Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents
อุทาหรณ์จากคำสอนของพระคริสต์ - Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First

    บทที่ 20 - การได้ที่กลับเป็นความสูญเสีย

    อ้างอิงจาก ลูกา 12:13-21

    ในขณะที่พระคริสต์ทรงกำลังสั่งสอนอยู่นั้น นอกจากสาวกของพระองค์แล้วก็ยังมีคนอื่นๆ ที่พากันมาห้อมล้อมพระองค์ไว้ พระองค์ตรัสกับสาวกทั้งหลายถึงเหตุการณ์ซึ่งในไม่ช้าพวกเขาจะมีส่วนเข้าร่วมแสดงด้วย พวกเขาจะต้องประกาศความจริงซึ่งพระองค์ทรงมอบหมายให้ และจะต้องเกิดความขัดแย้งกับผู้ปกครองในโลกนี้ พวกเขาจะต้องถูกนำตัวไปยังศาลและต่อหน้าเจ้าเมืองและกษัตริย์เพราะเห็นแก่พระองค์ พระองค์ประทานความมั่นใจแก่พวกเขาด้วยพระปัญญาซึ่งไม่มีใครสามารถตอบโต้ได้ ถ้อยคำของพระองค์เองที่สัมผัสจิตใจของฝูงชนและสร้างความวุ่นวายให้เกิดแก่ศัตรูของพระองค์ เป็นพยานให้เห็นถึงฤทธานุภาพของพระวิญญาณผู้สถิตอยู่ในพวกเขาตามที่พระองค์ทรงสัญญาแก่ผู้ติดตามพระองค์ทุกคน {COL 252.1}COLTh 213.1

    แต่มีหลายคนที่อยากจะได้พระคุณแห่งสวรรค์เพียงเพื่อสนองตัณหาความเห็นแก่ตัวของตนเท่านั้น พวกเขายอมรับอำนาจอันมหัศจรรย์ของพระคริสต์ที่เชิดชูความจริงไว้ให้เห็นอย่างชัดเจน พวกเขาได้ยินคำสัญญาที่จะประทานสติปัญญาให้แก่สาวกทั้งหลายเพื่อกล่าวต่อหน้าผู้ปกครองและเจ้าเมือง ถ้าอย่างนั้นพระองค์จะไม่ประทานอำนาจของพระองค์เพื่อการหาผลประโยชน์ในทางฝ่ายโลกแก่พวกเขาด้วยหรือ {COL 252.2}COLTh 214.1

    มีคนหนึ่งในฝูงชนนั้นทูลพระองค์ว่า ท่านอาจารย์ ช่วยบอกพี่ชายของข้าพเจ้าให้แบ่งมรดกแก่ข้าพเจ้าด้วย” ลูกา 12:13 พระเจ้าทรงบัญชาผ่านทางโมเสสเรื่องการถ่ายทอดทรัพย์สินว่าบุตรชายคนโตจะได้รับมรดกของบิดาเป็นจำนวนสองเท่า (เฉลยธรรมบัญญัติ 21:17) ในขณะที่น้องชายคนอื่นๆ จะได้รับส่วนแบ่งเท่าๆ กันทุกคน ชายคนนี้คิดว่าพี่ชายของเขาฉ้อโกงส่วนแบ่งมรดกของตน ลำพังความพยายามของเขาเอง เขาคงเรียกร้องเอาส่วนที่เขาคิดว่าเป็นของตนมาไม่ได้ แต่หากพระคริสต์เข้ามาไกล่เกลี่ย เขาจะต้องได้ส่วนนี้มาเป็นของตนแน่ เขาเคยได้ยินคำเรียกร้องอย่างเร่งเร้าของพระคริสต์และการตำหนิพวกธรรมาจารย์และฟาริสีอย่างรุนแรง หากพระองค์จะใช้คำพูดอย่างเดียวกันออกคำสั่งกับพี่ชายของเขา พี่ชายก็คงไม่กล้าที่จะปฏิเสธการคืนส่วนแบ่งที่เป็นของเขาแน่ {COL 253.1}COLTh 214.2

    ในระหว่างที่พระคริสต์ทรงสั่งสอนอย่างเคร่งขรึมอยู่นั้น ชายผู้นี้แสดงออกถึงความประสงค์ที่เห็นแก่ตัวของเขา เขาเห็นคุณค่าในความสามารถขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อทำให้เรื่องของทางฝ่ายโลกของเขาเองเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น แต่ความจริงฝ่ายจิตวิญญาณกลับไม่ได้เข้าถึงจิตใจและความคิดของเขาเลย ความอยากได้ส่วนแบ่งมรดกเป็นสิ่งเดียวที่เขาให้ความสนใจ พระเยซูคริสต์ พระมหากษัตริย์ผู้ทรงมีราชสมบัติมากมายมหาศาล แต่ทรงยอมเป็นคนยากจนเพื่อเห็นแก่เรา พระองค์ทรงเปิดขุมทรัพย์แห่งความรักของพระองค์ให้เขา พระวิญญาณบริสุทธิ์กำลังรบเร้าเขาเพื่อให้เขามาเป็นทายาทมรดกซึ่ง “ ไม่เสื่อมสลายและไร้มลทินและไม่ร่วงโรย” 1 เปโตร 1:4 เขาเคยเห็นหลักฐานแสดงถึงฤทธานุภาพของพระคริสต์ บัดนี้โอกาสที่จะพูดกับพระอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่เป็นของเขาแล้วเพื่อแสดงออกถึงความปรารถนายิ่งใหญ่ที่สุดในหัวใจของเขา แต่เขาเป็นเหมือนกับชายผู้ถือไม้กวาดในเรื่องเปรียบเทียบของ จอห์น บันยัน ดวงตาของเขากลับตั้งมั่นอยู่กับโลกนี้ เขาหาได้มองเห็นมงกุฎบนศีรษะของเขาไม่ เหมือนเช่นซีโมน มากัส เขาเห็นคุณค่าของประทานของพระเจ้าเป็นเพียงหนทางที่จะได้รับผลประโยชน์ในทางฝ่ายโลกเท่านั้น {COL 253.2}COLTh 214.3

    พระราชกิจของพระผู้ช่วยให้รอดในโลกนี้ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว เหลืออีกเพียงไม่กี่เดือนที่พระองค์จะปฏิบัติพระราชกิจของพระองค์ตามเป้าหมายของการเสด็จมาให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ด้วยการจัดตั้งอาณาจักรแห่งพระคุณของพระองค์ แต่กระนั้น ความโลภของมนุษย์กำลังจะหันเหพระองค์ไปจากภารกิจของพระองค์เพื่อเอาใจใส่กับการถกเถียงด้วยเรื่องที่ดินเพียงผืนเดียว แต่พระเยซูไม่ยอมให้สิ่งนี้ทำให้พระองค์หันเหไปจากพระราชกิจของพระองค์ ดังนั้นพระองค์ตรัสตอบว่า “ พ่อหนุ่ม ใครตั้งเราให้เป็นผู้พิพากษาหรือเป็นผู้แบ่งมรดกให้ท่าน ” ลูกา 12:14 {COL 253.3}COLTh 215.1

    พระเยซูให้คำตอบที่ถูกต้องแก่ชายผู้นี้ได้ พระองค์ทรงทราบว่าควรจะจัดการเรื่องนี้ให้ถูกต้องอย่างไร แต่พี่น้องคู่นี้ทะเลาะกันเพราะทั้งสองนั้นโลภ ความจริงแล้วพระคริสต์กำลังบอกให้ทราบว่า พระองค์ไม่มีภารกิจที่จะเป็นผู้ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งประเภทนี้ พระองค์เสด็จมาด้วยวัตถุประสงค์อื่น คือการประกาศข่าวประเสริฐและกระตุ้นมนุษย์ให้รับรู้ความจริงอันเป็นนิรันดร์ {COL 254.1}COLTh 215.2

    การปฏิบัติของพระคริสต์สำหรับกรณีนี้ เป็นบทเรียนสำหรับทุกคนที่รับใช้พระนามของพระองค์ เมื่อพระองค์ส่งสาวกทั้งสิบสองคนออกไปพระองค์ตรัสว่า “จงไปพลางประกาศพลางว่า แผ่นดินสวรรค์มาใกล้แล้ว จงรักษาคนเจ็บป่วยให้หาย จงทำให้คนตายแล้วเป็นขึ้น จงทำให้คนโรคเรื้อนหายสะอาดและจงขับผีออก ท่านทั้งหลายได้รับเปล่าๆ ก็จงให้เปล่าๆ” มัทธิว 10:7, 8 พวกเขาจะต้องไม่ไปไกล่เกลี่ยเรื่องของทางโลกให้แก่ประชาชน หน้าที่ของเขาคือการนำมนุษย์ให้คืนดีกับพระเจ้า งานนี้เป็นแหล่งที่มาของพลังเพื่อนำพระพรไปสู่มนุษย์ชาติ โอสถชนิดเดียวที่รักษาโรคบาปและความทุกข์ยากของมนุษย์คือพระคริสต์ ข่าวประเสริฐแห่งพระคุณของพระองค์เท่านั้นที่รักษาความชั่วร้ายซึ่งสาปแช่งสังคมมนุษย์ ความอยุติธรรมของคนมั่งมีต่อคนยากจน ความเกลียดชังของคนยากจนต่อคนมั่งมี ล้วนมีรากมาจากความเห็นแก่ตัว การจะถอนรากเหล่านี้ออกทำได้โดยการยอมถ่อมตัวลงมาหาพระคริสต์เท่านั้น พระองค์เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ประทานจิตใจใหม่แห่งความรักเข้ามาแทนที่จิตใจอันเห็นแก่ตัวแห่งความผิดบาปได้ ขอให้ผู้รับใช้ของพระคริสต์ประกาศข่าวประเสริฐด้วยพระวิญญาณที่ประทานลงมาจากสวรรค์และทำงานเหมือนกับพระองค์เพื่อประโยชน์แก่มนุษย์ เมื่อนั้นผลที่ได้รับจะแสดงออกเป็นพระพรและความอิ่มใจของบรรดามนุษย์ชาติซึ่งไม่มีทางสำเร็จได้โดยกำลังของมนุษย์ {COL 254.2}COLTh 215.3

    องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงจี้ไปที่รากของสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาแก่ชายคนที่ถาม รวมถึงความขัดแย้งอื่นๆ ทั้งหมดที่มีลักษณะเดียวกันโดยตรัสว่า “ระวังให้ดี จงหลีกเลี่ยงจากความโลภทุกอย่าง เพราะว่าชีวิตของคนไม่ได้อยู่ที่การมีของฟุ่มเฟือย” ลูกา 12:15 {COL 254.3}COLTh 216.1

    “พระองค์ตรัสอุปมาเรื่องหนึ่งให้เขาฟังว่า ไร่นาของเศรษฐีคนหนึ่งเกิดผลบริบูรณ์มาก เศรษฐีคนนั้นจึงคิดในใจว่า ‘ข้าจะทำอย่างไรดีเพราะว่าข้าไม่มีที่จะเก็บพืชผลของข้า’ เขาจึงคิดว่า ‘ข้าจะทำอย่างนี้ คือจะรื้อยุ้งฉางของข้าและจะสร้างใหม่ให้ใหญ่โตขึ้น แล้วข้าจะรวบรวมข้าวและสมบัติทั้งหมดของข้าไว้ที่นั่น แล้วจะบอกกับจิตใจของข้าว่า “จิตใจเอ๋ย เจ้ามีทรัพย์สมบัติมากเก็บไว้พอพลายปี จงอยู่สบาย กิน ดื่ม และรื่นเริงเถิด”‘ แต่พระเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘โอ คนโง่ ในคืนวันนี้ชีวิตของเจ้าจะต้องเรียกเอาไปจากเจ้า แล้วของที่เจ้ารวบรวมไว้นั้นจะเป็นของใคร’ คนที่สะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวและไม่ได้มั่งมีฝ่ายพระเจ้าก็เป็นเช่นนั้นแหละ” ลูกา 12:16-21 {COL 255.1}COLTh 216.2

    อุปมาเรื่องเศรษฐีโง่คนนี้ พระคริสต์ทรงแสดงให้เห็นความผิดพลาดของคนที่ยึดโลกนี้มาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเขา ชายผู้นี้ได้รับทุกสิ่งจากพระเจ้า พระองค์ทรงโปรดให้แสงแดดส่องลงมาบนที่ดินของเขาและแสงนั้นก็ส่องลงมาให้กับทั้งคนชอบธรรมและคนอธรรม สายฝนแห่งสวรรค์ก็ตกลงมาให้กับทั้งคนชั่วและคนดี พระยาห์เวห์ทรงทำให้พืชผักงอกงามขึ้นและให้ทุ่งนานั้นบังเกิดผลมาก เศรษฐีผู้นั้นก็ฉงนใจว่าเขาควรทำอย่างไรกับพืชผลของเขา ยุ้งฉางของเขาเต็มจนล้นและเขาไม่มีที่ว่างเพียงพอที่จะเก็บพืชผลส่วนเกินเหล่านั้น เขาไม่ได้คิดถึงพระเจ้าผู้ทรงเป็นเหตุแห่งความเมตตากรุณาทั้งหมดที่ตนเองได้รับ เขาไม่ได้ตระหนักว่าพระเจ้าทรงมอบให้เขาเป็นผู้ดูแลสรรพสิ่งของพระองค์ เพื่อเขาจะช่วยเหลือผู้ที่ขัดสน เขาได้รับโอกาสที่จะเป็นผู้บริจาคทานของพระเจ้าแต่เขากลับคิดถึงแต่เพียงความสะดวกสบายของตนเอง {COL 256.1}COLTh 216.3

    ความเป็นอยู่ของบรรดาคนยากจน เด็กกำพร้า แม่ม่าย ผู้ทนทุกข์ลำบาก ผู้ได้รับทุกข์ภัยได้รับการบอกเล่าให้ทราบต่อเศรษฐีผู้นี้ มีสถานที่หลายแห่งที่เขาสามารถมอบสิ่งของๆ เขาเพื่อช่วยเหลือ เขาสละส่วนหนึ่งของสรรพสิ่งที่เขามีอยู่ได้อย่างง่ายดายและหลายๆ บ้านจะไม่มีความขัดสน อีกหลายคนที่หิวจะได้อิ่ม คนที่เปลือยเปล่าไม่มีเสื้อผ้าก็จะได้รับเครื่องนุ่งห่ม หลายคนจะมีความยินดีในจิตใจและคนที่อธิษฐานขออาหารและเครื่องนุ่งห่มก็ได้รับคำตอบ และเสียงเพลงสรรเสริญก็จะขึ้นไปยังสวรรค์ พระยาห์เวห์ทรงได้ยินคำอธิษฐานของผู้ขัดสนและพระองค์ทรงจัดเตรียมสิ่งที่ดีไว้สำหรับคนยากจน (สดุดี 68:10) การจัดเตรียมอย่างอุดมเพื่อความต้องการของผู้ขัดสนได้มอบไว้ในพระพรซึ่งประทานให้แก่คนมั่งมี แต่เขากลับปิดใจตัวเอง ไม่ยอมรับฟังเสียงร้องขอของคนที่ขัดสนและบอกกับบ่าวของเขาว่า “ ข้าจะทำอย่างนี้ คือจะรื้อยุ้งฉางของข้าและจะสร้างใหม่ให้ใหญ่โตขึ้น แล้วข้าจะรวบรวมข้าวและสมบัติทั้งหมดของข้าไว้ที่นั่น แล้วจะบอกกับจิตใจของข้าว่า จิตใจเอ๋ย เจ้ามีทรัพย์สมบัติมากเก็บไว้พอหลายปี จงอยู่สบาย กิน ดื่ม และรื่นเริงเถิด” {COL 256.2}COLTh 217.1

    ความมุ่งหวังของชายผู้นี้ไม่ได้สูงส่งไปกว่าบรรดาสัตว์เดียรัจฉานที่ต้องพินาศไป เขามีชีวิตอยู่ราวกับว่าไม่มีพระเจ้า ไม่มีสวรรค์ ไม่มีชีวิตหน้า ราวกับว่าทุกสิ่งที่เขาครอบครองอยู่เป็นของเขาเองแต่ผู้เดียว และเขาไม่ได้เป็นหนี้อะไรใครไม่ว่าพระเจ้าหรือมนุษย์ ผู้ประพันธ์สดุดีพรรณนาถึงเศรษฐีผู้นี้ว่า “คนโง่รำพึงในใจตนว่าไม่มีพระเจ้า” สดุดี14:1 {COL 257.1}COLTh 217.2

    ชายผู้นี้มีชีวิตและวางแผนสำหรับตนเอง เขามองว่าทุกอย่างในอนาคตจัดเตรียมไว้อย่างมากพอแล้ว ปัจจุบันไม่ต้องวิตกสิ่งใดอีกแล้วนอกจากจะเพลิดเพลินไปกับผลที่ได้รับจากงานของเขา เขามองดูตัวเองว่าเป็นคนที่ได้รับความโปรดปรานมากกว่าคนอื่นๆ และยกย่องตัวเองว่าเป็นเพราะการจัดการอันชาญฉลาดของเขา เขาได้รับการยกย่องโดยผู้คนในเมืองของเขาว่าเป็นคนที่ตัดสินใจเก่งและเป็นพลเมืองที่เจริญรุ่งเรือง “เขานับว่าตัวเองสุขสบายและแม้คนยกย่องเขาเมื่อเขามั่งคั่งขึ้น ” สดุดี 49:18 {COL 258.1}COLTh 218.1

    แต่ “ปัญญาของโลกนี้เป็นความโง่ในสายพระเนตรของพระเจ้า” สดุดี 3:19 ขณะที่เศรษฐีผู้นี้มองไปยังเวลาแห่งความสุขในอนาคต องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเตรียมแผนการที่แตกต่างไว้แล้ว ข่าวที่มายังผู้ดูแลไม่สัตย์ซื่อคนนี้คือ “โอ คนโง่ ในคืนวันนี้ชีวิตของเจ้าจะต้องเรียกเอาไปจากเจ้า” นี่คือการเรียกร้องที่เงินทองไม่สามารถให้ได้ ทรัพย์สมบัติที่เขาสะสมไว้ไม่สามารถซื้อเวลาให้เนิ่นนานออกไปได้ ในชั่วอึดใจเดียวสิ่งซึ่งเขาได้ตรากตรำทำมาตลอดชีวิตของเขาก็ไร้ค่า “แล้วของที่เจ้ารวบรวมไว้นั้นจะเป็นของใคร” ทุ่งนาที่กว้างใหญ่และยุ้งฉางที่เต็มล้นก็หลุดไปจากการควบคุมของเขา มนุษย์ “โกยกองสมบัติไว้และไม่ทราบว่าใครจะเก็บไป” สดุดี 39:6 {COL 258.2}COLTh 218.2

    เขาไม่ได้แสวงหาสิ่งเดียวที่มีค่าสำหรับเขาในเวลานี้ ในการใช้ชีวิตเพื่อตนเองเขาปฏิเสธความรักแห่งสวรรค์ซึ่งควรเป็นความเมตตาที่ไหลผ่านจากเขาไปสู่เพื่อนมนุษย์ ด้วยการทำเช่นนี้ เขาปฏิเสธที่จะรับชีวิต เพราะพระเจ้าทรงเป็นความรักและความรักคือชีวิต ชายผู้นี้เลือกสิ่งของในโลกมากกว่าของฝ่ายจิตวิญญาณ และเขาจะสูญเสียไปพร้อมสิ่งของในโลก “มนุษย์แม้มั่งคั่งหากปราศจากความเข้าใจ เขาก็พินาศเหมือนสัตว์เดียรัจฉาน” สดุดี 49:20 {COL 258.3}COLTh 218.3

    คนที่สะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวและไม่ได้มั่งมีฝ่ายพระเจ้าก็เป็นเช่นนั้นแหละ” ภาพเหตุการณ์นี้ยังคงเป็นจริงตลอดไป ท่านอาจจะวางแผนเพียงเพื่อความเห็นแก่ตัว ท่านอาจรวบรวมทรัพย์สมบัติไว้ ท่านอาจสร้างคฤหาสน์ใหญ่โตสูงสง่า ดังเช่นผู้ที่สร้างกรุงบาบิโลนในสมัยโบราณ แต่ท่านไม่สามารถสร้างกำแพงให้สูงหรือประตูให้แข็งแรงจนสามารถยับยั้งผู้สื่อข่าวแห่งคำพิพากษาได้ พระราชาเบลซัสซาร์ “ทรงจัดการเลี้ยงใหญ่” และ “สรรเสริญพระที่ทำด้วยเงิน ทองคำ ทองสัมฤทธิ์ เหล็ก ไม้และหิน” แต่พระหัตถ์ของพระองค์ที่ไม่มีผู้ใดมองเห็นเขียนข้อความแห่งคำพิพากษาไว้บนกำแพงและเสียงฝีเท้าของทหารข้าศึกก็ดังมาใกล้ประตูพระราชวัง “ในคืนวันนั้นเอง เบลซัสซาร์พระราชาคนเคลเดียทรงถูกสังหาร” และพระราชาต่างชาติก็ขึ้นครองบัลลังก์แทน ดาเนียล 5:1, 23, 30 {COL 258.4}COLTh 218.4

    การมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองคือหนทางนำไปสู่ความพินาศ ความโลภ ความต้องการผลประโยชน์สำหรับตนเองตัดจิตวิญญาณขาดจากชีวิต จิตใจแบบซาตานมุ่งแต่ตักตวงเอามาไว้เพื่อตนเอง จิตใจแบบพระคริสต์คือการให้ การเสียสละตนเองเพื่อเห็นแก่ผู้อื่น “และพยานหลักฐานนั้นก็คือ พระเจ้าประทานชีวิตนิรันดร์แก่เรา และชีวิตนี้มีอยู่ในพระบุตรของพระองค์ คนที่มีพระบุตรก็มีชีวิต คนที่ไม่มีพระบุตรก็ไม่มีชีวิต” 1 ยอห์น 5:11, 12 {COL 259.1}COLTh 219.1

    ด้วยประการฉะนี้ พระองค์ตรัสว่า “จงระวังใหดี จงหลีกเลี่ยงจากความโลภทุกอย่าง เพราะว่าชีวิตของคนไม่ได้อยู่ที่การมีของฟุ่มเฟือย” ลูกา 12:15 {COL 259.2}COLTh 219.2

    *****