค์ในการพิพากษาเกี่ยวกับกรุงบาบิโลนซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคริสตจักรที่หันหลังให้กับความเชื่อว่า “ บาปของนครนั้นกองสูงขึ้นถึงสวรรค์แล้ว และพระเจ้าทรงจำการอธรรมของนครนั้นแล้ว จงทำกับนครนั้นเหมือนอย่างที่นครนั้นเคยทำกับคนอื่น และจงตอบแทนการกระทำของนครนั้นเป็นสองเท่า ในถ้วยที่นครนั้นได้ผสมไว้ ก็จงผสมเหล้าลงไปเป็นสองเท่า” วิวรณ์ 18:5, 6 {COL 178.4}COLTh 149.2

    จากประเทศอินเดีย อาฟริกา จีน หมู่เกาะของมหาสมุทรและดินแดนต่างๆ ที่ชื่อว่าเป็นดินแดนของคริสเตียน เสียงร้องทุกข์ของมนุษย์ขึ้นไปยังพระเจ้า อีกไม่นานเสียงนั้นจะได้รับการตอบสนอง พระเจ้าจะทรงล้างความเสื่อมทรามของศีลธรรมออกไปจากโลก ไม่ใช่ด้วยน้ำท่วมเหมือนเช่นสมัยของโนอาห์แต่ด้วยทะเลเพลิงที่ไม่อาจดับได้ด้วยวิธีการใดๆ ของมนุษย์ {COL 179.1} COLTh 150.1

    จะมีเวลายากลำบากอย่างไม่เคยมีมาตั้งแต่ครั้งมีประชาชาติจนถึงสมัยนั้น แต่ในครั้งนั้นชนชาติของท่านจะได้รับการช่วยกู้ คือทุกคนที่มีชื่อบันทึกไว้ในหนังสือ ” ดาเนียล 12:1 {COL 179.2} COLTh 150.2

    พระคริสต์จะทรงรวบรวมบุตรทั้งหลายของพระองค์จากห้องคุกใต้ดิน จากที่กักขัง จากแดนประหาร จากภูเขาและทะเลทราย จากถ้ำของโลกและใต้ท้องทะเล ขณะที่อยู่ในโลกพวกเขาสิ้นเนื้อประดาตัว มีความทุกข์ลำเค็ญและทรมาน คนนับล้านไปสู่หลุมฝังศพด้วยชื่อเสียงที่เสียไปเพราะพวกเขาปฏิเสธที่จะยอมต่อการกล่าวอ้างหลอกลวงของซาตาน โดยการพิพากษาของศาลมนุษย์ บุตรของพระเจ้าถูกกล่าวหาว่าเป็นนักโทษที่ชั่วที่สุด แต่วันนั้นใกล้เข้ามาแล้วเมื่อ “ พระเจ้านั่นแหละทรงเป็นผู้พิพากษา” สดุดี 50:6 แล้วการตัดสินใจของโลกจะพลิกกลับ พระองค์ “จะทรงเอาการลบหลู่แห่งชนชาติของพระองค์ไปจากทั้งแผ่นดินโลก” อิสยาห์ 25:8 จะมีการมอบเสื้อสีขาวให้แก่เขาทุกคน วิวรณ์ 6:11 “และคนทั้งหลายจะเรียกพวกเขาว่าชนชาติบริสุทธิ์ ผู้รับการไถ่ไว้แล้วของพระยาห์เวห์” อิสยาห์ 62:12 {COL 179.3}COLTh 150.3

    ไม่ว่าพวกเขาจะถูกเรียกให้แบกกางเขนชนิดใด ไม่ว่าจะมีการสูญเสียไปมากเพียงไร ไม่ว่าคนเหล่านี้ได้รับการทรมานจากการกดขี่เพียงไร แม้กระทั่งการสูญเสียชีวิตในโลกนี้ บุตรทั้งหลายของพระเจ้าจะได้รับการตอบแทนอย่างเต็มที่ “พวกเขาจะเห็นพระพักตร์พระองค์และพระนามของพระองค์จะอยู่บนหน้าผากของเขาทั้งหลาย ” วิวรณ์ 22:4 {COL 179.4}COLTh 150.4

    *****