Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents
อุทาหรณ์จากคำสอนของพระคริสต์ - Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First

    บทที่ 17 - “ขอเอาไว้ปีนี้อีก”

    อ้างอิงจากลูกา 13:1-9

    ในคำสอนของพระคริสต์ พระองค์ทรงเชื่อมคำตักเตือนเรื่องของการพิพากษาเข้ากับคำเชื้อเชิญแห่งความเมตตา พระองค์ตรัสว่า “เพราะว่าบุตรมนุษย์ไม่ได้มาเพื่อทำลายชีวิตมนุษย์แต่มาเพื่อช่วยเขาทั้งหลายให้รอด” ลูกา 9:56 “เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก ไม่ใช่เพื่อพิพากษาโลก แต่เพื่อช่วยกู้โลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น” ยอห์น 3:17 พระราชกิจแห่งความเมตตาของพระองค์ที่เกี่ยวกับความยุติธรรมและการพิพากษาของพระเจ้าได้เปิดเผยออกมาให้เห็นในอุปมาต้นมะเดื่อไม่มีผล {COL 212.1}COLTh 177.1

    พระคริสต์ทรงตักเตือนประชาชนถึงแผ่นดินของพระเจ้าที่กำลังมาใกล้และพระองค์ยังทรงตำหนิพวกเขาอย่างรุนแรงถึงความไม่รู้และไม่เอาใจใส่ของพวกเขา พวกเขาเข้าใจเครื่องหมายในท้องฟ้าเกี่ยวกับดินฟ้าอากาศ แต่สำหรับเครื่องหมายแห่งกาลเวลาที่ชี้ชัดไปถึงพระราชกิจของพระองค์ พวกเขากลับมองไม่เห็น {COL 212.2}COLTh 177.2

    แต่มนุษย์ในสมัยนั้นก็เหมือนกับสมัยนี้ที่พร้อมจะทึกทักว่าตนเป็นที่โปรดปรานของสวรรค์ และว่าข่าวการตักเตือนนั้นมีไว้ให้แก่ผู้อื่น ผู้ฟังเหล่านี้บอกพระเยซูถึงเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อไม่นานมานี้ซึ่งทำให้เกิดความตื่นตระหนกอย่างมากยิ่ง มาตรการบางประการที่ปอนทีอัสปีลาตเจ้าเมืองยูเดียทำให้ประชาชนไม่พอใจ มีเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้นในกรุงเยรูซาเล็ม ปีลาตพยายามทำให้สงบลงโดยการใช้ความรุนแรง มีอยู่ครั้งหนึ่ง ทหารของปีลาตบุกเข้าไปในบริเวณพระวิหารและสังหารคนนมัสการชาวกาลิลีที่กำลังลงมือถวายเครื่องเผาบูชาอยู่ ชาวยิวถือว่าเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นการพิพากษาลงโทษบาปของคนเหล่านั้นและคนที่บอกเล่าเหตุการณ์รุนแรงนี้พูดออกมาด้วยความพึงพอใจอย่างลับๆ ในความเห็นของพวกเขา ถือว่าโชคดี แสดงว่าพวกเขาเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้ามากกว่าพวกชาวกาลิลีเหล่านั้น พวกเขาหวังอย่างไม่ต้องสงสัยว่าจะได้ยินพระเยซูทรงตำหนิคนเหล่านั้นที่สมควรได้รับการลงโทษเช่นนั้น {COL 212.3}COLTh 178.1

    สาวกทั้งหลายของพระคริสต์ไม่กล้าเอ่ยปากออกความคิดเห็นจนกว่าพวกเขาจะได้ฟังความคิดเห็นของพระอาจารย์แล้ว พระองค์ประทานบทเรียนที่ชี้ให้เห็นอย่างเด่นชัดถึงการพิพากษาอุปนิสัยของผู้อื่น และมาตรการของผลกรรมสนองตามความเข้าใจอันจำกัดของพวกเขา ถึงกระนั้นพวกเขายังมองไปยังพระคริสต์หวังที่จะให้พระองค์ประณามคนเหล่านี้ว่าบาปหนากว่าผู้อื่น คำตอบของพระองค์สร้างความประหลาดใจต่อพวกเขาอย่างยิ่ง {COL 213.1}COLTh 178.2

    พระผู้ช่วยให้รอดทรงหันไปยังฝูงชนและตรัสว่า “ท่านทั้งหลายคิดว่าชาวกาลิลีเหล่านั้นเป็นคนบาปยิ่งกว่าชาวกาลิลีอื่นๆ ทั้งหมด เพราะพวกเขาต้องทนทุกข์อย่างนั้นหรือ เราบอกพวกท่าน ไม่ใช่ แต่ท่านเองถ้าไม่กลับใจใหม่ก็จะต้องพินาศเหมือนกัน” ลูกา 13:2, 3 เหตุการณ์ร้ายเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อนำพวกเขาให้ถ่อมจิตใจลงและกลับใจใหม่จากบาป พายุแห่งการแก้แค้นกำลังก่อตัวขึ้นในอีกไม่นาน มันจะกระหนำคนทั้งปวงที่ไม่ได้เข้าลี้ภัยในพระคริสต์{COL 213.2}COLTh 178.3

    ขณะที่พระเยซูตรัสกับสาวกและฝูงชน พระองค์ทอดพระเนตรไปยังเหตุการณ์ในภายภาคหน้าตามคำพยากรณ์และทรงเห็นกองทหารล้อมกรุงเยรูซาเล็มไว้ พระองค์ทรงได้ยินเสียงฝีเท้าของคนต่างชาติสวนสนามเข้ามายังเมืองที่ได้รับการคัดเลือกสรรไว้และทอดพระเนตรเห็นคนนับเป็นพันๆ พินาศไปเพราะเมืองถูกล้อม มีชาวยิวจำนวนมากเหมือนเช่นชาวกาลิลีที่ถูกสังหารในบริเวณพระวิหารในขณะกำลังถวายเครื่องเผาบูชา เหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นกับบุคคลเหล่านี้เป็นคำการตักเตือนจากพระเจ้าแก่ประเทศชาติที่มีความผิดในลักษณะเดียวกัน พระเยซูตรัสว่า “แต่ถ้าท่านทุกคนไม่กลับใจใหม่ก็จะต้องพินาศเช่นกัน” ลูกา 13:5 เวลาแห่งความกรุณาสำหรับพวกเขามีเหลืออีกไม่มากนัก ยังพอมีเวลาที่จะให้เรียนรู้ถึงสิ่งที่ให้ความสงบสุขที่แท้ของพวกเขา {COL 213.3}COLTh 179.1

    พระองค์ตรัสอุปมาต่อไปว่า “ชายคนหนึ่งปลูกต้นมะเดื่อเทศต้นหนึ่งไว้ในสวนองุ่นของตน และเขามาหาผลที่ต้นนั้นแต่ไม่พบ เขาจึงพูดกับผู้ที่รักษาเถาองุ่นว่า นี่แนะ เรามาหาผลที่ต้นมะเดื่อนี้สามปีแล้ว แต่ไม่พบ จงโค่นมันทิ้งไป จะให้ดินจืดไปเปล่าๆ ทำไม” ลูกา 13:6, 7 {COL 214.1}COLTh 179.2

    ผู้ฟังถ้อยคำของพระคริสต์ไม่ได้เข้าใจความหมายพระดำรัสของพระองค์ผิดไป กษัตริย์ดาวิดร้องเพลงกล่าวว่าอิสราเอลเป็นเหมือนเถาองุ่นที่นำออกไปจากประเทศอียิปต์ อิสยาห์บันทึกว่า “ เพราะว่าสวนองุ่นของพระยาห์เวห์จอมทัพคือวงศ์วานอิสราเอล และคนยูดาห์ เป็นต้นไม้ที่พระองค์ทรงชื่นชอบ” อิสยาห์ 5:7 ต้นมะเดื่อเทศที่อยู่ในสวนของพระยาห์เวห์ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลรักษาและพระพรพิเศษของพระองค์เป็นสัญลักษณ์แทนคนทั้งหลายที่พระผู้ช่วยเสด็จมาเพื่อเขา {COL 214.2}COLTh 179.3

    พระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับประชากรของพระองค์และสง่าราศีที่น่าจะได้รับอยู่ต่อหน้าพวกเขานั้นได้รับการบันทึกเป็นถ้อยคำอันไพเราะว่า “แล้วคนจะเรียกพวกเขาว่าต้นโอ๊กแห่งความชอบธรรม ที่พระยาห์เวห์ทรงปลูกไว้เพื่อสำแดงพระสิริของพระองค์” อิสยาห์ 61:3 ขณะที่ยาโคบใกล้สิ้นอายุไข ได้กล่าวภายใต้การดลใจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ถึงบุตรชายอันเป็นที่รักว่า โยเซฟเป็นกิ่งที่เกิดผล เป็นกิ่งที่เกิดผลอยู่ริมบ่อน้ำ มีกิ่งเลื้อยบนกำแพง” และท่านพูดต่อว่า “โดยพระเจ้าของบิดาเจ้าผู้ทรงช่วยเจ้า โดยพระเจ้าทรงมหิทธิฤทธิ์ ผู้ทรงอวยพระพรแก่เจ้า ด้วยพรที่มาจากฟ้าเบื้องบน พรที่มาจากที่ลึกเบื้องล่าง” ปฐมกาล 49:22, 25 ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าทรงปลูกอิสราเอลไว้เป็นเถาองุ่นที่ดีเลิศข้างบ่อน้ำแห่งชีวิต พระองค์ทรงตั้งสวนองุ่น “อยู่บนเนินเขาอันอุดมยิ่ง” พระองค์ทรง “ [ล้อมรั้ว] เก็บก้อนหินออกหมด และปลูกเถาองุ่นอย่างดีไว้” อิสยาห์ 5:1, 2 {COL 214.3}COLTh 179.4

    “ท่านคาดหวังว่ามันจะเกิดผลองุ่น[หวาน] แต่มันกลับเกิดผลเปรี้ยว” อิสยาห์ 5:2 ประชาชนในสมัยพระเยซู อวดตัวว่ามีความเชื่อในศาสนามากกว่าชาวยิวในยุคก่อนๆ แต่พวกเขากลับขาดพระคุณแห่งพระวิญญาณของพระเจ้ามากยิ่งกว่า ผลแห่งอุปนิสัยอันทรงคุณค่าที่ทำให้ชีวิตของโยเซฟหอมหวนและงดงามกลับไม่ได้ปรากฏในชนชาติยิวเลยแม้แต่น้อย {COL 215.1}COLTh 180.1

    พระเจ้าในสภาพของพระบุตรกำลังแสวงหาผล แต่หาพบไม่ อิสราเอลกลายเป็นผู้ทำให้ผืนดินรกร้าง การตั้งอยู่ของชาติอิสราเอลกลายเป็นคำแช่งสาป เพราะว่าชนชาตินี้ได้ยึดพื้นที่ในสวนซึ่งควรเป็นที่สำหรับต้นไม้ที่ออกผล ประเทศนี้ฉ้อโกงพระพรที่พระเจ้าทรงพระประสงค์จะประทานให้แก่โลก ชาวอิสราเอลเป็นตัวแทนในทางที่ผิดแก่บรรดาประชาชาติทั้งหลาย ไม่เพียงใช้การไม่ได้เท่านั้นแต่ยังเป็นผู้ขัดขวางความรอดของผู้อื่นอีกด้วย ในระดับหนึ่งศาสนาของพวกเขานำไปสู่ทางที่ผิดและนำสู่ความพินาศแทนที่จะนำไปสู่ความรอด {COL 215.2}COLTh 180.2

    ในอุปมา ผู้รักษาเถาองุ่นไม่เคยตั้งข้อสงสัยในประโยคที่ว่าถ้าต้นมะเดื่อไม่เกิดผลก็ควรฟันทิ้งเสีย แต่พวกเขาทราบดีและให้ความสนใจร่วมกับเจ้าของต่อต้นไม้ที่ไร้ผลนี้ ไม่มีอะไรจะทำให้พวกเขามีความสุขมากไปกว่าที่จะเห็นต้นไม้นี้เจริญเติบโตและออกผล พวกเขาตอบสนองความปรารถนาของเจ้าของสวนโดยพูดว่า “ ขอเก็บเอาไว้อีกปี ลองให้ข้าพเจ้าพรวนดินใส่ปุ๋ยดู ถ้าปีหน้ามันเกิดผลก็ดีไป” ลูกา 13:8, 9{COL 215.3}COLTh 180.3

    คนดูแลสวนไม่ได้ปฏิเสธที่จะดูแลต้นไม้ที่หมดหวังต้นนี้ เขายังคงพร้อมที่จะให้การดูแลเอาใจใส่เพิ่มขึ้นกว่าเดิม เขายังจะสร้างให้สภาพแวดล้อมเหมาะสมให้มากที่สุดและจะให้การดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด {COL 215.4}COLTh 181.1

    เจ้าของสวนและคนดูแลสวนต่างก็มีความสนใจเหมือนกันต่อการดูแลต้นมะเดื่อ พระบิดาและพระบุตรทรงมีน้ำพระทัยเหมือนกันในความรักที่มีต่อประชากรที่เลือกสรรของพระองค์ พระคริสต์กำลังตรัสกับบรรดาผู้ฟังของพระองค์ว่า พระองค์จะทรงเปิดโอกาสเพิ่มขึ้นแก่พวกเขา ทุกวิถีทางที่ความรักของพระเจ้าจะสามารถทำได้ จะนำมาใช้เพื่อให้เขาเป็นต้นไม้แห่งความชอบธรรมและเกิดผลเป็นพระพรสำหรับโลกนี้ {COL 216.1}COLTh 181.2

    ในอุปมานี้พระเยซูไม่ได้ตรัสถึงผลของงานที่คนดูแลสวนทำไป เมื่อมาถึงตอนนี้เรื่องก็จบลง บทสรุปสุดท้ายขึ้นอยู่กับพงศ์พันธุ์รุ่นต่อไปที่ฟังถ้อยคำเหล่านี้ของพระองค์ คำเตือนที่น่าหวาดหวั่นมายังพวกเขาว่า “ ถ้าไม่ ท่านจงโค่นมันทิ้งก็ได้” ลูกา 13: 9 ถ้อยคำซึ่งเปลี่ยนแปลงไม่ได้นี้จะถูกประกาศออกหรือไม่ขึ้นกับพวกเขา วันแห่งพระพิโรธกำลังใกล้เข้ามาแล้ว ในเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นกับอิสราเอล เจ้าของสวนตักเตือนด้วยความเมตตาไว้แล้วว่าต้นไม้ที่ไม่เกิดผลนั้นจะถูกทำลาย {COL 216.2}COLTh 181.3

    เสียงของคำตักเตือนนั้นยังดังก้องลงมาถึงเราในยุคปัจจุบัน สำหรับท่านผู้ที่เป็นคนไม่เอาใจใส่ ท่านเป็นต้นไม้ที่ไร้ผลในสวนองุ่นของพระยาห์เวห์หรือเปล่า ถ้อยคำแห่งความพินาศที่ตรัสไว้ในกาลก่อนจะต้องตรัสกับท่านอีกหรือไม่ ท่านรับของประทานของพระองค์มานานแค่ไหนแล้ว พระองค์ทรงเฝ้ามองและรอคอยการตอบสนองแห่งรักมานานแค่ไหนแล้ว ท่านรับสิทธิพิเศษมากเพียงใดที่เติบใหญ่ขึ้นในสวนองุ่นของพระเจ้าภายใต้การดูแลของผู้รักษาสวน มีบ่อยครั้งเพียงใดที่ข่าวประเสริฐทำให้หัวใจของท่านตื่นเต้น ท่านรับพระนามของพระคริสต์แล้ว ท่านแสดงตัวอย่างเปิดเผยว่าเป็นสมาชิกคริสตจักรซึ่งเป็นพระกายของพระองค์ แต่ถึงกระนั้นท่านกลับไม่ติดสนิทกับพระองค์ผู้ทรงมีพระทัยแห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ กระแสชีวิตของพระองค์ไม่ได้ไหลผ่านตัวของท่าน พระคุณอันหวานชื่นของพระลักษณะของพระองค์คือ “ผลของพระวิญญาณ” กาลาเทีย 5:22 ไม่ปรากฏในชีวิตของท่าน {COL 216.3}COLTh 181.4

    ต้นไม้ที่ไม่ออกผลนั้นรับน้ำฝนและแสงแดดและการดูแลเอาใจใส่ของคนรักษาสวน มันได้รับปุ๋ยหล่อเลี้ยงจากพื้นดิน แต่กิ่งก้านที่ไร้ผลของมันกลับบดบังพื้นดินจนทำให้ต้นที่ให้ผลอื่นๆ ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ภายใต้ร่มเงาของมัน เช่นเดียวกับของประทานของพระเจ้าที่หลั่งไหลมายังท่านก็ไม่ได้ไหลผ่านไปสู่ชาวโลก ท่านปล้นสิทธิพิเศษนี้ไปจากผู้อื่นซึ่งถ้าสิทธินี้ไม่ได้ตกอยู่กับท่านอาจเป็นของเขาทั้งหลาย {COL 217.1}COLTh 182.1

    อย่างน้อยท่านก็ตระหนักอย่างเลือนรางว่าท่านเป็นคนทำให้พื้นดินรกเสียเปล่า ถึงกระนั้นก็ตามด้วยความเมตตาอันใหญ่หลวงของพระเจ้า พระองค์ไม่ได้ทรงโค่นท่านลง พระองค์ไม่ได้ทรงทอดพระเนตรมายังท่านอย่างเย็นชา พระองค์ไม่ได้ทรงหันพระพักตร์ไปจากท่านอย่างไม่แยแส หรือปล่อยท่านไปสู่ความพินาศ พระองค์ทรงกรรแสงเมื่อทอดพระเนตรมายังท่านดังเช่นที่ทรงกรรแสงด้วยทรงหวงใยอิสราเอลเมื่อหลายศตวรรษก่อน “ โอ เอฟราอิมเอ๋ย เราจะให้เจ้าแก่ผู้อื่นได้อย่างไร โอ อิสราเอลเอ๋ย เราจะมอบเจ้าแก่ผู้อื่นได้อย่างไร...เราจะไม่จัดการด้วยความกริ้วอันร้อนแรง เราจะไม่ทำลายเอฟราอิมอีก เพราะเราเป็นพระเจ้าไม่ใช่มนุษย์” โฮเชยา 11:8 , 9 องค์พระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระทัยเมตตาสงสารกำลังตรัสเกี่ยวกับตัวท่านว่า ขอเก็บเอาไว้อีกปี ลองให้ข้าพเจ้าพรวนดินใส่ปุ๋ยดู {COL 217.2}COLTh 182.2

    ในช่วงเวลาแห่งพระกรุณาธิคุณที่ยืดออกไป พระคริสต์ทรงปฏิบัติต่ออิสราเอลด้วยความรักที่ไม่เสื่อมคลายเช่นนี้เพียงไร ขณะที่อยู่บนไม้กางเขนพระองค์ทรงอธิษฐานว่า “ พระบิดาเจ้าข้า ขอทรงยกโทษพวกเขาเพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร” ลูกา 23:34 หลังจากที่พระองค์เสด็จสู่สวรรค์ สาวกประกาศข่าวประเสริฐในกรุงเยรูซาเล็มก่อน ณ ที่นั่น พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงหลั่งลงมาและที่นั่นคริสตจักรแห่งแรกได้เปิดตัวให้เห็นพลังอำนาจของพระผู้ช่วยให้รอดที่ทรงเป็นขึ้นจากตาย ที่นั่นสเทเฟน “ หน้าของท่านเหมือนหน้าทูตสวรรค์” กิจการ 6:15 เป็นพยานและพลีชีพของตน ทุกสิ่งที่สวรรค์ประทานให้นั้น ก็ได้มอบไว้ให้หมดแล้ว พระคริสต์ตรัสว่า “ มีอะไรที่จะทำได้อีกเพื่อสวนองุ่นของเราซึ่งเรายังไม่ได้ทำให้” อิสยาห์ 5:4 เหตุฉะนั้น ความเอาใจใส่และการลงแรงที่ทรงกระทำเพื่อท่านนั้นไม่ได้ลดน้อยถอยลง แต่กลับเพิ่มขึ้น พระองค์ยังคงตรัสว่า “ เราคือพระยาห์เวห์ เป็นผู้ดูแลสวนนั้น เรารดน้ำทุกเวลา เกรงว่าผู้หนึ่งผู้ใดจะทำอันตรายสวนนั้น เราจึงดูแลสวนนั้นทั้งกลางคืนกลางวัน” อิสยาห์ 27:3 {COL 218.1}COLTh 182.3

    ถ้าปีหน้ามันเกิดผลก็ดีไป แต่ถ้าไม่--” ลูกา 13:9 {COL 218.2}COLTh 183.1

    จิตใจที่ไม่ได้ตอบสนองต่อตัวแทนของสวรรค์จะแข็งกระด้างมากขึ้นจนกระทั่งไม่มีความรู้สึกถึงอิทธิพลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อถึงเวลานั้นก็จะมีเสียงดังมาว่า “จงโค่นมันทิ้งไป จะให้ดินจืดไปเปล่าๆ ทำไม” ลูกา 13:7 {COL 218.3}COLTh 183.2

    วันนี้พระองค์ทรงเชื้อเชิญท่าน “ โอ อิสราเอลเอ๋ย จงกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า…เราจะรักษาเขาให้หายจากการกลับสัตย์ เราจะรักเขาด้วยความเต็มใจ...เราจะเป็นเหมือนน้ำค้างแก่อิสราเอล เขาจะเบิกบานอย่างดอกลิลลี่ เขาจะหยั่งราเหมือนต้นไม้แห่งเลบานอน.....เขาทั้งหลายจะกลับมาอยู่ใต้ร่มเงาของเรา เขาจะเจริญขึ้นเหมือนข้าว จะออกดอกเหมือนเถาองุ่น…ผลของเจ้าก็ได้มาจากเรา” โฮเชยา 14:1-8 {COL 218.4}COLTh 183.3

    *****