Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents
บหัศจรรย์แห่อการรักษา - Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First

    ขนบบงบารลีเล็กๆ หากอบเลี้ยงผิงชน

    ตลอดทั้งวัน ขณะที่พระองค์ทรงสั่งสอนที่ริมฝังทะเล ประชาชน เบียดเสียดห้อมล้อมติดตามพระคริสต์และเหล่าสาวกของพระองค์ พวก เขาได้ฟังพระดำรัสที่เปียมด้วยเมตตาของพระองค์ เป็นถ้อยคำที่เรียบง่าย และชัดเจน เสมือนนํ้ามันแห่งกิเลอาดสำหรับจิตวิญญาณของพวกเขา พระหัตถ์แห่งการรักษาของพระองค์ใต้ทำให้คนป่วยไข้กล้บมีสุขภาพที่ สมบูรณ์แข็งแรงและประทานชีวิตแก่ผู้ที่กำลังจะตาย เสมือนหนึ่งว่าวันนั้น สวรรค์ทั้งหมดไต้เข้ามาตั้งอยู่ในโลก พวกเขาต่างลืมไปว่าเวลาได้ล่วงเลย ไปนานเพียงไร อีกทั้งยังไม่ได้รับประทานอาหาร {MH 45.1}MHTh 40.1

    ดวงอาทิตย์กำลังคล้อยลงทางทิศตะวันตก ถึงกระนั้น ประชาชนยัง รีรอไม่ยอมกลับไป ในที่สุดพวกสาวกได้เข้ามาทูลพระคริสต์ว่า เพื่อเห็นแก่ ฝูงชนควรให้พวกเขากลับไปก่อน หลายคนเดินทางมาไกลและตั้งแต่เข้า ยังไม่ได้กินอะไรเลย พวกเขาอาจจะไปหาซื้ออาหารตามเมืองและหมู่บ้าน ในละแวกนี้ได้ แต่พระเยซูตรัสว่า “พวกท่านจงเลี้ยงเขาเถิด’, มัทธิว 14:16 พระองค์ทรงหันไปหาฟิลืปและตรัสถามว่า “ทำอย่างไรเราจึงจะ ซื้ออาหารให้คนเหล่านี้กินได้’’ ยอห์น 6:5 {MH 45.2}MHTh 40.2

    ฟิลืปหันไปพิจารณาลูฝูงชนเหล่านั้นพลางคิดอยู่ในใจว่า เป็นไปไม่ ได้ที่จะจัดหาอาหารมาเลี้ยงผู้คนจำนวนมากมายเช่นนี้ได้ เขาตอบว่าถ้าจะ ซื้ออาหารมาเลี้ยงด้วยเงินสักสองร้อยเหรียญเดนาริอัน คงจะไม่เพียงพอ และได้อาหารเพียงคนละเล็กละน้อยเท่านั้น {MH 45.3}MHTh 40.3

    พระเยซูตรัสถามว่า ในบรรดาคนเหล่านี้มืใครที่มือาหารบ้าง อันดรูว์ ทูลพระองค์ว่า “ที่นี่’มีเด็กคนหนึ่งมีขนมบารลีห้าก้อนกับปลาสองตัว แต่ เท่านั้นจะพออะไรก้บคนมากอย่างนี้’‘ ยอห่น ธ: 9 พระเยซูทรงรับสั่งให้ นำอาหารเหล่านั้นมาให้พระองค์ และตรัสสั่งให้เหล่าสาวกจัดประชาชนให้ นั่งลงบนพื้นหญ้า เมื่อประชาชนต่างนั่งลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงทรงหยิบ อาหารขึ้นมา “แล้วก็แหงนพระพักตร์ดูฟัาสวรรค์ถวายคำสาธุการ และ หักส่งให้เหล่าสาวก เหล่าสาวกก็แจกให้คนทั้งปวง เขาได้กินอิ่มทุกคน ส่วนเศษอาหารที่ยังเหลือนั้น เขาเก็บไว้ได้ถึงสิบสองกระบุงเต็ม’‘ มัทธิ-ว 14:19, 20 {MH 45.4}MHTh 40.4

    พระคริสต์ทรงเลี้ยงฝูงชนด้วยการอัศจรรย์แห่งฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า ถึงกระนั้นอาหารที่ใช้เลี้ยงฝูงชนเป็นอาหารธรรมดา มีเพียงปลาและขนมปัง ข้าวบารลีที่เป็นอาหารประจำวันของชาวประมงในแคว้นกาลิลี {MH 47.1} ที่จริง พระคริสต์ทรงสามารถจัดหาอาหารที่หรูหราฟู่มเฟือยมาให้แก่ ประชาชนได้ แต่อาหารที่จัดเตรียมมาเพื่อสนองความอยาก หาได้มีบท เรียนเพื่อประโยชน์ของพวกเขาแต่ประการใดไม่ ด้วยการอัศจรรย์!นครั้ง นี้ พระคริสต์ทรงปรารถนาที่จะสอนบทเรียนการเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย หากคนในสมัยนี้มีนิสัยเรียบง่าย และดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับกฎของ ธรรมชาติเหมือนอาดัมและเอวาในสมัยยุคแรกเริ่มแล้ว ก็คงจะมีอาหาร เหลือเฟือต่อความต้องการในครอบครัวของมนุษย์ แต่เพราะความเห็นแก่ตัว และการปล่อยตัวตามใจในความอยากจึงนำความผิดบาปและความทุกข์ยาก เข้ามา ความฟ่มเฟือยจึงนำความขัดสนเข้ามาในที่สุด {MH 47.2}MHTh 41.1

    พระเยซูไม่เคยหาทางจูงใจประชาชนให้เข้าไปหาพระองค์ด้วยการ สนองความอยากในสิ่งหรูหราฟุ่มเฟือย สำหรับฝูงชนจำนวนมากที่เหน็ด- เหนื่อยอิดโรยและหิวกระหายภายหลังจากวิตกกังวลของวันอันยาวนาน อาหารธรรมดาย่อมจะช่วยให้คนเหล่านั้นได้มีความมั่นใจถึงฤทธึ๋อานาจของ พระองค์และการที่พระองค์ทรงเอาใจใส่ดูแลความต้องการพื้นฐานในชีวิต ของพวกเขาด้วยความรัก พระผู้ช่วยให้รอดไม่ได้ทรงสัญญาว่าจะประทาน ความหรูหราฟ่มเฟือยทางโลกให้แก่ผู้ติดตามพระองค์ ชะตากรรมของพวก เขาอาจถูกล้อมกรอบไว้ด้วยความยากจน แต่พระวจนะของพระองค์ใดํให้ คำมั่นสัญญาว่า พระองค์จะประทานทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการ และทรง สัญญาอีกว่าจะประทานสิ่งดียิ่งกว่าทรัพย์สมบัติในโลกนี้ให้แก่เขา นั้นคือ พระองค์จะสถิตอย่ใกล้และจะทรงสร้างความอ่นใจให้แก่พวกเขา {MH 47.3)MHTh 41.2

    หลังจากทรงเลี้ยงฝูงชนแล้ว ยังมีอาหารเหลืออยู่อิกมาก พระเยซู ทรงรับสั่งให้เหล่าสาวกของพระองค์ว่า “จงเก็บเศษอาหารที่เหลือไว้อย่า ให้มีสิ่งใดตกหล่น’, ยอห์น ธ:12 พระดำรัสสั่งนี้มีความหมายที่ลึกซึ้งยิ่ง กว่าการนำอาหารไปใส่ในตะกร้า มีบทเรียนอยู่สองประการ คือ เราไม่ควร ปล่อยสิ่งใดเสียเปล่า เราจะไม่ปล่อยให้สิ่งที่เป็นประโยชน์โนโลกผ่านไปโดย ไม่สนใจ เราไม่ควรที่ละทิ้งสิ่งที่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ ให้เก็บ รวบรวมทุกสิ่งที่จะช่วยบรรเทาความยากจนขัดสนของผู้ที่หิวโหยในโลก และเราจะต้องเก็บรักษาอาหารฝ่ายจิตวิญญาณที่ได้รับพระราชทานมาจาก สวรรค์ด้วยความใส่ใจอย่างเดียวกัน เราจะต้องดำเนินชีวิตตามพระวจนะ ทุกคำของพระเจ้า ไม่ปล่อยให้พระดำรัสใดที่พระเจ้าตรัสไว้แล้วสูญเปล่า ไม่ปล่อยให้ถ้อยคำแห่งความรอดและชีวิตนิรันดรของเราแม้แต่คำเดียวถูก ทิ้งขว้างและตกลงบนพื้นดินอย่างไร้คุณค่า {MH 48.1}MHTh 41.3

    การอัศจรรย์เรื่องขนมปังห้าก้อนและปลาสองตัว ยังสอนเราให้รู้จัก พึ่งพิงพระเจ้า เมื่อพระคริสต์ทรงเลี้ยงคนห้าพันคนนั้น พระองค์ไม่มีอาหาร พร้อมอยู่เลย เห็นได้ชัดว่า พระองค์ทรงไม่ได้มีวิธีการใดที่จะหาอาหารมา ได้ตามที่ทรงรับสั่งไป พระองค์ประทับอยู่ในที่กันดารกับผู้ชายจำนวนห้าพัน คน ซึ่งยังไม่นับพวกผู้หญิงและเด็ก พระองค์ไม่ได้ชักชวนฝูงชนให้ติดตาม พระองค์โปที่นั่น พวกเขามีความกระหายที่จะอยู่ใกล้ชิดกับพระองค์ต่าง หากจึงได้ตามมาโดยไม่ได้รับคำเชื้อเชิญหรือพระดำรัสสั่ง แต่ทรงทราบ ดิว่าเมื่อพวกเขาได้ฟังคำสั่งสอนของพระองค์มาทั้งวันแล้ว คนเหล่านั้นต่าง หิวกระหายและอ่อนแรง พวกเขาอยู่ห่างไกลจากบ้านและเป็นเวลาที่จวน จะคาอยู่แล้ว หลายคนไม่มีเงินทองที่จะชื้อหาอาหาร พระองค์ผู้ทรงอด พระกระยาหารเป็นเวลาถึงสี่สิบวันในถิ่นทุรกันดารเพื่อเห็นแก่พวกเขา จะ ยอมปล่อยให้พวกเขาต้องทนลำบากกลับบ้านไปโดยไม่มีอาหารตกถึงท้อง ไต้อย่างไร {MH 48.2}MHTh 42.1

    พระเจ้าทรงจัดเตรียมทุกสิ่งในสถานที่พระเยซูประทับอยู่ พระองค์ ทรงพึ่งพาพระบิดาบนสวรรค์เพื่อจะไต้จัดหาสิ่งจำเป็นในการบรรเทาความ ต้องการของประชาชน เมื่อเราตกอยู่ในเวลาที่คับขัน จำเป็นต้องพึ่งพา พระเจ้า เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินในทุกครั้ง ต้องแสวงหาความช่วยเหลือ จากพระองค์ผู้ทรงมีหนทางนับไม่ถ้วนที่จะบันดาลให้ทุกสิ่งเป็นไปตามพระ บัญชาของพระองค์ {MH 48.3}MHTh 42.2

    การอัศจรรย์ไนครั้งนี้ พระคริสต์ทรงได้รับอาหารมาจากพระบิดา จาก นั้นประทานให้แก่บรรดาสาวก จากนั้นสาวกจึงแจกจ่ายให้แก่ประชาชนจาก นั้นจึงแบ่งให้กันและกันในหมู่ประชาชนอีกต่อหนึ่ง การกระทำลักษณะ เดียวกันนี้เกิดขึ้นกับบรรดาผู้เข้าสนิทอยู่ในพระคริสต์จะได้รับอาหารแห่ง ชีวิตมาจากพระองค์และแจกจ่ายออกไปเช่นกัน สาวกของพระองค์ใต้รับ การแต่งตั้งให้เป็นผู้ติดต่อระหว่างพระคริสต์กับคนทั้งหลาย {MH 49.1} MHTh 43.1

    เมื่อเหล่าสาวกไต้ยินพระดำรัสสั่งของพระผู้ช่วยให้รอดที่ว่า “ พวก ท่านจงเลี้ยงเขาเถิด” ต่างรัูสึกยุ่งยากใจ จึงทูลถามพระองค์ว่า “เราจะเข้า ไปไนหมู่บ้านเพื่อซออาหารมาเลี้ยงคนเหล่านี้หรือ” แต่พระคริสต์ตรัส อย่างไร “พวกท่านจงเลี้ยงเขาเถิด’‘ พวกสาวกไต้นำอาหารที่มีอยู่ทั้งหมด มาถวายพระเยซู แต่พระองค์ไม่ไต้บอกให้พวกเขากิน กลับมีพระดำรัสสั่ง ให้พวกเขานำอาหารไปเลี้ยงฝูงชน อาหารที่มีอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ เพิ่มขึ้นและในมือของเหล่าสาวกที่เอื้อมไปหาพระองค์ก็มีอาหารอยู่เต็ม บริบูรณ์เสมอ อาหารที่มีอยู่เล็กน้อยนี้กลับมีเพียงพอสำหรับทุกคน เมื่อ ฝูงชนไต้รับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว บรรดาสาวกจึงไต้ร่วมรับประทาน อาหารอันมีค่าที่สวรรค์ประทานมาให้พร้อมกับพระเยซู {MH 49.2}MHTh 43.2

    บ่อยครั้งที่เรารู้สึกหดหู่ใจ เมื่อเห็นถึงสภาพที่แร้นแค้นของคนยาก คนจน คนที่ขาดความรู้และคนที่ตกระกำลำบาก เราอาจจะถามว่า “กำลัง อันอ่อนแอและเงินทองที่มีอยู่เพียงน้อยนิดของเราจะมีส่วนช่วยเหลือใน ความทุกข์ยากลำบากอันเลวร้ายนี้ใต้อย่างไร ควรรอให้ใครสักคนที่มีความ สามารถมากกว่าเราเข้ามาดำเนินการไม่ดีกว่าหรือ หรือให้บางองค์กรเข้ามา รับภาระไป” พระคริสต์ตรัสว่า “พวกท่านจงเลี้ยงเขาเถิด” จงใช้เงิน ทอง เวลา และความสามารถที่ท่านมีอยู่ นำขนมปังบารลีของท่านมาถวายแด่ พระเยซู {MH 49.3}MHTh 43.3

    แม้ท่านมีทรัพย์สิ่งของไม่พอเลี้ยงหลายพันคนไต้แต่ทรัพย์สินนี้อาจ พอเลี้ยงหนึ่งคนไต้ ในพระหัตถ์ของพระคริสต์ ทรัพย์สินเหล่านี้จะเลี้ยงคน มากมายได้ เหมือนลกวกของพระองค์ จงถวายในสิ่งที่ท่านมี แล้วพระคริสต์ จะทรงโปรดใหสิ่งของนั้นทวีขึ้น พระองค์จะประทานบำเหน็จแก่ผู้ที่ไว้วางใจ พระองค์ด้วยความสัตย์ซื่อและถ่อมตน สิ่งที่ดูเหมือนมีแต่เพียงเล็กน้อย จะกล้บกลายเป็นการเลี้ยงที่มีอาหารอันอุดม {MH 49.4}MHTh 44.1

    คนที่หว่านเพียงเล็กน้อยก็จะเกี่ยวเก็บได้เพียงเล็กน้อย คนที่หว่าน มากก็จะเกี่ยวเก็บได้มาก... พระเจ้าทรงฤทธิ้อาจประทานของดีทุกสิ่งอย่าง อุดมแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อให้ท่านมีทุกสิ่งทุกอย่างเพียงพอสำหรับตัวเสมอ ทั้งจะมีสิ่งของบริบูรณ์สำหรับงานที่ดีทุกอย่างด้วย ตามที่พระคัมภีร์ได้ เขียนไว้ว่าMHTh 44.2

    “เขาแจกจ่าย เขาให้แก่คนยากจน
    ความขอบธรรมของเขาดำรงอยู่เป็นนิตย์’,.
    MHTh 44.3

    {MH 50.1}

    ฝายพระองค์ผู้ประทานพืชแก่คนที่หว่าน และประทานอาหารแก่ คนที่กิน จะทรงโปรดให้พืชของท่านที่หว่านแล้วนั้นทวีขึ้นเป็นอันมาก และ จะทรงให้ผลแห่งความขอบธรรมของท่านเจริญยิ่งขึ้น โดยทรงให้ท่านทั้ง หลายมีสิ่งสารพัดมั่งคั่งบริบูรณ์ขึ้น”2โครินธ์ 9:6-11 {MH 50.2}MHTh 44.4

    *****