Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents
แพทย์ผู้ประเสริฐ - Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First
    Larger font
    Smaller font
    Copy
    Print
    Contents

    สัมผัสแห่งความเชื่อ

    “ถ้าเราเพียงแต่ได้แตะต้องฉลองพระองค์ของพระ เยซู เราคงจะหายจากโรคได้” ผู้กล่าวถ้อยคำเหล่านี้ หญิงที่น่าสงสารซึ่งต้องเจ็บป่วยทรมานด้วยโรคร้ายมา ๑๒ ปีแล้ว นางได้ใช้เงินทองมากมายหาหมอและยามารักษา โรค แต่ก็ไม่มีใครสามารถจะรักษานางให้หายจากโรคได้ แต่เมื่อนางได้ยินถึงพระเยซูนายแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ นางก็กลับ มีหวังที่จะได้หายจากโรคอีก นางคิดว่า “ถ้าเราเพียงแต่ ได้เข้าไปใกล้พอที่จะพูดกับพระองค์ เราอาจจะหายได้”MHTH 64.1

    พระคริสต์กำลังเสด็จไปที่บ้านของญายโรอาจารย์ ชาติยิวผู้ทูลขอพระองค์ ให้ไปรักษาบุตรสาวของเขา บิดาผู้มีความทุกข์โศกได้ทูลอ้อนวอนพระองค์ว่า “ลูกสาวคน เล็กของข้าพเจ้าเจ็บเกือบจะตายแล้ว ขอเชิญพระองค์ไป วางพระหัตถ์บนเขา เพื่อเขาจะได้รอดตายมีชีวิตอยู่” พระ เยซูทรงพระเมตตากรุณาชายผู้นั้น จึงออกเดินทางไปบ้าน ของเขาMHTH 64.2

    เขาพากันเดินไปอย่างช้า ๆ เพราะฝูงชนเบียด เสียดเยียดยัดอยู่รอบด้าน ในขณะที่กำลังเดินฝ่าฝูงชนไป นั้นพระผู้ช่วยให้รอดได้เสด็จไปใกล้ที่ ๆ ผู้หญิงซึ่งป่วยเป็น โรคยืนอยู่ นางได้พยายามเบียดเสียดเข้าไปจะให้ถึงพระ องค์ แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำได้ บัดนี้นางมีโอกาศที่จะได้ รับการรักษาให้หายจากโรคแล้ว แม้ว่านางจะไม่มีโอกาส ที่จะพูดกับพระองค์ก็ตาม แต่นางเคยได้ยินมาว่า การสัม ผัสชายเสื้อของพระองค์จะทำให้หายจากโรคได้ นางจึง พยายามเบียดฝูงชนไปข้างหน้าเพราะคิดในใจว่า “ถ้าเรา ได้แตะชายเสื้อของพระองค์ เราก็คงจะหายจากโรค”MHTH 65.1

    พระคริสต์ทรงทราบความคิดนึกในใจนางทุกอย่าง และพระองค์กำลังเสด็จไปยังที่ ๆ นางยืนอยู่ พระองค์ ทรงทราบว่าหญิงนั้นต้องการความช่วยเหลือจากรพระองค์ ๕ แต่ปรารถนาที่จะดูว่านางมีความเชื่อในพระองค์มากเพียงใดMHTH 65.2

    ขณะที่พระเยซูกำลังเสด็จผ่านไป นางได้เอื้อมมือ ออกแตะชายเสื้อของพระองค์ ในชั่วครู่นั้นเองนางก็รู้ตัว ว่านางได้หายจากโรค ความเชื่อของนางรวมกันอยู่ใน การสัมผัสเพียงครั้งเดียวนั้น ทันใดนั้นความเจ็บปวดและ อาการอ่อนเพลียของนางได้สูญหายไปสิ้น นางรู้สึกเหมือน กับว่ามีกระแสร์ไฟฟ้าแล่นไปทั่วสรรพางค์กาย และนาง กลับแข็งแรงอีก “ผู้หญิงนั้นรู้สึกตัวว่าโรคหายแล้ว”MHTH 66.1

    หญิงผู้นั้นปรารถนาที่จะแสดงความขอบคุณพระ องค์ผู้ได้ทำประโยชน์แก่นางด้วยการสัมผัสเพียงครั้งเดียว มากยิ่งกว่าที่พวกหมอได้รักษานางมา ๑๒ ปีแล้ว แต่นาง ไม่กล้า นางจึงเดินห่างออกไปจากฝูงชนด้วยความรู้สึก ขอบคุณอยู่ในใจ ทันใดนั้นพระเยซูทรงหยุดเหลียวมอง ไปรอบ ๆ และตรัสถามว่า “ใครถูกต้องเสื้อของเรา”MHTH 66.2

    เปโตรมองดูพระองค์อยางประหลาดใจ แล้วทูล ตอบว่า “พระองค์เห็นแล้วว่าประชาชนกำลังเบียดเสียด พระองค์ และพระองค์ยังจะทรงถามอีกหรือว่า “ใครถูก ต้องเรา ?”MHTH 66.3

    พระเยซูตรัสว่า “มีใครถูกต้องเรา เพราะเรารู้ สึกว่าฤทธิ์ซ่านออกจากตัวเรา” พระองค์ทรงทราบว่า การที่มีใครถูกต้องพระองค์ด้วยความเชื่อกับการที่ฝูงชนถูก ต้อง พระองค์โดยไม่เอาใจใส่นั้นแตกต่างกันอย่างไร ใครคนหนึ่งได้ต้องถูกต้องพระองค์ด้วยความมุ่งหมายอันลึกซึ้ง และ ผู้นั้นก็ได้รับสิ่งที่เขาปรารถนาจากพระองค์MHTH 67.1

    พระเยซูมิได้ทรงถามเพื่อจะให้ใครทูลตอบพระ องค์เอง พระองค์ปรารถนาที่จะสั่งสอนฝูงชน, พวกสาวก ของพระองค์และหญิงผู้นั้น พระองค์ปรารถนาที่จะให้ผู้ ป่วยเจ็บมีความหวัง พระองค์ปรารถนาที่จะแสดงให้คน เหล่านั้นเห็นว่าความเชื่อสามารถจะบันดาลให้ผู้ป่วยหาย จากโรคได้ พระองค์จะต้องกล่าวชมเชยให้ฝูงชนเห็นว่า หญิงนั้นหายจากโรคเพราะเขาไว้วางใจในพระองค์ คำ สารภาพด้วยความกตัญญูรู้คุณของหญิงนั้นจะต้องเป็นสิ่ง ที่ถวายรัศมีภาพแก่พระเจ้า พระคริสต์ปรารถนาที่จะให้ นางเข้าใจว่าพระองค์ทรงพอพระทัยในการกระทำอันแสดง ความเชื่อของนาง พระองค์จะไม่ยอมให้นางจากไปโดย มิได้รับพระพรเต็มบริบูรณ์ พระองค์จะไม่ยอมให้นางจาก ไป โดยไม่ทราบว่าพระองค์ทรงทราบว่านางต้องทนทุกข์ ทรมานด้วยโรคร้าย หรือทราบว่าพระองค์ทรงพระเมตตา กรุณาและพอพระทัยในการที่นางเชื่อว่าพระองค์สามารถ จะรักษาทุกคนที่มาหาพระองค์ให้หายจากโรคได้ MHTH 67.2

    พระเยซูทอดพระเนตรไปทางหญิงนั้นและตรัสถามอีก ว่าใครได้ถูกต้องพระองค์ เมื่อเห็นว่าไม่สามารถจะปิดบัง ต่อไปอีกได้ นางก็เดินออกไปข้างหน้าด้วยเนื้อตัวอันสั่นเทา แล้วหมอบลงแทบพระบาทของพระเยซู นางร้องไห้และ ทูลพระองค์ต่อหน้าฝูงชนเหล่านั้นว่าเหตุใดนางจึงได้ถูกต้อง ชายเสื้อของพระองค์ และนางได้หายจากโรคทันที นาง เกรงว่าการที่นางถูกต้องชายเสื้อของพระองค์นั้นเป็นการ บังอาจ แต่พระคริสต์มิได้ติเตียนนางว่าอย่างใดเลย พระ องค์ทรงแต่ยกย่องชมเชยนาง ถ้อยคำเหล่านั้นออกมา จากจิตใจอันเต็มไปด้วยความรักความเห็นอกเห็นใจมนุษย์ ทุก ๆ คนที่ตกทุกข์ได้ยาก พระองค์จึงตรัสแก่หญิงนั้นว่า “ลูกเอ๋ย ความเชื่อของเจ้าได้กระทำให้ตัวเจ้ารอดแล้ว จงไปเป็นสุขเถิด” คำตรัสของพระเยซูทำให้หญิงนั้นมี ความชื่นชมยินดีเป็นอันมาก นางไม่ต้องกลัวอีกว่าการ กระทำของนางจะทำให้พระเยซูขัดเคืองพระทัยMHTH 68.1

    ฝูงชนที่เบียดเสียดเยียดยัดอยู่รอบ ๆ พระเยซูมิได้ รับฤทธิ์อำนาจที่จะบันดาลให้เขาหายจากโรคได้ แต่หญิง ผู้ต้องทนทุกข์ทรมานด้วยโรคร้าย ซึ่ง สัมผัสพระองค์ด้วย ความเชื่อได้รับการรักษาให้หายจากโรค ดังนั้นในสิ่งที่ เกี่ยวกับวิญญาณจิตต์ การสัมผัสโดยบังเอิญจึงแตกต่าง จากการสัมผัสด้วยความเชื่อ การที่เราเพียงแต่เชื่อว่า พระคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของโลกไม่สามารถจะชำระ จิตต์วิญญาณของเราให้สอาดบริสุทธิ์ได้ ความเชื่อซึ่งจะนำเราไปสู่ชีวิตชั่วนิรันดร์นั้นมิใช่แต่เพียงการยอมรับเอา ความจริงแห่งกิตติคุณประเสริฐ ความเชื่อที่แท้จริงนั้น คือการยอมรับพระคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด ส่วนตัวของ เรา พระเจ้าทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อข้าพเจ้า “จะมิได้พินาศ แต่มีชีวิตชั่วนิรันดร์” ถ้า ข้าพเจ้าวางใจในพระบุตรนั้น เมื่อข้าพเจ้ามาหาพระคริสต์ ตามพระคำของพระองค์ ข้าพรเจ้าจะต้องเชื่อว่าข้าพเจ้าได้ รับพระคุณแห่งความรอดของพระองค์ ชีวิตซึ่งข้าพเจ้ามี อยู่ในเนื้อหนังเดี๋ยวนี้ “ข้าพเจ้ามีอยู่โดยศรัทธา คือศรัทธา ในพระบุตรของพระเจ้า ผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ประ ทานพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า..”MHTH 69.1

    หลายคนถือว่าความเชื่อเป็นความเห็น โดยอาศัย ความเชื่อที่ช่วยให้รอดได้ คนทั้งหลายที่ได้รับพระคริสต์ได้ มีส่วนร่วมในคำสัญญาของพระเจ้า ความเชื่อที่ยั่งยืน หมายถึงกำลังที่เพิ่มเติมขึ้น ความไว้เนื้อเชื่อใจ และโดย พระคุณของพระคริสต์ จิตตวิญญาณของเราก็มีอำนาจที่ จะเอาชนะความผิดบาปได้MHTH 70.1

    ความเชื่อ เป็นผู้ชะนะที่มีอำนาจยิ่งใหญ่กว่าความ ตาย ถ้าเราสามารถจะชักจูงคนป่วยให้เพ่งตาดูนายแพทย์ ผู้ยิ่งใหญ่ด้วยความเชื่อ เราก็จะได้เห็นผลอันน่ามหัศจรรย์ ความเชื่อนั้นจะนำชีวิตมาสู่ร่างกายและวิญญาณจิตMHTH 71.1

    ในการทำงานเพื่อผู้ที่ตกเป็นทาสแห่งอุปนิสสัยอัน ชั่วร้าย แทนที่เราจะชี้ให้เขาเห็นทางแห่งความทุกข์ยากและ ความพินาศซึ่งเขากำลังเดินไปสู่ ควรหันสายตาของเขาไป หาพระเยซู ให้เขาจับตาดูรัศมีภาพอันรุ่งเรืองแห่งสวรรค์ สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ในการช่วยจิตต์วิญญาณให้รอดมาก กว่าที่เราจะเล่าให้เขาฟังถึงเรื่องหลุมฝังศพอันน่ากลัวMHTH 71.2

    “พระองค์ทรงช่วยเราให้รอดโดยพระเมตตากรุณา ของพระองค์มิใช่โดยกิจการแห่งความชอบธรรมซึ่งเราได้ กระทำ”MHTH 71.3

    คนใช้ของนายร้อยชาวโรมันผู้หนึ่ง ป่วยเป็นอำมะ พาต ในหมู่พวกโรมันถือกันว่าคนใช้เป็นทาสซึ่งซื้อขายกัน ได้ในท้องตลาด ผู้ที่เป็นนายมักจะใช้อำนาจบีบบังคับพวก เหล่านั้นอย่างโหดร้ายทารุณ แต่นายร้อยผู้นั้นรักและเมตตา กรุณาคนใช้ผู้นั้นมาก และปรารถนาที่จะให้เขาหายจาก โรค นายร้อยผู้นั้นเชื่อว่าพระเยซูทรงสามารถรักษาคนใช้ ของเขาให้หายจากโรคได้ เขายังไม่ได้เห็นพระผู้ช่วยให้รอด แต่ข่าวที่เขาได้ยินถึงพระเยซูทำให้เขามีความเชื่อ แม้ว่า พวกยิวจะเป็นคนเจ้าระเบียบแบบแผน นายทหารโรมันผู้นี้ก็ ยังเห็นประจักษ์ว่า ศาสนาของพวกยิวมีความสำคัญยิ่งกว่า ศาสนาของเขา เขาไม่มีอคติและมีใจเกลียดชังพวกยิว เหมือนชาวโรมันอื่น ๆ เขาได้แสดงความนับถือต่อการ ปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า และได้แสดงความเมตตากรุณต่อ ชนชาติยิว ในฐานะที่เขาเป็นผู้นมัสการพระองค์ ในคำ สอนของพระคริสต์ตามที่เขาได้ยินมา เขาได้พบสิ่งซึ่ง จิตวิญญาณของเขาต้องการ เขารู้สึกสนใจในพระคำของ พระผู้ช่วยให้รอด แต่เขาคิดว่าเขาไม่มีค่าเหมาะสมที่จะ เข้าใกล้พระเยซูได้ เขาจึงขอร้องผู้เฒ่าผู้แก่ชาติยิวให้ ทูลขอพระเยซูเสด็จไปรักษาคนใช้ของเขาให้หายป่วยMHTH 71.4

    พวกผู้เฒ่าผู้แก่เหล่านั้นได้อ้อนวอนพระองค์ด้วยใจ ร้อนรนว่า “นายร้อยนั้นเป็นคนสมควรที่พระองค์จะกระทำ การนั้นให้ท่าน เพราะว่าท่านรักประเทศของเรา และท่าน เองได้สร้างธรรมศาลาให้เราด้วย”MHTH 73.1

    พระเยซูจึงเสด็จไปกับเขา แต่ในขณะที่ไปกลาง ทางนายร้อยผู้นั้นได้ใช้เพื่อนฝูงมาทูลพระองค์ว่า “พระองค์ เจ้าข้าอย่าลำบากเลย เพราะว่าข้าพเจ้าไม่เป็นคนสมควรที่ พระองค์จะเสด็จเข้ามาใต้หลังคาตึกของข้าพเจ้าMHTH 73.2

    แต่พระผู้ช่วยให้รอดก็ยังเสด็จต่อไป นายร้อยจึง มาเฝ้าพระองค์ทูลว่า “ข้าพเจ้าคิดว่าไม่สมควรที่ข้าพ- เจ้าจะไปหาพระองค์ด้วย แต่ขอพระองค์ทรงโปรดตรัสสัก คำเดียวและผู้รับใช้ของข้าพเจ้าจะหายจากโรค ด้วยข้าพ- เจ้าเป็นคนอยู่ใต้บังคับของเขา แต่ยังมีทหารอยู่ใต้บังคับ ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าสั่งคนนี้ว่า “ไป” เขาก็ไป สั่งอีกคนหนึ่ง ว่า “มา” เขาก็มา และสั่งบ่าวของข้าพเจ้าว่า “จงทำสิ่งนี้” เขาก็กทำ”MHTH 73.3

    “ข้าพเจ้าเป็นผู้แทนของผู้มีอำนาจฝ่ายกรุงโรม และพวกทหารของข้าพเจ้ายกย่องนับถือข้าพเจ้าเป็นผู้มีอำ นาจสูงสุด โดยทำนองเดียวกันพระองค์เป็นผู้แทนของพระ เจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ตลอดกาล และสารพัตรทุกสิ่งที่พระ เจ้าทรงสร้างยอมเชื่อฟังพระองค์ พระองค์ทรงฤทธานุภาพ สามารถรักษาคนป่วยให้หายจากโรคได้ ขอพระองค์ทรง โปรดตรัสสักคำเดียวและผู้รับใช้ของข้าพเจ้าจะหายจาก รค”MHTH 74.1

    พระคริสต์จึงตรัสแก่นายร้อยว่า “ไปเถิด ท่าน ได้เชื่ออย่างใดก็ให้เป็นแก่ท่านอย่างนั้น” ในชั่วโมงนั้นผู้ รับใช้ของเขาก็หายเป็นปกติMHTH 74.2

    พวกผู้เฒ่าผู้แก่ชาติยิวได้ทูลอ้อนวอนพระเยซูให้ ทรงช่วยนายร้อย เพราะเขาได้กระทำคุณประโยชน์แก่พวก ยิว เขากล่าวว่า “นายร้อยนั้นเป็นคนสมควรที่พระองค์ จะกระทำการนั้นให้ท่าน เพราะท่านได้สร้างธรรมศาลาให้ เราด้วย” แต่นายร้อยนั้นได้กล่าวถงตนเองว่า “ข้าพเจ้า ไม่เป็นสมควร” แต่เขาไม่กลัวที่จะขอความช่วยเหลือ จากพระเยซู เขามิได้ไว้วางใจในความดีของตนเอง แต่ ไว้วางใจในพระเมตตากรุณาของพระผู้ช่วยให้รอด เหตุ ผลอย่างเดียวของเขาก็คือความต้องการอันยิ่งใหญ่ของเขาMHTH 74.3

    โดยทำนองเดียวกันมนุษย์ทุก ๆ คนสามารถจะมา หาพระคริสต์ได้ “ไม่ใช่ตามการชอบธรรมซึ่งเราได้กระ ทำ แต่ตามพระองค์ทรงพระกรุณา” ท่านรู้สึกหรือว่า เพราะเหตุที่ท่านเป็นคนบาป ท่านจึงไม่มีหวังที่จะได้รับพระ พรจากพระเจ้า? จงจำไว้ว่าพระคริสต์เสด็จมาในโลกเพื่อ จะช่วยคนบาปให้รอด เราไม่มีอะไรที่จะเป็นเครื่องสนับ สนุนให้พระเจ้าทรงเห็นว่าเรามีคุณสมบัติอันดีงาม เราจำ เป็นจะต้องทูลขอให้พระองค์ไถ่เราให้พ้นจากบาปเพราะ เราตกอยู่ในสภาพอันสิ้นหวัง เมื่อเราเลิกยึดตนเองเป็นที่ พึ่งเราก็สามารถจะมองดูไม้กางเขนแห่งคาลวารีและกล่าว ได้ว่าMHTH 75.1

    “ข้าทำบาปและมีราคีMHTH 75.2

    พระคริสต์โปรดล้างด้วยปราณี”MHTH 76.1

    พระเยซูตรัสว่า “ถ้าช่วยได้น่ะหรือ! ใครเชื่อก็ ทำให้ได้ทุกสิ่ง” ความเชื่อเป็นสิ่งที่ช่วยให้เรามีการติดต่อ กับสวรรค์ และทำให้เรามีกำลังที่จะต่อสู้กับอำนาจแห่ง ความมืดได้ ในพระคริสต์พระเจ้าทรงเตรียมวิธีการณ์ที่จะ ทำลายล้างความชั่วร้ายทุกอย่างและต่อต้านการทดลองทุก ชะนิดไม่ว่าจะร้ายแรกสักเพียงใด แต่หลายคนรู้สึกว่าเขา ขาดความเชื่อ เหตุฉะนั้นเขาจึงปลีกตัวออกห่างจากพระ คริสต์ ขอให้คนเหล่านี้ซึ่งรู้ตัวว่าเป็นผู้ไม่สมควรจะได้รับ ความช่วยเหลือของพระองค์พึ่งในพระเมตตากรุณาของ พระผู้ช่วยให้รอด อย่าพึ่งตัวเองแต่พึ่งในพระคริสต์ พระ องค์ผู้ทรงรักษาคนป่วยเจ็บและขับผีโสโครกออกจากคน ที่มีผีสิง ในขณะที่พระองค์ทรงดำเนินอยู่ในระหว่างหมู่ มนุษย์ยังคงเป็นพระผู้ไถ่ ผู้ทรงฤทธานุภาพยิ่งใหญ่องค์ เดียวกัน ขอให้เรายึดมั่นในคำสัญญาของพระองค์ “ผู้ ที่มาหาเรา ๆ จะไม่ละทิ้งเลย” เมื่อท่านมาหาพระองค์จง เชื่อว่าพระองค์ทรงยอมรับท่านเพราะพระองค์ได้ทรงสัญ ญาไว้แล้ว ท่านจะไม่ถึงซึ่งความพินาศเลยถ้าท่านมาหา พระองค์MHTH 76.2

    “แต่ฝ่ายพระเจ้าได้ทรงสำแดงความรักของพระ องค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะเมื่อเราทั้งหลายยังเป็นคน บาป พระคริสต์ได้ทรงยอมตายแทนเรา”MHTH 77.1

    “ถ้าพระเจ้าอยู่ฝ่ายเรา ใครผู้ใดจะต่อสู้เราได้ พระองค์ผู้มิได้ทรงเสียดายพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ แต่ได้ทรงโปรดประทานพระบุตรนั้นเพื่อประโยชน์แกเราทั้ง หลาย ถ้าเช่นนั้นพระองค์จะไม่ทรงโปรดประทานสิ่ง สารพัตรให้เราทั้งหลายด้วยกันกับพระบุตรนั้นหรือ ?”MHTH 77.2

    “เหตุว่าข้าพเจ้าเชื่อมั่นคงว่า แม้นความตายหรือ ชีวิต หรือฑูตสวรรค์ หรือผู้มีบรรดาศักดิ์ หรือสิ่งซึ่งมีอยู่ เดี๋ยวนี้ หรือสิ่งซึ่งจะมาภายหน้า หรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย หรือความสูง หรือความลึก หรือสิ่งใด ๆ อื่นที่ทรงสร้าง แล้ว จะไม่อาจกระทำให้เราทั้งหลายขาดจากความรักของ พระเจ้าซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ทั้งหลาย”MHTH 77.3

    “พระองค์เจ้าข้า ถ้าพระองค์ทรงโปรด พระองค์ สามารถจะรักษาข้าพเจ้าให้หายเป็นสอาดได้”MHTH 78.1

    ในบรรดาโรคภัยซึ่งเป็นที่รู้จักกันในภาคตวันออก โรคเรื้อนเป็นโรคที่ร้ายแรงมากที่สุด แม้แต่คนที่กล้าหาญ ที่สุดก็มีความหวาดกลัวโรคนี้เพราะเป็นโรคติดต่อที่รักษาไม่หาย และผู้ป่วยด้วยโรคนี้ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างน่า เวทนา ในหมู่ชนชาติยิวถือกันว่าผู้ป่วยเป็นโรคนี้ได้ทำ ความบาปพระเจ้าจึงทรงลงโทษเขา ฉะนั้นโรคเรื้อนจึง ถูกเรียกว่า “โรคร้ายแรงซึ่งพระเจ้าทรงบันดาลให้เกิดขึ้น แก่คนบาป” ใคร ๆ ถือว่าโรคนี้เป็นเครื่องหมายแห่ง ความบาป เพราะเป็นโรคที่กินลึก เป็นโรคติดต่ออย่าง ร้ายแรงที่ไม่มีผู้ใดสามารถจะบำบัดรักษาให้หายขาดได้MHTH 78.2

    ตามกฎของฝ่ายศาสนาถือว่าคนโรคเรื้อนเป็นผู้ที่ ไม่สอาด ไม่ว่าเขาจะจับต้องสิ่งใดสิ่งนั้นก็ไม่สอาด แม้ แต่อากาศที่เขาหายใจก็เป็นมลทิน เขาถูกกีดกันให้พ้นจาก ที่พักอาศัยของหมู่มนุษย์เหมือนกับคนที่ตายแล้ว ผู้ที่ถูกสง สัยว่าเป็นโรคนี้จะต้องไปแสดงตนต่อปุโรหิต ๆ จะพิจารณา ดูว่าเป็นโรคนั้นจริงหรือไม่ ถ้าปุโรหิตตรวจพบว่าเขา เป็นโรคเรื้อนเขาก็ต้องถูกตัดขาดจากครอบครัว จากที่ ประชุมของพวกยิศราเอล และต้องไปพักอาศัยและคบหา สมาคมกับพวกที่เป็นโรคอย่างเดียวกัน แม้แต่พระมหา- กษัตริย์ และผู้ปกครองก็มิได้รับการยกเว้นในข้อนี้ พระ มหากษัตริย์ที่เป็นโรคร้ายแรงนี้จะต้องยอมสละราชบัลลังก์ แล้วออกไปให้พ้นจากวงสังคมMHTH 78.3

    คนโรคเรื้อนต้องทนรับคำสาปแช่งในการที่เขา เป็นโรคร้าย และต้องอยู่ห่างไกลจากมิตรสหายและญาติ พี่น้องของเขา เขาต้องฉีกเสื้อผ้าและร้องประกาศให้ผู้อื่น ทราบว่าเขาเป็นโรคเรื้อนเพื่อคนเหล่านั้นจะได้หนีไปเสียให้ พ้น เสียงร้องว่า “ไม่สอาด ! ไม่สอาด !” ของพวก โรคเรื้อนผู้เปล่าเปลี่ยวอ้างว้างเป็นเสียงซึ่งทำให้ผู้ที่ได้ยิน สะดุ้งหวั่นหวาดและเกรงกลัวMHTH 79.1

    ในแว่นแคว้นที่พระคริสต์ทรงเทศนาสั่งสอนอยู่มีผู้ ที่เจ็บป่วยทรมานด้วยโรคร้ายนี้อยู่หลายคน เมื่อข่าวเรื่อง กิจการของพระองค์ล่วงรู้ไปถึงคนโรคเรื้อนเหล่านั้น คน หนึ่งก็เกิดความเชื่อขึ้นในใจ ถ้าเขาสามารถจะไปหาพระ เยซูเขาก็อาจจะได้หายจากโรค แต่เขาจะไปหาพระเยซูได้ อยางไร ? โดยเหตุที่เขาต้องปลีกตนออกห่างจากผู้อื่น เขาจะไปเฝ้าพระเยซูนายแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร ? และ พระคริสต์จะทรงรักษาเขาให้หายหรือไม่ ? พระองค์จะ ไม่สาปแช่งเขาและเตือนเขาให้หนีไปจากเคหะสถานของ มนุษย์เหมือนดังที่พวกฟาริซายและพวกแพทย์อื่น ๆ ได้เคย ทำหรือ ?MHTH 80.1

    เขาคิดถึงเรื่องที่ใคร ๆ บอกเขาเกี่ยวกับพระเยซู ผู้ที่มาขอให้พระองค์ช่วยเหลือยังไม่เคยถูกทอดทิ้งเลยสัก คนเดียว คนโรคเรื้อนผู้น่าสงสารนั้น จึงตั้งใจว่าจะไปหา พระผู้ช่วยให้รอด แม้ว่าเขาจะถูกกีดกันให้อยู่นอกเมือง บางทีเขาอาจจะได้เดินผ่านทางของพระองค์ตามภูเขา หรือ อาจจะพบพระองค์สั่งสอนฝูงชนอยู่ทางนอกเมืองบ้างก็ได้ ความยากลำบากที่เขาจะต้องประสพนั้นยิ่งใหญ่นัก แต่มัน ก็เป็นความหวังเพียงชิ้นเดียวของเขาเท่านั้นMHTH 80.2

    คนโรคเรื้อนยืนอยู่ห่าง ๆ เขาได้ยินคำตรัสของ พระเยซู ๒-๓ คำ เขาเห็นพระองค์วางพระหัตถ์บนคนป่วย เขาเห็น คนง่อย คนตาบอด คนเป็นอำมะพาต และคนที่ ป่วยเจ็บเป็นโรคต่าง ๆ หายจากโรคกลับแข็งแรงเป็นปกติ และถวายสรรเสริญพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงช่วยเขาให้ หายจากโรค ความเชื่อของเขาเพิ่มมากยิ่งขึ้น เขา ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ฝูงชนที่กำลังฟังคำเทศนาของพระ องค์ ในขณะนั้นเขาลืมนึกถึงความปลอดภัยของประชา ชน, ลืมนึกถึงข้อบังคับที่เขาจำต้องปฏิบัติตาม และลืมว่า คนทั้งหลายกลัวจะติดโรคจากเขา เขาคิดถึงแต่ความหวัง ที่จะได้รับการรักษาให้หายจากโรคเท่านั้นMHTH 81.1

    คนโรคเรื้อนนั้นมีรูปร่างลักษณะน่าเกลียดน่ากลัว ยิ่งนัก โรคร้ายนั้นได้กำเริบมากขึ้นกระทำให้ร่างกายของ เขาเป็นแผลเน่าเปื่อยเป็นที่น่าสพึงกลัว เมื่อฝูงชนเห็นเขา ก็พากันถอยหนีไป เขาพากันตกใจกลัวและเข้าไปเบียด เสียดกัน เพื่อจะหนีให้พ้นจากคนโรคเรื้อนนั้น บางคนก็ พยายามจะกีดกันไม่ให้เขาเข้าใกล้พระเยซู แต่ก็ไม่ สามารถจะห้ามได้ เขาไม่ยอมฟังเสียงคนเหล่านั้นเลย เขา มองไม่เห็นว่าคนเหล่านั้นมีสีหน้าและท่าทางรังเกียจเขา เขาเห็นแต่เพียงพระบุตรของพระเจ้า เขาได้ยินแต่พระ สุรเสียงที่สามารถเรียกคนตายแล้วให้กลับฟื้นขึ้นมาได้อีกMHTH 82.1

    คนโรคเรื้อนผู้นั้น พยายามเข้าไปจนถึงพระเยซู แล้วหมอบกราบลงแทบพระบาทของพระองค์ทูลว่า “พระ องค์เจ้าข้า ถ้าพระองค์พอพระทัยจะทรงโปรดข้าพเจ้า พระองคก์ก็อาจจะให้ข้าพเจ้าหายโรค และสอาดได้”MHTH 82.2

    พระเยซูตรัสตอบว่า “เราพอใจแล้ว จงหายโรค และสอาดเถิด” แล้วพระองค์ได้ทรงวางพระหัตถ์บนร่างเขาMHTH 82.3

    ทันใดนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นแก่คนโรคเรื้อน นั้น โลหิตของเขากลับสอาดบริสุทธิ์ ประสาทก็กลับมี ความรู้สึก และกล้ามเนื้อก็กลับแข็งแรงอีก ผิวเนื้อที่ ขรุขระและมีขุยขาว ๆ ก็กลับละเอียดอ่อนเหมือนผิวเนื้อ ของเด็ก ๆMHTH 83.1

    ถ้าพวกปุโรหิตได้ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับการที่ พระเยซูรักษาคนโรคเรื้อนนั้นให้หาย เขาก็อาจจะทำสิ่งที่ ไม่สุจริต ในการตัดสินใจว่าคนโรคเรื้อนนั้นหายจากโรคจริง หรือไม่ พระเยซูปรารถนาที่จะให้ปุโรหิตตัดสินโดย ยุติธรรม พระองค์จึงห้ามมิให้คนโรคเรื้อนนั้นบอกใคร ๆ ว่าเขาได้หายจากโรค แต่ให้นำของไปถวายที่วิหารก่อนที่ ใคร ๆ จะทราบข่าวเรื่องการมหัศจรรย์ที่พระเยซูทรง รักษาเขาให้หายจากโรคMHTH 83.2

    ก่อนที่พวก ปุโรหิต จะรับของถวายเช่นนั้นเขาจะ ต้องตรวจตราดูเสียก่อนว่า ผู้ถวายของนั้นหายจากโรคแน่ นอนหรือไม่MHTH 83.3

    เมื่อได้ตรวจดูแล้วปุโรหิตก็รับรองว่าชายนั้นหาย จากโรคเรื้อนแน่นอน เขาจึงได้รับอนุญาตให้กลับบ้านและ อยู่ร่วมกับคนอื่น ๆ ได้อีก เขารู้สึกว่าคุณประโยชน์ใน การมีสุขภาพสมบูรณ์นั้นเป็นสิ่งประเสริฐยิ่ง เขามีความ ชื่นชมยินดีที่ได้มีร่างกายแข็งแรงเป็นปกติ และได้กลับไป อยู่กับครอบครัวของเขาอีก แม้ว่าพระเยซูจะทรงห้ามมิให้ เขาบอกผู้อื่นว่าเขาหายจากโรค เขาก็ไม่สามารถจะปิด เรื่องนั้นไว้ได้ เขาได้เที่ยวไปประกาศถึงฤทธิ์อำนาจของ พระองค์ผู้ทรงรักษาเขาให้หายด้วยใจชื่นชมยินดีMHTH 84.1

    เมื่อชายผู้นั้นมาหาพระเยซูเขามีร่างกาย “เต็มไป ด้วยโรคเรื้อน” พิษอันแรงของโรคนี้ปรากฎอยู่ทั่วร่าง กายของเขา พวกสาวกพยายามที่จะป้องกันมิให้พระ อาจารย์ของเขาถูกต้องคนโรคเรื้อนนั้น เพราะผู้ที่ถูกต้องคน โรคเรื้อนก็กลับกลายเป็นคนไม่สอาดด้วย แต่เมื่อพระเยซู ทรงวางพระหัตถ์บนคนโรคเรื้อนพระองค์มิได้เป็นมลทิน โรคเรื้อนนั้นก็กลับหายเป็นสอาด ความผิดบาปของเราก็ เปรียบได้เช่นเดียวกับโรคเรื้อน มนุษย์เราไม่มีอำนาจที่จะ ชำระล้างความผิดบาปเองได้ เพราะความบาปของเราก็มี รากลึกและมีพิษสงร้ายแรง “ทั้งศีร์ษะก็เจ็บไปทั่ว และ ทั้งใจก็ละเหี่ยม่อยไป ตั้งแต่ฝ่าเท้าขึ้นไปตลอดกระทั่งศีรษะ ไม่มีที่ปกติเลย มีแต่บาดแผลและรอยฟกช้ำ และรอยแผล เฆี่ยน” แต่เมื่อพระเยซูเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ไม่มี สิ่งใดจะทำให้พระองค์เป็นมลทินได้ พระองค์สามารถปลด เปลื้องความผิดบาปของเราได้ ผู้ใดที่ซบกายลงแทบพระ บาทของพระองค์และกล่าวว่า “พระองค์เจ้าข้า ถ้าพระ องค์พอพระทัย ขอทรงโปรดรักษาข้าพเจ้าให้หายเป็น สอาด” ผู้นั้นจะได้ยินคำตอบว่า “เราพอใจแล้ว จงหาย เป็นสอาดเถิด”MHTH 84.2

    ในการรักษาโรคบางราย พระเยซูมิได้โปรดให้ เป็นไปตามคำขอร้องของเขาโดยทันที แต่ในการรักษา โรคเรื้อน พระองค์โปรดให้ผู้ที่ทูลขอหายจากโรคทันที เมื่อเราอธิษฐานขออะไรบางอย่างในโลกนี้ พระเจ้าอาจจะ ไม่ตอบคำอธิษฐานของเราทันที หรือพระเจ้าอาจจะประ ทานสิ่งอื่นที่เราไม่ได้ทูลขอให้เรา แต่เมื่อเราขอพระองค์ ทรงช่วยเราให้รอดจากบาป พระองค์จะไม่ทรงทำเช่นนั้น พระองค์ทรงปรารถนาที่จะชำระล้างเราให้สอาดจากความ บาปผิด เพื่อจะทำให้เราเป็นพระบุตรของพระองค์ และ เพื่อจะทำให้เราสามารถดำเนินชีวิตอันบริสุทธิ์ได้ พระ คริสต์ “ทรงประทานพระองค์เองเพราะความบาปของ เราทั้งหลาย เพื่อจะช่วยให้เรารอดพ้นจากโลกปัจจุบันอัน ชั่วนี้ตามชอบพระทัยพระเจ้าพระบิดาของเรา” และ “นี่ แหละเป็นความกล้าที่เราทั้งหลายมีอยู่ในการที่จะติดต่อกับ พระองค์ คือว่าถ้าเราทูลขอสิ่งใดตามชอบพระทัยของพระ องค์ พระองค์จะโปรดฟังเรา และถ้าเรารู้แล้วว่าพระองค์ ทรงฟังเรา เราทูลขอสิ่งใด ๆ เราจึงรู้ว่าเราได้รับตามที่ เราได้ทูลขอจากพระองค์นั้น”MHTH 85.1

    “ท่านจะได้รับการพักผ่อน”MHTH 86.1

    พระเยซูทรงทอดพระเนตรดูผู้ที่มีความทุกข์ยาก และมีความวิตกกังวลใจ ผู้ที่มีความหวังถูกทำลายและผู้ที่ แสวงความสุขในทางโลกเพื่อจะได้รับสิ่งที่เขาปรารถนา พระเยซูเชิญทุก ๆ คนให้เข้ามาแสวงหาการพักผ่อนในพระ องค์MHTH 86.2

    พระเยซูทรงตรัสแก่คนทั้งหลายที่ต้องทำงานหนัก ว่า “จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะ ว่าใจเราอ่อนสุภาพ และท่านท่านหลายจะได้ความสุขสำราญ ในใจของตน”MHTH 87.1

    ในถ้อยคำเหล่านี้พระเยซูคริสต์ ทรงตรัสแก่มนุษย์ ทุกคน เราทั้งหลายเหน็ดเหนื่อยอิดโรย และมีภาระหนักที่ จะต้องแบก เราทั้งหลายถูกทับถมด้วยภาระซึ่งพระคริสต์ เจ้วองค์เดียวเท่านั้นสามารถจะช่วยปลดเปลื้องได้ ภาระอันหนักที่สุดซึ่งเราต้องแบกคือภาระแห่งความบาป ถ้าเรา ถูกทอดทิ้งให้แบกภาระนี้ตามลำพังแล้วมันก็จะทับถมเราจน ต้องถึงซึ่งความพินาศ แต่พระผู้ปราศจากความผิดบาปได้ ทรงยอมรับภาระนั้นแทนเรา “พระยะโฮวาทรงให้บาปผิด ทั้งหมดของพวกเราตกอยู่กับเขาผู้นั้น”MHTH 87.2

    พระองค์ทรงแบกภาระแห่งความบาปผิดของเรา พระองค์จะทรงยกภาระอันหนักนั้นออกจากบ่าอันเหน็ด เหนื่อยเมื่อยล้าของเราทั้งหลาย พระองค์จะโปรดให้เรา ได้พักผ่อนหายเหนื่อย พระองค์จะทรงแบกภาระแห่งความ วิตกกังวลและความทุกข์โศกของเราด้วย พระองค์ทรง เชิญเราทั้งหลายให้วางความทุกข์ยากและวิตกกังวลไว้บน พระองค์ เพราะพระองค์ทรงอุ้มชูเราไว้ในดวงพระทัยของ พระองค์MHTH 88.1

    พระเยซูคริสต์ทรงยืนอยู่ข้างพระที่นั่งซึ่งดำรงอยู่ ชั่วนิรันดร์ พระองค์ทรงทอดพระเนตรดูทุกคนที่หันหน้ามา หาพระองค์ และยอมรับพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด โดยเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่พระองค์ได้ประสพมาแล้วพระองค์ ทรงทราบว่ามนุษย์เรามีความอ่อนกำลังอย่างไร มีความ ต้องการอะไร และอำนาจที่จะล่อลวงเราให้ตกในการทด ลองนั้นอยู่ที่ไหน เพราะ “พระองค์ได้ทรงถูกทดลองเหมือน อย่างเราทุกประการ ถึงกระนั้นก็ยังปราศจากความบาป” พระองค์ทรงเฝ้าพิทักษ์รักษาท่านทั้งหลาย, บุตรของ พระเจ้าผู้มีร่างกายอันสั่นสะท้าน ท่านถูกทดลองหรือ ? พระองค์จะทรงช่วยท่านให้รอด ท่านอ่อนกำลังหรือ ? พระองค์จะทรงช่วยท่านให้มีกำลังใจเข้มแข็ง ? ท่านโง่เขลา หรือ ? พระองค์จะทรงช่วยให้ท่านมีสติปัญญา ท่านได้รับ บาดแผลฟกช้ำหรือ ? พระองค์จะทรงรักษาให้หาย พระ ยะโฮวา “ทรงนับดวงดาว” “และทรงประเล้าประโลม ใจที่แตกช้ำแล้วให้หาย และทรงผูกพันบาดแผลของเขา”MHTH 88.2

    ไม่ว่าท่านจะมีความวิตกกังวลหรือความยากลำ บากอย่างไร จงนำความทุกข์ยากของท่านมาหาพระเยซู พระองค์จะโปรดให้ท่านมีกำลังอันเข้มแข็งเพื่อจะสามารถ อดทนต่อความทุกข์ลำบากนั้นได้ พระองค์จะทรงเปิดหน ทางให้ท่านได้หลุดพ้นจากความยุ่งยากเหล่านั้น ท่านยิ่งรู้ ตัวว่าท่านอ่อนกำลังและต้องการความช่วยเหลือมากเพียง ใด พระองค์ก็จะประทานกำลังให้ท่านเข้มแข็งยิ่งขึ้นเพียง นั้น ภาระของท่านยิ่งหนักเพียงใด ท่านก็จะได้รับการพัก พักผ่อนเป็นสุขมากขึ้นเพียงนั้น ถ้าท่านวางภาระอันหนัก ของท่านไว้บนพระเยซูMHTH 89.1

    เหตุการณ์ต่าง ๆ อาจจะแยกมิตรสหายให้พลัด พรากจากกัน พื้นน้ำในห้วงสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล อาจจะกางกั้นอยู่ระหว่างเราและเขา แต่ไม่มีเหตุการณ์ ใด ๆ หรือระยะทางใด ๆ ที่จะสามารถแยกเราไปจากพระ ผู้ช่วยให้รอด ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนพระองค์ประทับอยู่ เบื้องขวาของเราเพื่อช่วยอุดหนุน, ค้ำจุน, เชิดชู และช่วย ให้เรามีใจชื่นบาน ความรักของพระคริสต์สำหรับพลไพร่ ที่พระองค์ทรงไถ่ไว้นั้นยิ่งใหญ่กว่าความรักของมารดาที่มี ต่อบุตร เรามีสิทธิที่จะยึดมั่นในความรักของพระองค์ และกล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะได้วางใจในพระองค์ เพราะพระ องค์ทรงประทานชีวิตให้ข้าพเจ้า”MHTH 90.1

    ความรักของมนุษย์อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ แต่ ความรักของพระคริสต์ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เมื่อเราร้อง ขอพระองค์ให้ทรงช่วยเรา พระองค์จะทรงยื่นพระหัตถ์ ออกช่วยเราให้รอดMHTH 90.2

    “ถึงแม้ว่าภูเขาทั้งหลายจะเคลื่อนที่
    และเนินเขาทั้งหลายจะสะเทือนสะท้าน
    ต่ความโปรดปรานของเราจะไม่เลื่อนลอย-
    ไปจากเจ้า
    และคำสัญญาไมตรีแห่งความสงบสุขของเรา
    จะไม่คลอนแคลน”
    พระยะโฮวาผู้มีความสงสารเจ้าทั้งหลายได้
    ตรัสไว้ดังนั้น.
    MHTH 91.1

    Larger font
    Smaller font
    Copy
    Print
    Contents